ศึกช้างชนช้าง nVIDIA VS ATi

[แวมไพร์-LSVteam♥]

ผมอ่านเจอเลยเอามาฝากครับ....แค่คำขอบคุณก้อมีแรงแล้ว
เรื่องฮอตสุดๆของวงการกราฟฟิคชิป ส่งท้ายปลายปี 2007คงหนีไม่พ้นการเปิดตัวกราฟฟิคชิพรุ่นใหม่ของ nVIDIA และ AMD-ATi ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันมากๆซึ่ง G92 เป็นชิปตัวแรงที่ nVIDIA ตั้งใจจะส่งมาปิดฝาโลงการ์ดจอระดับกลางแบบฝังตะปูมิดด้าม แต่ทว่า ATi ก็ดันงัดเอาไม้เด็ด ด้วยการปล่อยชิพตัวจี๊ดที่ชื่อ RV670 มางัดฝาโลงขึ้นอีกครั้งเรื่องราวการต่อสู้ของชิพทั้งสองค่ายจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามๆพร้อมๆกันเลยครับ"

ย้อนกลับไปช่วงปี 2006-2007 มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลก
โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงวงการกราฟฟิคชิปนั้น ค่าย ATi ดูเหมือนจะถูกจับตามองมากที่สุดหลังจากที่บริษัทของ AMD ได้เข้าซื้อกิจการของ ATi ซึ่งทั้งสองได้ผนวกเทคโนโลยี และนวัตกรรม ต่างๆ ที่มีเข้าอยู่ด้วยกันทำให้หลายคนมองว่า AMD-ATi จะกลายเป็นผู้นำในตลาด ซีพียูและกราฟฟิคชิปอย่างแน่นอน แต่ทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้น !?
การผนวกองค์กรขนาดใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้โครงการต่างๆที่เคยวางแผนไว้เกิดความ
ล่าช้า และติดโรคเลื่อนอย่างรุนแรง มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่คู่แข่งจะได้ "ลัลลา" กับการทำตลาด
อย่างเต็มที่โดยเฉพาะคู่ขา (เอ้ย ! คู่แข่ง) ตลอดการที่ชื่อ nVIDIA และ อินเทลนั้น พวกเขาออกสตาร์ทจากจุดที่คู่แข่งหยุดชะงักไปอย่างสวยหรู เราจะมาดูกันที่ตลาดกราฟฟิคการ์ดซึ่ง nVIDIA ครอบครองอยู่ตอนนี้ ว่ากันตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงการ์ดจอรุ่นท็อประดับเทพ ซึ่งตอนนี้แทบไม่เหลือพื้นที่ว่างให้กับ ATi เข้าไปทุกที
แต่หลังจากนี้เชื่อว่า ช่องว่างดังกล่าว จะถูกแทรกด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ ATi ที่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนชื่อซีรีส์ใหม่กันเลย แน่นอนว่าเรื่องประสิทธิภาพความเร็วนั้นไม่ธรรมดาด้วย แต่จะสามารถต่อกรกับ nVIDIA G92 ได้อย่างถึงพริกถึงขิงหรือไม่นั้น เราไปดูรายละเอียดของชิปกราฟฟิคของทั้งสองค่ายดีกว่าครับโดยขอเริ่มจาก Ati ก่อนเป็นอันดับแรก

[แวมไพร์-LSVteam♥]

  ATI RV670 ชิปใหม่ หัวใจ 55 นาโนเมตร

ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมาดูเหมือนว่าตลาดการ์ดจอที่ใช้ชิปของ ATi ดูจะซบเซากว่า nVIDIA อยู่พอสมควร ซึ่งการ์ดจอยี่ห้อต่างๆที่ใช้ชิปของ nVIDIA ทุกรุ่น ทุกระดับ สามารถเอาชนะใจผู้บริโภคได้มากกว่า ด้วยเหตุผลในเรื่องความคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ได้รับโดยทั้งยังมีการ์ดจอหลายระดับให้เลือกใช้งานได้มากรุ่นกว่าของ ATi จะว่าไปแล้วตั้งแต่ nVIDIA ปล่อยชิปกราฟฟิคในซีรีส์ 8 ออกมาทำตลาดแบบปูพรหม ก็น่าจะเรียกได้ว่ากลายเป็นเจ้าตลาดไปแล้วโดยเฉพาะการ์ดจอในระดับไฮเอนที่ใช้ชิป GeForce 8800 นั้น เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดในเรื่องความแรง ส่วนการ์ดจอทางฝั่ง ATi อย่าง Radeon HD2900 นั้น จากความล่าช้าในการวางจำหน่ายถึงครึ่งปี บวกกับความผิดหวังของผู้ใช้ที่คาดหวังว่า ATi น่าจะทำได้ดีกว่านี้ทำให้อะไรๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปหมด
แต่ตั้งแต่วันนี้ ATi ขอกลับมาทวงตำแหน่งแชมป์คืนอีกครั้ง กับชิปกราฟฟิคในตระกูล RV670 ที่มีความโดดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้สถาปัตยกรรม 55 นาโนเมตร จากเดิมที่ชิปซีรีส์ RV600 ที่ใช้สถาปัตยกรรม 65 นาโนเมตร ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เหมือนว่าก้าวล้ำนำหน้า nVIDIA ไปแล้ว เราไปดูรายละเอียดของชิพ RV670 กันว่ามีคุณสมบัติพิเศษอย่างไรบ้าง

