เรื่องเล่า ของ คนที่ชื่อ ถวัลย์ ดัชนี คงจะเป็นศิลปินคนเดียว ในประเทศไทย
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่า ของ คนที่ชื่อ ถวัลย์ ดัชนี คงจะเป็นศิลปินคนเดียว ในประเทศไทย  (อ่าน 484 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13885


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2024, 09:36:32 am »

ถวัลย์ ดัชนีคงจะเป็นศิลปินคนเดียว ในประเทศไทย
ที่ไม่เคยง้อ คนซื้อผลงานของตัวเอง

ถวัลย์ ดัชนีวาดรูปประดับปราสาท  ใช้เวลา 6 เดือน
เขียนภาพจิตรกรรมไว้ในห้องของปราสาทเจ้าชายเยอรมัน

งานของถวัลย์ลูกค้าจะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็อย่าซื้อ
และถ้าไม่ซื้อก็ไม่ต้องถามราคา
เพราะจะได้รับคำตอบจากถวัลย์ที่ฟังแล้ว
จะต้องอมยิ้มบ้าง ถอนใจบ้าง ส่ายหน้า บ้าง
ถวัลย์ไม่ได้จะขายรูปให้ผู้ใดง่ายๆ
ดังที่ ข้าพเจ้าเขียนไปแล้ว
แต่ถ้าจะให้ก็ให้เลยอย่างกับที่ให้กับ
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
นำไปประมูลหาเงินสร้างบ้านนักเขียน

การขายรูปของถวัลย์แต่ละครั้งตกลงกันอย่างไร
พูดกันนานแค่ไหน ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้
เพราะไม่เคยได้รับการเปิดเผยทั้งจากผู้ขายและผู้ซื้อ
รู้แต่ว่า แต่ละรูปราคาสูงเหลือเกิน
สูงชนิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ หรือแถมชาติหน้าด้วย
ข้าพเจ้าคงไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อภาพถวัลย์ ดัชนี
ติดโชว์ไว้ที่บ้านได้เลย แม้แต่ภาพเดียว
ยกเว้นถวัลย์มอบให้ ขออนุญาตหัวเราะแฮะ แฮะ แฮะ
สักสามแฮะ เพราะยังไงๆ ถวัลย์
ก็คงไม่มอบงานให้ข้าพเจ้าแน่

บางคนเคยถามถวัลย์ว่ารูปแต่ละรูป
ที่เป็นผลงาน ของถวัลย์นั้น
ขายเป็นตารางฟุตใช้ไหม
“ขอโทษ ตารางฟุตละเท่าไร”
เป็นคำถาม ถวัลย์จะมองหน้าคนถาม
 เอามือลูบหนวดตอบ ว่า

“ผมไม่ได้ขายเป็นตารางฟุต แต่ขายเป็นจุด”


ที่ถวัลย์ตอบเช่นนี้ ก็เพราะเป็นคนมีอารมณ์ขัน
สอดแทรกอยู่ในความเป็นศิลปินนั่นเอง

ปัจจุบัน ถวัลย์จะขายรูปได้ราคามากแค่ไหน
เป็น กี่สิบล้านบาทจะไม่มีอาการ
ตื่นเต้นแต่ประการใด
เพราะ เคยชินแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม มีการขายผลงานของถวัลย์อยู่ครั้ง หนึ่ง
ที่มีข่าวลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
ทำให้คนไทยพากันทึ่ง ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง
จะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อ ถวัลย์ขายผลงานโดย
ผู้ซื้อเขียนเช็คให้ แล้วอนุญาตให้ใส่ตัวเลขเอาเอง
หมายถึงว่าจะใส่ตัวเลขเป็นเงินเท่าไรก็ได้ เช่น
เป็นสิบล้าน ร้อยล้านหรือพันล้าน
ซึ่งคนจ่ายเช็คมีเงินจ่ายได้ด้วย
สำหรับเรื่องนี้ถวัลย์ได้เล่าความเป็นมาว่า
“ผมรู้จักเจ้าชายเยอรมันคนหนึ่ง ตอนเช่าห้อง
แถวอยู่ที่ตึก บี.อาร์. ถนนเพชรบุรีตัดใหม่

