http://www.mooyaso.net/index.phphttp://www.goldenvet.com/ 
เสน่ห์ และแรงดึงดูดใจ ของการเลี้ยงหมูขุน อยู่ที่ตรงไหน? ถึงได้มีผู้เลี้ยงใหม่ๆ เข้าสู่วงการอย่างไม่ขาดสาย หรือผู้เลี้ยงรายเดิม ขยายปริมาณการเลี้ยงอย่างไม่หยุดยั้ง มีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับคำถามนี้ เป็นอันนี้ใช่ไหม ความสวยบาดใจของหุ่นหมู ,อัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุน, กำไร ,เป็นอาชีพหลัก ,เป็นอาชีพรอง, ความมันเร้าใจส่วนตัว หรือ ฯลฯ
มาดู ต้นทุนหมูขุนปัจจุบัน กันหน่อยเป็นไร สมมุติเริ่มคิดที่การซื้อลูกหมูขุนขนาด 20 กก.มาเลี้ยง เพื่อขายที่น้ำหนักเฉลี่ย 100 กก. หากขายสูงกว่านี้กรณีบางสายพันธุ์ ให้ปรับ ค่าอาหารเพิ่ม
1. ราคาลูกหมู ปัจจุบัน พระที่ 9 พ.ย.50 1,300 +,- 45 บาท ที่ 16 กก. ถ้า 20 กก. ราคา 1,300 + (45*4) 180 = 1,480 บาท
2. อาหาหมูขุนแบ่งเป็น (กรณี ผสมเอง หากซื้อสำเร็จ อาจแตกต่างกัน)
2.1 อาหาร หมูเล็ก (20-40กก.) ราคาประมาณ 13 บาท/กก อัตราแลกเนื้อเฉลี่ย 2.0 ใช้อาหาร 40 กก. เป็นเงิน 520 บาท
2.2 อาหาร หมูรุ่น (40-70 กก.) ราคาประมาณ 12 บาท/กก อัตราแลกเนื้อเฉลี่ย 2.2 ใช้อาหาร 66 กก. เป็นเงิน 792 บาท
2.3อาหาร หมูขุน (70-100 กก.) ราคาประมาณ 11 บาท/กก อัตราแลกเนื้อเฉลี่ย 2.4 ใช้อาหาร 72 กก. เป็นเงิน 792 บาท
รวม เป็นเงิน 2,104 บาท (กรณี การกำหนดค่า อัตราแลกเนื้อเฉลี่ย อาจแตกต่างกัน ซึ่งต้องสัมพันธุ์ กับความเข้มข้นอาหาร และคุณภาพอาหาร รวมถึงระบบการเลี้ยง)
3. ค่าเสื่อมโรงเรือน ( ประมาณ 50 บาท/ตัว ต่อรอบ ) และการจัดการ ประมาณ 1 บาท/กก หรือ 100 บาท/ตัว รวม 150 บาท/ตัว
4. ค่าบริหารจัดการ รวมค่าไฟ น้ำ โทรศัพท์ 150 บาท/ตัว
5. ค่าสุขภาพ วัคซีนและยา 50 บาทต่อตัว หรือ0.5 บาท/กก
6. ค่า ขนส่งทั้งระบบ เฉลี่ย 1 บาท/ กก. และค่าการตลาด 1 บาท/กก. รวม 200 บาท/ตัว
7. ค่าสูญเสียระหว่างเลี้ยง ประมาณ 5 % และ ขายแล้วเก็บเงินไม่ได้ ประมาณ 5 % และดอกเบี้ย 10% /ปีหรือ 5 %/รอบ หรือ 0.5 บาท/กก และอื่นๆ ถ้ามี
8. รวมต้นทุนทั้งระบบ จาก ข้อ1 ถึง 6 เท่ากับ 4,134 บาท /ตัว หรือ 41.34 บาท/กก เมื่อรวมข้อ 7 เท่ากับ 4,134*15% =620 +4,134 = 4,754 บาท หรือประมาณ 47.5 บาท/ กก (ณ ปัจจุบันถึงแม้ราคาจะขึ้นมาแล้ว ในหลายๆพื้นที่ก็ขาดทุนสะสม และขาดทุนปัจจุบันต่อเนื่อง)
ในแต่ละข้อมีปัจจัยเสี่ยงต่างมากมาย ยังไม่นิ่ง และ มีความแปรปรวนตลอดเวลา เช่น
