10. M1 กาแรนด์
ชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อออกแบบคือ United States Rifle, Caliber .30, M1 ต่อมาเรียกให้สั้นลงเป็น Rifle, Caliber .30, M1 มักเรียกโดยย่อว่า US Rifle, Cal. .30, M1, กองทัพไทยขึ้นทะเบียนปืนนี้ในชื่อ ปลยบ.88 ระจำกายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงสงครามเวียดนาม เป็นอาวุธที่มีความแม่นยำสูงมาก มีจุดเด่นที่เมื่อทำการยิงจนกระสุนหมดในการยิงนัดสุดท้ายปืนจะทำการดีดตลับกระสุนออกมาทำให้มีเสียงดัง "พิ้ง" ปืนนี้สามารถเสริมอุปกรณ์พิเศษได้อย่างดาบปลายปืนกล้องเล็งหรือลูกระเบิด แต่การยิงลูกระเบิดต้องอาศัยกระสุนเปล่า 1 นัดในการช่วยยิงด้วย ปัจจุบันปืนนี้ได้ถูกยกเลิกผลิตและปลดประจำการในกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามเย็นและได้หันกลับมาใช้ปืนเอ็ม 16 แทน แต่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขอปืนนี้นำมาใช้ในการทำพิธียิงสลุตปืนเล็กยาวในงานศพของบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ ที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน สำหรับประเทศไทยได้ขอซื้อมาเป็นที่สำหรับฝึกของนักศึกษาวิชาทหาร (ทีมงาน toptenthailand ว่าหลายๆคนเคยถือมาแล้ว ฮาฮา)
9. Bayonet
Bayonet หรือ ดาบปลายปืน เนื่องจากสมัยก่อนปืนไรเฟิล สามารถยิงต่อเนื่องได้น้อย การที่่มีดาบปลายปืนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การต่อสู้ระยะประชิดมากขึ้นอีกโขเลย
8. MG42
ปืนกล Machinengewehr MG 42 หรือปืนกลสแปนเดา (Spandau) นี้ เกิดขึ้นจากแนวความคิดของกองทัพเยอรมัน ที่ต้องการปืนกลที่มีประสิทธิภาพสูง มีสายการผลิตที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ผู้ที่รับแนวคิดนี้ไปทำให้เป็นความจริงคือ Dr. Grunow ผู้ซึ่งเป็นนักอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน ในการผลิตแบบสายการผลิตจำนวนมาก ที่ไม่ต้องการผู้เชี่ยวชาญมาทำการผลิต ผลที่ได้ก็คือ ปืนกลที่ได้ชื่อว่า เป็นปืนกลที่ดีที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองชนิดหนึ่ง ปืนกล MG 42 นำเอาปืนกลแบบ MG 34 มาประกอบใหม่ ใช้หลักการเดิม คือการผสมผสานระหว่างแรงสะท้อนของกระสุน และระบบแก๊ส ปืนกล MG 42 ใช้ระบบส่งกระสุนขนาด 7.92 มม. เหมือนปืนกล MG 34 คือใช้ได้ทั้งการใช้สายกระสุนขนาด 50 นัด และกล่องบรรจุกระสุนที่เรียกว่า ดรัม (Drum) ซึ่งดรัมนี้มสองแบบ คือ แบบดรัมเดียว และสองดรัมติดกัน มีอัตราการยิง 1200 นัดต่อนาที ระยะยิงไกลถึง 2,000 ม. หรือ 2 กม. ปืนกล MG 42 มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในกองทัพเยอรมัน แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการสั่นของตัวปืน ขณะทำการยิง ส่งผลถึงความแม่นยำของการยิงก็ตาม มันถูกใช้อย่างแพร่หลายจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นต้นแบบของปืนกลยุคใหม่อย่างเช่น ปืนกล M 60 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่มักยิงเป็นชุด ชุดละไม่เกิน 50 นัด มากกว่าใช้ยิงกราด เพราะว่ายิงเร็วมาก ทำให้นอกจากกระสุนจะหมดเร็วแล้วยังทำให้ปืน Overheat ได้ง่าย (ทหารเยอรมันกลัว MG42 ร้อน มากกว่ากระสุนหมด) แต่ก็แก้ได้ด้วยการเปลี่ยนลำกล้องที่ทำได้อย่างรวดเร็ว (ประมาณ 10-15 วิ) (หนักแทบตาย ปัญหาเยอะจริง )