รายละเอียดทางด้านเทคนิค RV670

RV670 เป็นชิปประมวลผลกราฟฟิกรุ่นล่าสุดที่ออกตามหลังชิปในตระกูล R600 แบบหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียวเพราะการ์ดจอที่ใช้ชิปกราฟฟิก R600 ยังวางตลาดได้ไม่นานเท่าไร ATi ก็ตอกย้ำความแรงของตน เพื่อเรียกศรัทธาของผู้ใช้คืนมาด้วยชิปตัวใหม่นี้ ซึ่งในวันเปิดตัวคงจะทราบกันแล้วว่า ATi ได้ฤกษ์งามยามดีขยับชื่อซีรีส์จาก HD2000 ไปเป็น HD3000 เรียบร้อย ด้วยการเปิดตัวชิป ATi Radeon HD 3850 ซึ่งเป็นชิประดับกลางที่มีราคาและประสิทธิภาพคุ้มค่า
โดยถ้าดูจากภาพรวมของชิปแล้วอาจจะดูไม่แตกต่างจากชิป RV600 มากเท่าใดนัก นอกจากเรื่องของการเปลี่ยนสถาปัตยกรรมมาเป็นแบบ 55 นาโนเมตร ซึ่งเป็น Die แบบใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง แน่นอนว่ามันทำให้การใช้พลังงานลดลงด้วย รวมถึงความร้อนจากตัวชิปก็ลดลงจากเดิมด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าตอนนี้ ATi หลังจากควบรวมกิจการกับเอเอ็มดีแล้ว พวกเขจาหันมาสนใจพัฒนาคุณภาพของชิปประมวลผลการฟฟิกในเรื่องการบริโภคพลังงานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์มซีพียูตัวใหม่ของเอเอ็มดีที่จะออกสู่ตลาดในอนาคตนั่นเอง

[แวมไพร์-LSVteam♥]

สถาปัตยกรรมใหม่ช่วยประหยัดพลังงาน


ความน่าสนใจของชิป RV670 ไม่ได้อยู่ที่การวางตัวเป็นชิประดับกลาง ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก แต่ความโดดเด่นที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การประหยัดพลังงานของชิปมากกว่า ซึ่งเป็นผลมากจากการเปลี่ยนโครงสร้างหรือสถาปัตยกรรมที่มีขนาดเล็กลงเพียง 55 นาโนเมตร เมื่อเทียบกับชิปคู่แข่งอย่าง Geforce 8800 GT ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 65 นาโนเมตร ถือว่า ATi นำหน้าไปก้าวหนึ่งแล้ว มาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าทำไม โครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่เล็กลงถึงได้มีผลกับประสิทธิภาพโดยตรง จริงๆแล้วการออกแบบโครงสร้างให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ผู้ผลิตสามารถลดจำนวนทรานซิสเตอร์ลงได้อีกเพื่อให้ขนาดของ Die บนตัวชิปเล็กลงกว่าเดิม
การลดจำนวนทรานซิสเตอร์ให้เหมาะสม ไม่ถือเป็นการลดประสิทธิภาพการทำงานแต่อย่างใด หากแต่ผู้ผลิตหันไปปรับปรุงในส่วนของสัญญาณนาฬิกาอย่าง Memory Clock หรือ Core Clock ให้เพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งจากเดิมที่ต้องคำนึงถึงปัญหาความร้อนที่จะส่งผลเพราะทรานซิสเตอร์อยู่ใกล้ชิดติดกันมากเกินไป แต่ด้วยโครงสร้างใหม่นี้ ความร้อนจากทรานซิสเตอร์จะไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่ทำให้การอัดสัญญาณนาฬิกาที่สูงๆทำได้อย่างสบาย โดยใช้พลังงานที่ลดลงจากเดิมอีกด้วย แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นชิปที่ใช้สถาปัตยกรรมขั้นก้าวหน้าของแท้ครับ !