วันหนึ่งกำลังเขียนตู้พระธรรมอยู่ เขามาเคาะ ประตู
เปิดออกไปเห็นฝรั่งก็ถาม เป็นใคร มาทำไม
เขาก็ถาม เอ็ง ถวัลย์ใช่มั้ย ข้ามาจากเยอรมัน
เห็น รูปเอ็งที่บ้านอาจารย์คึกฤทธิ์
เห็นตู้พระธรรมของผมที่นั่น
อาจารย์บอกเป็นไอ้คนหนึ่งมันเขียน
วันดีคืนดี เขาไปพัทยา ซื้อสับปะรดกิน บังเอิญ
ถุงสับปะรดเป็นกระดาษหนังสือลิฟวิ่ง
มีรูปผมกับ อาจารย์คึกฤทธิ์
กำลังดูตู้พระธรรมด้วยกัน
รีบให้คนขับรถ จากพัทยามาหาผม

เขาไปที่...หอศิลปพีระศรี
ทางนั้นบอก อ๋อ มัน อยู่ที่นี่ เลยมาตามผมเจอ
เขาบอกชอบรูปที่เขียนให้อาจารย์คึกฤทธิ์
ผมก็ ว่า ถ้าว่างจะไปหาแล้วกัน
พรุ่งนี้จะไปสวิตอยู่แล้ว

ผมก็ไปสวิต ไปอยู่ ๓ เดือนเพื่อให้สัมภาษณ์
พอว่างก็โทรศัพท์ไปหาผู้ชายคนนี้
โดยตอนนั้นยังไม่ รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะได้มาแต่ชื่อ
พอโทรศัพท์ไป คนรับสายบอก ที่นี่เขตพระราชฐานชั้นใน
โอ้โฮ ผมคิด คนรับสายบอก ต้องโทรไปเบอร์นี้
ก็โทรไป ถูก ถามว่า คุณเป็นใคร
บอกเป็นไอ้คนที่มาจากเมืองไทย
ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ บอกอยู่สวิต
บอกว่าให้ไปรอที่ สนามบินนะเดี๋ยวจะไปรับ

ผมก็ไปรอที่สนามบิน
สักกะเดี๋ยวเขาส่งหงส์ ยนต์ (เครื่องบิน) มารับ
คนขับเห็นผมก็เงอะงะ
เพราะคงเห็นผมใส่ชุดดำ
แต่เขาคงบอกไว้แล้วว่า
ไอ้คนนั้นคือผมแต่งชุดดำเสมอ
จากสนามบิน พอลงจากเครื่องก็ลงกลางป่าเลย
ผมถามว่าถึงแล้วรึ คนขับบอก ถึงแล้ว
ทั้งหมดที่นี่คือบ้านของนายเขา

ผมก็เดินเงอะงะไป แล้วทันทีนั้น
เหมือนโลกนี้มันหลับไปสัก ๔๐๐ ปี

ปราสาทตระหง่าน ผมตกตะลึงอยู่กลางป่าที่มีปราสาทอย่างนี้
เขาออกมาต้อนรับ พาผมไปดูห้องต่างๆ ในปราสาท
แต่ดูได้แค่ ๘ ห้อง อีกเป็นร้อยดูไม่หวัดไหว
บอกเป็นเจ้าของสถานที่

