ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย กำลังนำความหายนะมาสู่สังคมไทยและคนใกล้ตัว
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
กันยายน 29, 2024, 10:27:31 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย กำลังนำความหายนะมาสู่สังคมไทยและคนใกล้ตัว  (อ่าน 55 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14142


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 27, 2024, 09:49:17 AM »

เป็นเพราะอาถรรพณ์กาลีบ้านกาลีเมืองหรือไฉน
จึงมีอาเพศเหตุร้ายที่เป็นความหายนะเกิดขึ้นทุกครั้ง
ที่ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
มีอำนาจบารมี เหนือรัฐบาล
เกิดหายนะรอบด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
ที่สุดของความเลวร้าย คือ
หายนะทางจริยธรรม
ซึ่งเป็นที่มาของความหายนะทั้งมวล

ฤๅเป็นเพราะความไร้คุณธรรม
ขาดจริยธรรมของผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย
เป็นเหตุให้ธรรมชาติลงโทษด้วยอุทกภัยที่เลวร้าย
จงใจให้รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาผู้ประสบภัยมากกว่า
ให้ความสำคัญกับการทำลายองค์กรอิสระ อาทิ
ศาลรัฐธรรมนูญและ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ
แต่ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยไม่สำเหนียก
ต่อคำเตือนจากธรรมชาติ คือ
แทนที่จะเร่งรีบช่วยเหลือฟื้นฟู
และแก้ไขปัญหาผู้ประสบภัยทั้งภาคเหนือ
อีสานตลอดผู้ประสบภัยในภาคใต้
แต่พรรคเพื่อไทยกลับไปเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพื่อเปิดทางให้ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
ได้มีอำนาจทางการเมืองถูกต้องตามกฎหมาย
และได้นำความหายนะครั้งใหญ่มาสู่ประเทศไทยเหมือนในอดีต

จากความจริงที่ประจักษ์ว่าความมุ่งมั่นจริงจัง
ในการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย
เน้นเป้าหมายไปที่แก้ในหมวด
“มาตรฐานจริยธรรมและความสุจริตเป็นที่ประจักษ์”
ในรัฐธรรมนูญปี 2560
เพื่อกรุยทางให้ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย
ผู้ไร้มาตรฐานทางจริยธรรมและทุจริตเป็นที่ประจักษ์
ได้กลับมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยอย่างถูกกฎหมาย
เนื่องจากว่า รัฐธรรมนูญ 60 บัญญัติไว้
ไม่ให้บุคคลที่ไม่มีจริยธรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินมีตำแหน่งทางเมือง
สมุนบริวารนายใหญ่จึงมุ่งมั่นแก้รัฐธรรมนูญ
 หมวดจริยธรรมให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกกับความหายนะอย่างไร
โดยไม่ถอดบทเรียนในอดีตว่า
รัฐบาลไทยรักไทยสมัยทักษิณ ชินวัตร
และรัฐบาลเพื่อไทยสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ได้สร้างความหายนะให้แก่ประเทศชาติ
และผู้นำรัฐบาลในสมัยนั้นอย่างไร

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
เกิดอาเพศเป็นมหาอุทกภัย

ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2554
ถึงเดือนมกราคม 2565
มีคนตาย 1,098 ราย
ราษฎรได้รับผลกระทบ 12.8 ล้านราย
ประเมินค่าความเสียหายครั้งนั้น
ประมาณ 1.44 ล้านล้านบาท


ความหายนะคราวนั้นเหมือนธรรมชาติเตือนให้รัฐบาลใส่ใจ
ความเป็นอยู่ของคนไทย แต่รัฐบาลเพื่อไทยในสมัยนั้น
ไม่ใส่ใจกลับเดินหน้าเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม
เข้าสภาด้วยวาระซ่อนเร้นที่มีเป้าหมาย
ล้างความผิดให้นายใหญ่ที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ

ทั้งนี้ ร่างเดิมที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ
และคณะให้นิรโทษกรรมเฉพาะการกระทำที่เกี่ยวกับ
การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 เท่านั้น
แต่เมื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระรับหลักการ
และในระหว่างตั้งกรรมาธิการศึกษา
กมธ.พรรคเพื่อไทยนำฉบับของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์
ได้เพิ่มการนิรโทษกรรม
ที่รวมถึงคดีทุจริตย้อนหลังไปถึงปี 2547 ด้วย
นั่นก็หมายถึงจะล้างผิดให้แก่“ทักษิณ ชินวัตร”
พ้นจากคดีทุจริตทุกคดีที่ทักษิณตกเป็นนักโทษ,
เป็นจำเลยและเป็นผู้ต้องหาอยู่ขณะนั้น

จากความเจ้าเล่ห์เพทุบายของพรรคเพื่อไทย
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ซึ่งเป็นฝ่ายค้านต่อต้านเต็มที่
แต่รัฐบาลเพื่อไทยใช้อำนาจเผด็จการสภา
ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย
วาระสองและสามผ่านสภาตอนตีห้าของวันใหม่
เป็นเหตุให้การต่อต้านของฝ่ายค้านล้นออกนอกสภา
 ซึ่งเป็นที่มาของการชุมนุมประท้วง
ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
เมื่อสส.ปชป.เก้าคน นำโดยนายสุเทพเทือกสุบรรณ
ลาออกจากสส.ปชป.เพื่อตั้งคณะ
กรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์(กปปส.)
และนำการชุมนุมต่อต้านการนิรโทษกรรมสุดซอย
ในการชุมนุมประท้วงข้ามปีของกปปส.
ที่ประชาชนร่วมนับล้านคนครั้งนั้น
ถูกต่อต้านจากผู้สนับสนุนเพื่อไทยที่มีกองกำลังติดอาวุธ
แฝงตัวอยู่หมู่ผู้สนับสนุนรัฐบาล
ทำร้ายมวลชน กปปส.เสียชีวิต 32 ราย
และได้รับบาดเจ็บนับพันคนจนเกิดความวุ่นวาย

เป็นเหตุให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เข้ามาควบคุมอำนาจยับยั้ง
ความหายนะเมื่อ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557

น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากความผิด
ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สองอาทิตย์ก่อนหน้าพลเอกประยุทธ์ ยึดอำนาจ
และน.ส.ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศราววันที่ 25 สิงหาคม
วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุกเธอ 5 ปี ในคดีทุจริตจำนำข้าว
ทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ ถูกศาลฯตัดสินเด็ดขาด
ในความผิดทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี’60
ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

ดังนั้นเมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผู้สืบสันดานจันทร์ส่องหล้า
ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
จึงเร่งรีบให้แก้รัฐธรรมนูญ ในหมวดที่
กำหนดมาตรฐานจริยธรรมและความสุจริต
เพื่อล้างผิดให้บิดาและอาหญิง
พรรคเพื่อไทยจึงให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญมากกว่า
ใส่ใจในลางร้ายที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ดินโคลนถล่มเชียงราย เชียงใหม่
ลามไปถึงอีสานและภาคใต้
มหาอุทกภัยที่เชียงรายนอกจากคร่าชีวิตคนไป 16 ศพแล้ว
ความเสียหายที่ตามมายังไม่อาจประเมินได้
เนื่องจากว่าดินโคลนกว่า 68,000 ตัน
ทับถมบ้านเรือนโรงเรียน สถานที่ราชการ ร้านค้า
สำนักงานทั่วเมืองแม่สาย