RV670 ฟีเจอร์ & สเปก


สำหรับการ์ดจอตระกูล Radeon HD 38x0 นี้ ATi ต้องการป้อนให้กับตลาดระดับกลางครับ ดังนั้น สิ่งที่คุณจะพบได้ในฟีเจอร์บางอย่างอาจจะถูกปรับลดลงมาจากชิป RV600 ไปบ้าง เพื่อให้สามารถเล่นราคาแข่งขันได้ โดยอย่างแรกสุดก็คือ การปรับลดแบนวิดธ์ของหน่วยความจำจาก 512 บิต เหลือเพียง 256 บิต โดยการ์ดจอที่ใช้ชิปซีรีส์นี้จะใช้หน่วยความจำแบบ GDDR3 กับ Radeon HD3850 และใช้หน่วยความจำแบบ GDDR4 กับ Radeon HD38701 โดยมีการเพิ่มสัญญาณนาฬิกาของแกนหลัก GPU ให้มากขึ้นจากชิปรุ่น RV600 รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งการ์ดจอที่ใช้ชิป Radeon HD3870 จะใช้สัญญาณนาฬิกาที่ 775 เมกะเฮิรตซ์ ส่วนการ์ดจอ Radeon HD 3850 จะใช้สัญญาณนาฬิกาที่ 668 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อเทียบกับชิปรุ่นเก่าอย่าง Radeon HD 2900 Pro ที่มีสัญญาณนาฬิกาของแกนหลัก GPU เพียง 600 เมกะเฮิรตซ์ จะเห็นว่าชิปรุ่นใหม่เร็วกว่าพอตัวเลยทีเดียว ในส่วนคุณสมบัติอื่นๆ อย่างการเชื่อมต่อแบบ Multi GPU หรือ CrossfireX นั้นสนับสนุนเต็มที่ ลืมบอกไปครับว่าชิปรุ่นนี้รองรับบัสแบบ PCI-E เวอร์ชั่น 2.0 ด้วย

[แวมไพร์-LSVteam♥]

มาทางฝั่ง nVIDIA กันบ้าง

nVIDIA G92 ชิปตัวแรงที่ขอใช้ชื่อเดิม


ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ติดตามข่าวในวงการนี้มาโดยตลอด คงจะสงสัยเหมือนกันว่า เหตุใดหนอ nVIDIA จึงยังคงใช้ชื่อเดิมๆในการทำตลาดกับชิปกราฟฟิกรุ่นใหม่อย่าง G92 ผมคนหนึ่งล่ะที่สงสัยและต้องการทราบเหตุผล แต่ทว่ายิ่งค้นหาก็ยิ่งไม่เจอคำตอบที่ต้องการครับ เลยมานั่งวิเคราะห์หาสาเหตุเอาเอง...

ถ้าย้อนกลับไปในช่วงที่ชิปตระกูล G80 ออกทำตลาดหากสังเกตกันดีๆ จะพบว่า nVIDIA และผู้ผลิตการ์ดจอหลายรายได้ส่งผลิตภัณฑ์ออกมาหลากรุ่นเหลือเกิน บางยี่ห้อก็ใช้ชื่อรุ่นพิสดาร จนทำเอาคนซื้อสับสนและงงเป็นไก่ตาแตกก็มี แต่ที่แน่ๆก็คือ ด้วยตัวเลือกที่มีมากมายของการ์ดจอที่ใช้ชิปซีรีส์ G80 นี้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกการ์ดจอมาใช้งานได้เหมาะสมกับความต้องการมากขึ้น นั่นหมายถึงคถ้มค่ากับเงินที่เสียไปนั่นเอง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ nVIDIA ต้องส่งชิปตัวใหม่ออกมา ซึ่งก็บังเอิญว่าเป็นช่วงเวลาขาขึ้นที่ผนวกกับชื่อเสียงของการ์ดจอในซีรีส์ G80 ที่ยังคงติดตลาดอยู่ตอนนี้ ทำให้หากมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ในทันที เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีในการทำตลาดที่กำลังต่อเนื่องแน่ (ในความรู้สึกส่วนตัวผมคือ พวกตัว G80 ที่ยังขายติดตลาด ณ ปัจจุบัน จะขายไม่ออกอีก) แต่เหตุผลที่แท้จริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มิอาจทราบได้แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ชิป G92 ตัวนี้ส่งมาเพื่อขย้ำการ์ดจอคู่แข่งในตลาดกลางโดยตรง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นตอนนี้เราไปดูรายะเอียดของชิปตัวใหม่นี้พร้อมๆกันเลยครับ

รายละเอียดด้านเทคนิค G92


ถ้าคุณเป็นคนที่ซีเรียสในเรื่องชื่อของผลิตภัณฑ์มากล่ะก็ ผมว่าการ์ดจอที่ใช้ชิป G92 คงจะขายให้คุณไม่ได้แน่ๆเพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า nVIDIA ขอใช้ชื่อเดิมกับชิปตัวใหม่ในการทำตลาดไปก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสต่างๆนาๆว่าจะมีการเรียกชิปตัวใหม่ว่า GeForce 8900GT บ้าง หรกระโดดไปเป็น 9000GT เลยก็มีแต่ในที่สุดชิป G92 ก็ยังคงใช้ชื่อว่า GeForce 8800 GT เหมือนเดิม โดยเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมแบบ 65นาโนเมตร แทนของเดิมในซีรีส์ G80 ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 80 นาโนเมตร และเช่นดียวกันกับชิปของ Ati ตัวใหม่ การลดขนาดของสถาปัตยกรรมของชิปให้เล็กลงนี้ นอกจากช่วยลดการใช้พลังงานลงแล้ว ในเรื่องประสิทธิภาพก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

[แวมไพร์-LSVteam♥]

ฟีเจอร์ & สเปก


nVIDIA วางตัวชิป G92 นี้ไว้ในตลาดระกับกลางเช่นเดียวกับ Ati ซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีข้อดีที่ไม่เหมือนกันสำหรับชิป G92 นี้หากดูฟีเจอร์รวมๆ ก็แทบไม่ได้แตกต่างจาก G80 นัก ที่เด่นๆก็เห็นจะเป็นสถาปัตยกรรมที่มีขนาดเล็กลง มีการปรับลดแบนวิดธ์ของหน่วยความจำจากเดิมในรุ่น 8800GTS 320บิต เหลือเพียง 256 บิตเท่านั้นและเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ไปเป็น 754ล้านตัว ซึ่งต่างจากชิป RV 670 ที่ใช้เทคนิคลดจำนวนทรานซิสเตอร์ลงโดยหันไปปรับปรุงเรื่องความเร็วในส่วนอื่นๆแทน แต่สำหรับ G92 นี้ การเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์เข้าไปในขณะที่ใช้โครงสร้างที่มีขนาดเล็กลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขึ้นไปอีกแต่ก็แลกมาด้วยความร้อนชองชิพที่สูงขึ้น เรื่องนี้ทาง nVIDIA ได้แก้ปัญหาโดยการออกแบบใช้ชิปประหยัดพลังงานลงเพื่อหวังผลในเรื่องความร้อนภายในที่จะเกิดขึ้น !

บทสรุป

ในปี '08 นี้ เราคงจะได้เห็นการทำตลาดอย่างดุเดือดของการ์ดจอระดับกลางตัวใหม่จากทั้งสองค่าย ซึ่งถ้าคุณได้เข้าไปดูผลทดสอบจากเว็บไซต์ต่างประเทศมาบ้าง ก็จะทราบดีกว่าชั่วโมงนี้ nVIDIA ยังคงเดินนำหน้าอยู่เล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเพียงชิปกราฟฟิกรุ่นแรกที่ทั้งสองค่ายส่งมาชิมลางในตลาดก่อน ต้องรอดูกันต่อไปว่า การ์ดจอในซีรีส์ของ G92 และ RV670 ที่จะออกมาหลังจากนี้ ใครจะทำได้ดีกว่ากัน ซึ่งผลลัพธ์นั้นอาจไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพหรือความเร็วที่เหนือกว่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเป็นเจ้าตลาดของการ์ดจอระดับกลาง ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่ผู้บริโคจะเป็นตัวชี้ขาดเองว่าต้องการความคถ้มค่าเพียงอย่างเดียว หรือเน้นที่ประสิทธิภาพมากกว่า แล้วคุณล่ะครับเลือกอย่างไหน !?

[แวมไพร์-LSVteam♥]

หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ....แค่คำ ก้อมีแรงแล้ว

[tunk33150]

  คุณ แวมไพร์  ครับ ใจกว่างจริงๆท่าน

[narit25]

ขอบคุณครับ

[pong.p]

ขอคุณมากมายน่ะค่ะได้ความรู้ากมายเลยทีเดียว