ใน ข้อ 1. หากสายพันธุ์ไม่สม่ำเสมอ และน้ำหนักที่ขายไม่ได้ตามเกณฑ์ ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นและน้ำหนักขายได้ราคาต่ำ และราคาลูกหมูเปลี่ยนแปลงทุกอาทิตย์
ในข้อ 2. คุณภาพอาหาร ,อัตราแลกเนื้อ, ต้นทุนอาหารที่ใช้เทียบกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ความฟ่ามและกากสูง และราคาเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้นทุกวัน ราคาวัตถุดิบหรืออาหาร
ถูกกว่าราคาปกติจะเป็นกับดัก ให้การเลี้ยงยาวนานต้นทุนจะสูงขึ้น และผลผลิตจะต่ำ
ในข้อ 3.ออกแบบโรงเรือนราคาต่ำ ถูกเบื้องต้น แต่ค่าเสื่อมสูง และกลับกัน ส่วนราคาวัสดุ เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้นทุกวัน
ในข้อ 4. ได้หมูสุขภาพอ่อนแอมาเลี้ยง หรือไม่
ในข้อ 5. ความผิดพลาดในการออกแบบ พื้นที่การทำงาน ให้ต้นทุนสูง , หากใช้รถหลายคัน หรือลงทุนเรื่องรถสูง หรือใช้คนมาก หรือส่งหมูไกล และกลไกราคาคุมไม่ได้ ลูกค้าไม่นิ่ง
ในข้อ 6. หากบริหารความเสี่ยงได้ จะดีกว่านี้ หรือต้นทุนต่ำกว่านี้ หากพลาดต้นทุนก็จะสูงขึ้น
เป็นอย่างไร บ้าง ดูข้อมูลแล้วยัง สนใจต่อ หรือไม่ ยากง่าย ก็แล้วแต่ละบุคคล คราวหน้าจะนำเสนอ ตอน เสน่ห์ และแรงดึงดูดใจ ของการเลี้ยงหมูพันธุ์ อยู่ที่ตรงไหน? และแนวทางในการทำให้ต้นทุนหมูขุนต่ำอย่างแท้จริง
------------------------------
- - ต้นทุนการผลิตสุกร 20 kg. ประกอบด้วย
1. ค่าแม่พันธุ์ (Sow cost)
2. ค่าพ่อพันธุ์ (Boar cost)
3. ค่าอาหาร (Feed cost)
4. ต้นทุนด้านสุขภาพ (Health cost)
5. ค่าการจัดการ (Management cost)
6. ค่าเสื่อมราคา (Depreciation)
7. ค่าดอกเบี้ย (Interest)
8. รายรับ (By product income)
วิธีคำนวณ
1. ค่าแม่พันธุ์
ราคาแม่พันธุ์พร้อมใช้งาน 9,000.00 บาท
ลูกสุกรหย่านม/แม่/ครอก เฉลี่ย 11.00 ตัว/ครอก
จำนวนครอก/แม่/ปี 2.00 ครอก/แม่/ปี
ลูกสุกรหย่านม/แม่/ปี 22.00 ตัว/แม่/ปี
แม่พันธุ์ 1 ตัวให้ลูกเฉลี่ยได้ 7.00 ครอก
แม่พันธุ์ 1 ตัวให้ลูกได้ = 11 x 7 = 77 ตัว
ต้นทุนค่าแม่พันธุ์/การผลิตลูก 1 ตัว = 9,000/77 = 117 บาท/ตัว
2. ค่าพ่อพันธุ์
คำนวณเป็นระบบการผสมเทียม
ราคาน้ำเชื้อ/dose 150 บาท
ผสม 2 ครั้ง/xxx ต้นทุน = 150 X 2 = 300
ต้นทุนค่าพ่อพันธุ์/การผลิตลูก 1 ตัว = 300/10 = 30 บาท/ตัว
3. ค่าอาหาร
3.1 ค่าอาหารแม่พันธุ์
- ค่าอาหารแม่อุ้มท้อง
แม่สุกรอุ้มท้อง = 365 วัน - (เลี้ยงลูกเฉลี่ย 25 วัน x 2.0 ครอก/แม่/ปี = 50 วัน)
- ค่าอาหารแม่อุ้มท้อง = 315 วัน/ปี x 2.5 kg./วัน x 10 บาท/kg.อาหาร
= 7,875 บาท/ปี
- ค่าอาหารแม่เลี้ยงลูก = 25 วัน/รอบ x 2.0 ครอก/แม่/ปี x 4.5 kg./วัน x 11 บาท/kg.