ในที่สุดเขาก็เข้าประเด็นว่า...
อยากให้เขียนรูป วิธีเดียวกับที่เห็นที่บ้านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ไหม
พอกลับเมืองไทย มาคิด ใช้เวลาทำสเก็ตช์ ๔ เดือน
แล้วบอกเขา เขาก็ส่งเงินผ่านแบงก์เป็นค่าเดินทาง
ค่าซื้อสมบัติบ้าต่างๆ
พอไปถึงปราสาท ผมก็สั่ง
ผมไม่ต้องการให้ มนุษย์ สัตว์ สิ่งของ
 ผ่านเข้ามาในห้องที่ผมทำงานอยู่

ผมไม่ต้องการพบใครเลย หมายความว่าไม่ ต้องมายุ่ง
ทำเสร็จแล้วจะไปบอก

เขาก็กลับไปอยู่ปราสาทของเขาอีกหลังหนึ่ง
ห่าง ไปจากที่นั่น ๒๕ กิโลเมตร
ผมก็อยู่ที่ปราสาทเดิมคนเดียว
ไม่เห็นมนุษย์มนาเลย ไม่ติดต่อกับใคร
อยู่อย่างนั้น ๓ เดือนแรกก็รู้สึกอยากเห็นคนเหมือนกัน
แต่พอ ๓ เดือนผ่านไปรู้สึกวิเวกทำให้ ใจเราสงบ”
ผมใช้เวลาทำงานอยู่ ๖ เดือน เขียน ๑ ห้อง
แล้วนอนอยู่ในห้องนั้นเลย
เป็นประสบการณ์ที่พิเศษ มากเพราะว่า
ในสามเดือนแรกไม่เห็นมนุษย์เลย
เห็นแต่กวาง หมูป่าลงมาที่ทุ่งหญ้า
เมื่อเสร็จแล้วทุกอย่าง ผมก็บอกจะกลับแล้วนะ
เขาบอกเขาชื่นชมมาก แต่เขาไม่รู้หรอกว่า
ผมควรจะได้ ค่าตัวเท่าไร เพราะไม่ได้พูดกัน”

เขาว่าเอางี้แล้วกัน เขียนเอาเองตามที่เห็นสมควร
ผมก็กรอกตัวเลขลงไปในเช็คที่เขาเซ็นให้ไว้
เท่าที่ พอคิดว่าตามสมควร

เพราะทำมา ๖ ดือน แล้วก็กลับ เมืองไทย...

อีก ๒ ปีต่อมา เขามีจดหมายมาว่า
ไปเขียน ให้อีกห้องได้ไหม
แต่ครั้งนี้ให้เขาเป็นคนกำหนดเงิน
เถิดเพราะว่าที่ผมเอาไปนั้น
มันแทบว่าไม่ได้เอาอะไรเลย
ครั้งนี้ขอให้เขากรอกจำนวนเงินให้

ตั้งแต่นั้น เราก็เป็นเพื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
และเป็น แม่ยกให้ผม
ไม่ว่าผมอยากจะได้อะไร
ถ้าเป็นสิ่งที่จับ ต้องได้ด้วยมือ
ทั้งเงินทอง เขาก็ให้หมด

เขาพยายาม...เอาสมบัติบ้าให้ผมเสมอ
เขาอ่อน กว่าผมปีหนึ่ง ไม่มีลูก มีเมีย ไม่ตุ๊ด
แต่ไม่รู้ว่าใครจะมา - รักเขาหรือรักสมบัติของเขา

แต่ละปี จะมีนัดหมายไปสนุกสนาน ผจญภัย - กันในทุกมุมโลก
สุดแต่จะคิดสรรค์ คือเรื่องอะไร ที่ - ไหนในโลกนี้
ที่พิลึกกึกกือ ที่ไม่มีใครเขาทำ เราทำ

เพราะเรารวย ก็ไปหลายแห่ง อุ้ย มากมาย

เขาเป็นเจ้าภาพทุกปี เป็นคนบอก คือไม่บงการ
เนื่องจากเขามีศรัทธาจริตในตัวผมสูงมาก
ก็จะเขียน โพยมาบอก ปีนี้เราควรจะไปที่นั่นไปที่นี่กันดีไหม”