หลังจากน้ำลดชาวแม่สาย บริษัท ร้านค้าต่างช่วยกันตักดินโคลน
มหาศาลออกจากอาคารบ้านเรือน
ผู้ประสบภัยบางรายจ้างรถรถไถรถแบ๊กโฮ
ขุดรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์จากใต้ดินโคลนทับถม
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง รัชกาลที่ 10
พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงสูง 100 เครื่องให้ใช้ฉีดดินโคลน
ออกจากพื้นที่ประสบภัย ในขณะที่นายกรัฐมนตรี
ละล้าละลังสั่งการให้จัดการนำดินโคลนออกไปจากพื้นที่
ก่อนที่จะแห้งกรังยากต่อการขุดไถ
 นายกฯสั่งการโดยไม่มีมาตรการว่า ต้องทำอย่างไร
ดินโคลนเกือบเจ็ดหมื่นตันขนไปไว้ที่ไหน
ปล่อยให้ทหารอาสาสมัครกู้ภัยและชาวบ้าน
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปตามยถากรรม
ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหม อดีตทหารป่าที่เคยคิดล้มล้างการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยปากกระบอกปืนกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
หมกมุ่นอยู่กับความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ
และการนิรโทษกรรม ช่วยนายใหญ่โดยรวมผู้กระทำผิด
อาญามาตรา 112 ไว้ในร่างกฎหมายนิรโทษกรรม

จึงพูดได้เต็มปากว่าผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
นำความวิบัติมาสู่สังคมไทย ตั้งแต่วันแรก
ที่กลับมาเขาได้สร้างความหายนะ
ความแตกแยกครั้งใหม่ โดยการทำลาย
ความยุติธรรมและธรรมาภิบาลของไทย
โดยไม่ติดคุกตามคำพิพากษาศาลแม้แต่วันเดียว
การใช้เล่ห์เพทุบายหลอกลวงแม้กระทั่ง
ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ
ที่ยอมรับความผิดและยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาล
แต่หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ
จากจำคุกแปดปีเหลือหนึ่งปี นอกจากไม่ยอมเข้าคุกแล้ว
เขายังสำรอกออกตัวว่า ถูกกลั่นแกล้งถูกใส่ร้ายทั้งๆ
ที่ไม่เคยกระทำความผิด

ความเจ้าเล่ห์เพทุบายบวกความอหังการ
ของผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
นอกจากสร้างโกรธแค้นชิงชังและแตกแยกครั้งใหม่ในสังคมไทยแล้ว
เขายังเป็นต้นเหตุให้นายเศรษฐาต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เพราะเจ้าของพรรคเพื่อไทยบัญชาให้แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ผู้ขาด
คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเป็นรัฐมนตรี

ดังคำพิพากษาตอนหนึ่งว่า “ผู้ถูกร้องที่1(นายเศรษฐา)
ได้เข้าพบบุคคลคนหนึ่งก่อนนำรายชื่อผู้ถูกร้องที่2(นายพิชิต)
ขึ้นทูลเกล้าฯการให้บุคคลอื่นใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
คบหาสมาคมกับคู่กรณีผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียง
ในทางเสื่อมเสียอันอาจกระทบกระเทือน
ต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน
ในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี”

ศาลฯไม่ได้ระบุว่าบุคคลที่นายเศรษฐาเข้าพบเป็นใคร
ก่อนนำชื่อนายพิชิตขึ้นทูลเกล้าฯ
แต่สังคมไทยเชื่อว่าบุคคลดังกล่าว คือ
ผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
ที่มีผู้ร้องต่อกรรมการเลือกตั้งให้พ้นจากหน้าที่
ขณะนี้มีอยู่สิบคำร้องและในสิบคำร้องนั้นมีสี่คำร้องสำคัญ
ที่อาจทำให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย
เผชิญชะตากรรมเลวร้าย เพราะสี่คำร้องสำคัญล้วน
แต่เกี่ยวข้องกับผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
ที่ตอบคำถามสื่อด้วยความอหังการว่า#
เป็นผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรีคนที่ 31
จึงพูดได้ว่าผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
กำลังนำความหายนะมาสู่สังคมไทย
ไม่เว้นแม้แต่นายกรัฐมนตรีและ
ผู้ที่ครอบครองเธอ

 
สุทิน วรรณบวร

โค๊ด:
https://www.naewna.com/politic/columnist/60391


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!