= 2,475 บาท/ปี
- ค่าอาหารแม่พันธุ์/ปี = 7,875 + 2,475 = 10,350 บาท
ต้นทุนค่าอาหารแม่พันธุ์/การผลิตลูก 1 ตัว = 10,350/22 = 470 บาท/ตัว
3.2 ค่าอาหารลูกสุกร
Creep feed = 2 kg x 25 บาท/kg = 50 บาท
Prestarter = (20 -
1.4 x 20 = 336 บาท
(Prestarter : กินช่วง นน. 8 - 20 kg. FCR = 1.4 , 20 บาท/kg. อาหาร)
ค่าอาหาร/ลูกสุกร 1 ตัว = 50 + 336 = 386 บาท
ต้นทุนค่าอาหาร/การผลิตลูกสุกร 1 ตัว = 470 + 386 = 856 บาท/ตัว
4. ต้นทุนเกี่ยวกับสุขภาพ (Health cost)
ค่ายาสุกรแม่พันธุ์ = 220 บาท/แม่/ปี
ต้นทุนค่ายาแม่พันธุ์/ลูก 1 ตัว/ปี = 220/22 = 10 บาท
ค่ายาลูกสุกร/ตัว = 5 บาท/ตัว
ค่าวัคซีนแม่พันธุ์/ลูก 1 ตัว/ปี = 154/22 = 7 บาท
ค่าวัคซีนลูกสุกร/ตัว = 50 บาท/ตัว (AD5 + FMD17 + MC23 + SF5)
Health cost/ การผลิตลูก 1 ตัว = 10+5+7+50 = 72 บาท/ตัว
5. ค่าการจัดการ (Management cost)
ค่าการจัดการ = 1,800 บาท/แม่/ปี
ต้นทุนค่าจัดการ/การผลิตลูก 1 ตัว = 1,800/22 = 82 บาท/ตัว
6. ค่าเสื่อมราคา (Depreciation)
เงินลงทุนโครงสร้างโรงเรือนอุปกรณ์ทั้งระบบ/แม่สุกร 1 ตัว = 50,000 บาท/แม่
คิดค่าเสื่อมราคาเฉลี่ยที่ 10 ปี
ค่าเสื่อมราคาเฉลี่ยที่ 10 ปี = 50,000/10 = 5,000 บาท/แม่/ปี
ต้นทุนค่าเสื่อมราคา/การผลิตลูก 1 ตัว = 5,000/22 = 227 บาท/ตัว
7. ต้นทุนค่าดอกเบี้ย (Interest)
ค่าดอกเบี้ย 800 บาท/แม่/ปี (จากเงินสำรองลงทุน 80,000/แม่ ที่ 10ปี เท่ากับ 8,000 บาท/ปี คิดค่าดอกเบี้ยที่ 10%/ปี)
ต้นทุนค่าดอกเบี้ย/การผลิตลูก 1 ตัว = 800/22 = 36 บาท/ตัว
8. รายรับ (By product income)
ราคาต้นทุนแม่หมู 9,000 บาท/ตัว
แม่สุกรสูญเสีย 5% ต่อปี แม่ใช้งานได้ 3 . 5 ปี สูญเสีย 17.5%
(3.5 ปี แม่ให้ลูกได้ครอก = 10 x 7 = 70 ตัว)
ขายได้ราคา = 250 kg x27 บาท/kg x 0.825 = 5,568.75 บาท/แม่
รายรับ/ลูกสุกร 1 ตัว = 5,568.75/70 = 80 บาท/ตัว
สรุปต้นทุนการผลิตลูกสุกรที่น้ำหนัก 20 กก.
1. ค่าแม่พันธุ์ = 128.00 บาท
2. ค่าพ่อพันธุ์ = 30.00 บาท
3. ค่าอาหาร =856.00 บาท
4. ต้นทุนด้านสุขภาพ =72.00 บาท
5. ค่าการจัดการ = 82.00 บาท
6. ค่าเสื่อมราคา = 227.00 บาท
7. ค่าดอกเบี้ย = 36.00 บาท
8. รายรับ = (-80).00 บาท (นำมาลบเนื่องจากเป็นรายรับ)
ต้นทุน/การผลิตลูกสุกร 1 ตัว /แม่/ ปี = 128 + 30 + 856 + 72 + 82 + 227 + 36 - 80
= 1,351 บาท/ตัว
ค่าใช้จ่ายของแม่สุกร 1 ตัว / ปี = 1,351 x 22
= 29,722 บาท/ตัว
ราคาขายสุกร (16 kg.) = 1,300 + 45 ( อ้างอิง ราคาพระที่ 24 พย.50- 2 ธค.50)
ราคาขายสุกร 20 kg. = 1,300 + (20 กก. หัก 16 กก. =4 กก x45 บาท = 180) = 1,480 บาท
ตารางแสดงปริมาณลูกสุกรหย่านม/แม่/ปี และผลกำไร
สุกรหย่านม/แม่/ปี ต้นทุนลูกหมู/ตัว กำไร/ตัว กำไรรวม/แม่/ปี
20 1,486 1480-1486 = (-6) (-6) x 20 = (-120)
21 1,415 1,480 -1,415 = 65 65 x 21 = 1,365
22 1,351 1,480 -1,351 = 129 129 x 22 = 2,838
23 1,292 1,480 -1,292 = 188 188 x 23 = 4,324
24 1,238 1,480 -1,238 = 242 242 x 24 = 5,808
25 1,189 1,480 -1,189 = 291 291 x 25 = 7,275
26 1,143 1,480 -1,143 = 337 337 x 26 = 8,762
จะ เห็นได้ว่า หากทำผลผลิตต่ำกว่า 21 ตัว/แม่/ปี ในสถานการณ์ ปัจจุบัน จะขาดทุนทันที และเข้าสูตร เสี่ยงสูงกำไรต่ำ หากยังไม่เริ่มเลี้ยง ไม่แนะนำให้เข้าสู่จุดนี้ เพราะต้นทุนไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว ส่วนราคาไม่สามารถกำหนดเองได้
หากทำอยู่แล้ว หมายถึงผลิตลูกหมูขายอย่างเดียว และไม่พร้อมที่จะเลิก ต้องเน้นพันธุกรรมของแม่พันธุ์ และพ่อพันธุ์ ที่ให้ความดกสม่ำเสมอ ที่ 12- 14 ตัวต่อครอก และอย่านมไม่ต่ำกว่า12 ตัว จะทำให้ได้ผลผลิตที่ 24 ตัว/แม่/ปี ก็พอประคองตัว หากราคาไม่ลงไปกว่านี้
และ ทำพันธุ์ ไว้ใช้เอง จะทำให้ลดต้นทุนค่าสายพันธุ์ และค่าสุขภาพ ฯลฯ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก หากสามารถขายเป็น แม่พันธุ์ สองสาย และพันธุ์แท้ ให้กับผู้เลี้ยงใกล้บ้าน