นี่...ก็เป็นจดหมายชวนเที่ยวแม่น้ำไนล์ ลองลง เรือแบบเรือปาปิรุส”

สรุปแล้ว เขาเป็นเจ้าเยอรมัน มีปราสาทอยู่ที่ สวิตเซอร์แลนด์
เป็นผู้เห็นคุณค่าในงานของถวัลย์
จึง มอบความไว้วางใจให้เข้าไป
เขียนรูปประดับห้องใน ปราสาท
โดยยอมจ่ายเงินค่าแรงไม่อั้น

ต้องยอมรับว่า ถวัลย์ นอกจากมีฝีมือทางศิลปะ ดีเลิศแล้ว
ยังโชคดีที่ได้พบกับเจ้าเยอรมันองค์นี้ด้วย
ที่ เห็นคุณค่าของงานศิลปะที่ถวัลย์ทำ

ข้าพเจ้าเกือบลืมบอกไปว่าเจ้าของปราสาทที่
สวิตเซอร์แลนด์ที่เชิญถวัลย์ไปวาดภาพ ก็คือ เจ้าชาย

Hermann Graf Hatzfeldt

ก็เพราะถวัลย์มีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับการรวาดรูป
จนสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้จ้างโดยเฉพาะเจ้าเยอรมัน
ต่อมาจึงได้เขียนรูปให้ราชวงศ์อังกฤษ
และอีกหลายราชวงศ์ในยุโรป ซึ่งเป็นการวาดปราสาทไม่
มีวันเสร็จ เพราะแต่ละปราสาท
มีห้องให้ต้องเขียนรูปมากเหลือเกิน

ถวัลย์ได้เล่าถึงตอนไปเขียนรูปที่ปราสาทอีก
หลังหนึ่งซึ่งเจ้าของเป็นเพื่อนกับเจ้าชายเยอรมันว่า
“เขาเห็นความมลังเมลืองของงานจิตรกรรมไทย
ก็ขอว่าให้นำเอาดวงอาทิตย์มาใส่ในห้องเขาหน่อยได้ ไหม
เพราะว่าดวงอาทิตย์ปฏิเสธ
ที่จะฉายแสงมาให้ ปราสาทเขาในฤดูหนาว...

ผมคิดว่าโอเค ผมจะเอาไปให้ไม่เพียงดวง - อาทิตย์
แต่จะเอาจักรวาลทั้งหมดไปใส่ไว้ในปราสาท... ..
ตื่นขึ้นมาตอนเช้า คุณจะเห็นพระอาทิตย์
พระ จันทร์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งหมด
ต้นตอทางสุริยจักรวาล ผมจะมาใส่เอาไว้”

ที่มา
สารคดีประวัติชีวิตและผลงานของนักจิตกรรมสากล

มนุษย์ต่างดาว ถวัลย์ ดัชนี

โดย ไมตรี ลิมปิชาติ

 


บันทึกการเข้า

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13885


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2024, 09:42:06 am »

วิถีคนเรามันไม่เหมือนกัน
ผมเขียนรูปสีน้ำมัน 4 เดือน
เป็นรูปดอกบัวในสระน้ำ จนเสร็จ
สียังไม่แห้งดีเลย
พรรคพวกมาหาที่บ้าน ยกเหล้ามาขวดนึง
กินเสร็จร่ำลา กันกลับ
หยิบรูปไปเฉยเลย

ใครจะไปทวงคืนหละ มันเอาไปแล้ว

อีกครั้ง ปั้น ปูนปั้น ใช้เวลาหลายเดือน
พี่เขยเพื่อนเป็นคน US
ขอไป ดื้อๆเลย ขนเอาไป US

เลิก เลยครับ ไม่เขียน ไม่ปั้น งานอีกเลย 5555

ทุกอย่าง มันมีต้นทุน
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: