การปลูกแก้วมังกร ได้เงินดีช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
ธันวาคม 23, 2024, 08:36:32 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การปลูกแก้วมังกร ได้เงินดีช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ  (อ่าน 14397 ครั้ง)
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 01:32:52 pm »



แก้วมังกรเป็นผลไม้ต่างชาติ เข้ามาขายในประเทศไทยประมาณ 8-10 ปีมาแล้ว โดยนำเข้ามาจจากประเทศเวียดนาม บรรจุมาในลังไม้ฉำฉาลังละประมาณ 30-40 กิโลกรัม ขณะนั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักและนิยมรับประทานมากนักเพราะรสชาติยังไม่คุ้นลิ้นคนไทย อีกทั้งประเทศไทยเรายังมีผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย ให้รับประทานอยู่มากมาย
แก้วมังกรนับว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าด้านการรักษาสุขภาพ ถ้ารับประทานเป็นประจำจะช่วยให้มีสุขภาพดีช่วยระบบขับถ่าย บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน ลดไขมัน เพราะมีกากใยอาหารมาก รับประทานแล้วรู้สึกอิ่มช่วยลดน้ำหนักได้
   ต่อมาเกษตรกรไทยเราได้นำต้นพันธุ์แก้วมังกร มาปลูกในประเทศไทยทำการพัฒนาเรื่องดิน น้ำและการให้ปุ๋ย จนได้แก้วมังกร รสชาติดีกว่าที่นำเข้าจากประเทศเวียดนาม ประกอบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกได้รณรงค์เรื่องสุขภาพทำให้คนไทยและชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงประโยชน์ทางโภชนาการของแก้วมังกรมากขึ้น ทำให้ผลไม้นี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
  พอมีคนรับประทานมากขึ้น และกลายเป็นของฝากสำหรับผู้ที่เคารพนับถือ พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนก็นิยมซื้อไปไหว้เจ้า และงานประเพณีต่าง ๆ เพราะผลของแก้วมังกรมีสีแดงสดรูปทรงสวยงาม รวมทั้งชื่อก็เป็นมงคลอีกด้วยทำให้ความต้องการผลผลิตเพิ่มมากขึ้น

เงินลงทุน :   
ประมาณ 135,000 บาท/ 5 ไร่/ ปี (คำนวณเฉลี่ยจากระยะเวลาการปลูก 12 ปี) เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้
(1) ต้นทุนคงที่ ค่าเสา ร้าน(ค้าง) ท่อน้ำจ่ายตามหลัก ต้นพันธุ์ ค่าเตรียมดินและหลุมปลูก (750 หลัก x 300 บาท) = 225,000 บาท ค่าอุปกรณ์ให้น้ำและเครื่องสูบน้ำ30,000 บาท ค่าปรับพื้นที่ (800 บาท x 5 ไร่) = 4,000 บาท ค่าถังพ่นสารกำจัดแมลงและอุปกรณ์ทำสวน 10,000 บาท รวม 269,000 บาท
(2) ค่าใช้จ่ายต่อปี ค่าใช้ที่ดิน 1,000 บาท ค่าปุ๋ยต่าง ๆ และวัสดุคลุมดิน 20,000 บาทสารกำจัดมดและแมลง 3,000 บาท ดอกเบี้ย (สมมติคิด 6% ตลอด) 269,000 x 6% = 16,140 บาท ฉะนั้นค่าลงทุนในข้อ (1) เฉลี่ยปีละ 269,000 12 = 22,417 บาท ค่าปราบวัชพืช 5,050 บาท ค่าสูบน้ำและไฟฟ้า 3,000 บาท ค่าแรง 54,000 บาท กันไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่ยังไม่เกิดขึ้นและเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ 10,000 บาท รวม 134,607 บาท (ยังไม่รวมค่าเสื่อมสภาพและค่าบำรุงรักษาวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ยานพาหนะขนส่ง อุปกรณ์สื่อสารและค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน เป็นต้น

รายได้ :   323,726 บาท/ ปี
●เมื่อต้นแก้วมังกรมีอายุครบ 12 ปี คำนวณการเก็บเกี่ยวผลและขายได้ 11 ปี ๆ ละ 4,000 กิโลกรัม/ไร่ จากราคาขายกิโลกรัมละ 25 บาท (4,000 กิโลกรัม x 5 ไร่ x 11 ปี x 25 บาท) = รายรับทั้งหมด 5,500,000 บาท
ค่าใช้จ่ายต่อปี 134,607 บาท (134,607 x 12 ปี) =ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,615,284 บาท ผลตอบแทนใน  12 ปี 3,884,716 (ก. – ข.) เฉลี่ย 323,726 บาท/ปี =26,977 บาท/ เดือน


บันทึกการเข้า

ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 01:34:29 pm »



จะปลูกระยะห่าง 50 เซ็นติเมตร ต่อ 1 ต้น โดยปักไม้รวกมัดติดกับต้น ปลายไม้รวกผูกติดกับลวดด้านบน ให้ระยะปลูก ระหว่างแถวห่างกันประมาณ 2-3 เมตร ในเนื้อที่ 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 1500 ต้น ความสูงของค้างประมาณ 150 เซนติเมตร ก่อนยอดจะถึงค้างถ้าต้นแก้วมังกรแตกแขนง ควรจะเด็ดทิ้งเหลือไว้เพียง 1 ยอด จะได้โตเร็วจนปลายยอดต้นแก้วมังกรสูงถึงค้าง จะเด็ดยอดทิ้งเพื่อให้แตกกิ่งข้าง


  ในปีแรกจะไว้กิ่งเพียง 3-4 กิ่ง กิ่งเริ่มยาวจะห้อยลง พอห้อยลงประมาณ 60-70 เซนติเมตร ก็จะเด็ดยอดอีกครั้งเพื่อให้อั้นตาดอกก่อนเด็ดยอดประมาณ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อให้สะสมอาหารช่วงออกดอก ติดผลควรเลือกลูกที่สมบูรณ์ไว้กิ่งละ 2-3 ลูกใน 1 ต้น มี 4 กิ่ง เฉลี่ย 2-3 ผลต่อ 1 กิโลกรัมต่อรุ่นต่อต้นจะได้ 3-5 กิโลกรัม ใน 1 ปีออก 5 รุ่น เฉลี่ยต่อปีต่อต้นได้ประมาณ15 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 25-35 บาท ถ้าดูแลดีได้ผลผลิตดีเพียง 1 ปี ก็คืนทุนการให้ปุ๋่ยนั้น ปลูกไปประมาณ 20 วันก็เริ่มให้ปุ๋ยได้ใช้สูตร 25-7-7 ต้นละ 1 ช้อนโต๊ะ เดือนละ 2 ครั้ง ช่วงหน้าแล้งควรใช้แกลบ ดิน หรือฟาง คลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้น ไม่ควรกำจัดหญ้าจนเกลี้ยงจะทำให้ดินร้อนเพราะรากของแก้วมังกรจะอยู่ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ถ้ามีหญ้ามากและสูงเกินไปควรใช้เครื่องตัิดเศษหญ้าจะได้คลุมโคนต้นและเมื่อย่อยสลายแล้วจะกลายเป็นปุ๋ยด้วย
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 01:37:26 pm »



วิธีการปลูก
1. ขั้นตอนการเตรียมเสา
- ใช้ท่อใยหินกว้าง 4-6 นิ้ว สูง 1.5-2.0 เมตร (ตามความชอบและงบประมาณ ท่อละ 40-70 บาท)
- นำท่อมาเจาะรูที่ปลาย 4 รู เพื่อใช้เหล็กเส้นสอดเข้าไป
- ตัดเหล็กเส้นให้ได้ขนาดตามยางรถ ใช้เสาละ 2 เส้น
- นำเหล็กเส้นสอดเข้าไป แล้วนำยางรถมาวาง ใช้ลวดมัดให้แน่นหนา แข็งแรง



2. ขั้นตอนการปลูก(ควรปลูกในฤดูฝน)
- ขุดหลุมให้ได้ขนาด 60x60x60 เซนติเมตร
- นำเสาที่เจาะรูแล้วใส่ลงไปในหลุม แล้วใช้ดินกลบเล็กน้อย
- นำปุ๋ยคอกใส่ลงไปในหลุมจนเกือบเต็มหลุม
- นำต้นแก้วมังกร 4-5 ต้น ปลูกรอบๆ โคนเสาแล้วใช้ดินกลบให้เต็มหลุม
- ใช้เชือกหรือผ้ามัดต้นแก้วมังกรไว้เพื่อไม่ให้ล้มหรือหัก


วิธีการปลูกอีกวิธี :
1. กำหนดระยะห่างระหว่างต้น 3.5 เมตร และระหว่างแถว 3 เมตร (หรือ 3 ม. X 4 ม.)
2. ขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อปักเสา โดยขุดให้กว้างกว่าเสาเล็กน้อย
3. นำเสาไม้ขนาดหน้ากว้าง 3 นิ้ว มาเสี้ยมให้ปลายแหลมเป็นลิ่ม ตอกลงกลางหลุมใช้ตะปู 4-5 ตัว ตอกบนเสาให้หัวตะปูโผล่ขึ้นมา ทั้งนี้ต้องตอกเสาให้โผล่พ้นหลุม 10-12 เซนติเมตร
4. นำท่อปูนมาใส่ในหลุมที่มีเสาไม้ปักอยู่ให้ตั้งฉากกับพื้นดิน (เสาจะอยู่ภายในท่อปูน) ใส่ดินลงข้าง ๆ เสาปูนด้านนอกให้เต็มหลุม กลบให้แน่นพอควร
5. ผสมปูนซีเมนต์ หินและทรายลงในท่อปูนให้มิดหัวตะปูทิ้งไว้ 2 วัน ปูนซีเมนต์จะแข็งตัวและยึดติดกับเสา ทำให้เมื่อใส่น้ำในท่อเสาปูนจะไม่ร้อน นำไม้แดงมาต่อบนหัวเสาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสเพื่อเป็นร้านให้แก้วมังกรเลื้อย
6. ขุดหลุมข้าง ๆ เสาทั้งสี่ด้าน ขนาดกว้าง 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ให้จุดศูนย์กลางหลุมห่างจากเสา 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ที่ก้นหลุม 1 ช้อนแกง/หลุม และนำแกลบเก่ามาผสมปุ๋ยคอกอย่างละเท่า ๆ กันเทก้นหลุม ๆ ละครึ่งปี๊บ
7. ใช้มีดกรีดถุงพันธุ์ 2 ด้านตรงกัน ดึงพลาสติกแบะออกเป็น 2 ด้าน ประคองวัสดุปลูก ที่ติดกับต้นแก้วมังกรใส่ตรงกลางหลุม (ระวังอย่าให้ต้นช้ำและรากขาด) โดยหัน ด้านแบนของต้นเข้าหาเสา และให้รากอยู่ตำแหน่งผิวดินไม่เกิน 5 เซนติเมตร จัดลำต้นให้เอนเข้าหาเสาเล็กน้อย เอาดินกลบ ใช้เชือกฟางมาผูกลำต้นชิดติดกับเสา
8. รดน้ำให้ชุ่มเสมอสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้าอากาศร้อนจัดให้บังแดดด้วยทางมะพร้าวหรือ กิ่งไม้ที่หาได้ง่าย ใช้สายยางฉีดน้ำลงไปในเสาปูนจนเกือบเต็ม
9. ใส่ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 ผสมกับภูไมต์ในอัตรา 4 : 1 มูลไก่ 1 ถ้วยต่อหลัก เดือนละ1 ครั้ง
10. นำจุลินทรีย์อีเอ็มมาผสมกากน้ำตาลและน้ำ รดเป็นระยะ ๆ เมื่อต้นแก้วมังกรแตกกิ่งออกมาเป็นจำนวนมากต้องตัดทิ้งให้หมด และปล่อยให้ต้นเจริญเติบโตจนถึงปลายหลักและขึ้นค้าง จัดกิ่งให้กระจายไปทั่วค้างเพื่อความสมดุล และมัดกิ่งให้อยู่กับร้าน
11. ต้นแก้วมังกรจะเริ่มออกดอกภายในระยะเวลา 8 เดือน ให้เริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21และเมื่อติดผลอ่อนกลีบดอกที่อยู่ปลายผลแก้วมังกรจะแห้งแต่ไม่ร่วง (เป็นที่อาศัยของมดดำ) ให้ดึงกลีบดอกที่แห้งออกเพื่อให้ผลโตเร็ว
12. เมื่อต้นแก้วมังกรติดผลให้เลือกผลที่สมบูรณ์ไว้ไม่เกินกิ่งละ 2-3 ผล ผลที่เลื้อยถึงดินให้ใช้เชือกโยงขึ้นไม่ให้ผลติดกับดินและสวมถุงมุ้งเพื่อป้องกันนกและแมลงวันผลไม้ ส่วนกิ่งก็ตัดแต่งออก
13. ภายหลังจากที่ต้นแก้วมังกรออกดอกแล้ว 45 วัน ผลจะสุก สามารถเก็บขายได้ต้นแก้วมังกรจะออกดอกและติดผลไปเรื่อยๆ (ต้นเดือนพฤษภาคม-ปลายตุลาคม)
14. กิ่งที่ออกดอกแล้วจะไม่ติดผลอีกให้ตัดทิ้งเพื่อให้แตกกิ่งใหม่ กิ่งพันธุ์ส่วนที่ตัดออก สามารถนำไปขยายพันธุ์โดยการปักชำในที่ร่มรำไร ใช้เวลาประมาณ2-3 สัปดาห์ จะเริ่มออกรากและแตกยอด
15. เมื่อปักชำกิ่งพันธุ์ได้ 6-7 สัปดาห์ ลำต้นจะยังอ่อนหักง่ายให้ใช้หลักปักและเชือกผูกกิ่งติดกับหลัก วัสดุที่ใช้ปักชำ ถุงดำ แกลบดำ ทรายหยาบ ขุยมะพร้าว กิ่งพันธุ์ควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี มีสีใบเข้ม สะอาด ไม่มีตำหนิ อ้วนและสมบูรณ์แข็งแรง ความยาว 25-40 เซนติเมตรหรือมากกว่า
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 01:41:21 pm »



วิธีการดูแลรักษาต้นแก้วมังกร
1. ขั้นตอนการดูและต้นแก้วมังกร
ต้นแก้วมังเป็นต้นไม้ประเภทเดียวกันกับกระบองเพชร จึงไม่ชอบน้ำ ในฤดูหนาวและฤดูร้อนควรให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนในฤดูฝนไม่ต้องให้น้ำเลย
- การให้ปุ๋ย ควรให้ปุ๋ยปีละ 2-3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ควรให้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 (ถ้าให้ปุ๋ยคอกรสชาติของแก้วมังกรจะออกหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ที่สำคัญผมชอบด้วย และดินจะไม่แน่น)
ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนมกราคมเป็นการบำรุงต้นให้สมบูรณ์ และใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ครั้งที่ 3 ในช่วงเดือนเมษายนเป็นการเตรียมและเร่งให้ต้นแก้วมังกรออกดอกควรใช้ปุ๋ยสูตรที่มีตัวหลังเยอะหน่อย เช่น 15-17-18 หรือสูตร 10-10-40 เป็นต้น
- ถ้าต้นแก้วมังกรออกยอดสูงพ้นเกิดเสานิดหน่อย ให้ใช้มือเด็ดปลายยอดทิ้ง เพื่อเป็นการทำให้แก้วมังกรแตกยอดออกมากๆ
- หญ้าที่ขึ้นใกล้ๆ โคนต้น ควรถอนออกเป็นประจำ เพื่อให้ต้นแก้วมังกรได้รับอาหารเต็มที่ไม่ต้องแบ่งปันให้กับหญ้า
- เมื่อครบ 2 ปี หลังจากต้นแก้วมังกรออกผลจนหมด ในช่วงเดือนตุลาคมควรตัดแแต่งกิ่งให้สวยงาม เพื่อเป็นการทำให้ต้นแก้วมังกรแตกกิ่งได้มาก และควรตัดทุกๆ 2 ปี
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 01:44:17 pm »



แก้วมังกรที่ตัดแต่งกิ่งแล้วนำไปฝังบริเวณร่อง เพื่อเป็นปุ๋ยให้กับแก้วมังกรต่อไป

ศัตรูของผลแก้วมังกร :  
 มดคันไฟ เพลี้ยอ่อน (ตอมยอด) ด้วงค่อมทอง (แทะกินกลีบผล) หนอน (เจาะเปลือกและเนื้อ) เพลี้ยหอย (เกาะที่ปลายผล) พวกม้วนนักกล้าม (สันนิษฐานว่าทำให้ผิวของผลแก้วมังกรเป็นจุดคล้ายหนาม) หนอนแมลงวัน นกและหนู (เจาะทำลายผล) เพลี้ยไฟ(ผิวผลจะกร้านและตกกระลายพบน้อยมาก) หนอนบุ้ง เพลี้ยแป้ง ด้วงปีกแข็ง และต้องระวังมิให้สัตว์เลี้ยง เป็ด ไก่และห่านขุดคุ้ยโคนต้นได้ รวมทั้งโรคพืชชนิดอื่น ๆ
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2014, 10:49:04 am »



2. ขั้นตอนการเก็บผลผลิต
- ต้องให้ผลแก้วมังกรมีสีแดงทั่วทั้งผล ซึ่งอายุของผลแก้วมังกรตั้งแต่ออกดอกจนเก็บผลได้ประมาณ 2 เดือน
- เมื่อผลแก้วมังกรสุกเต็มที่แล้วให้ใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดผลออกมาจากกิ่ง (อย่าให้กิ่งเสียหาย)
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2014, 10:50:50 am »



การขยายพันธุ์

วิธีการขยายพันธ์แก้วมังกรที่ง่ายและสะดวก คือการปักชำแต่มีเทคนิคที่สำคัญหลายประการคือ เกษตรกรต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่แก่เท่านั้น อย่าใช้กิ่งอ่อนเพราะจะเน่าเสียก่อน เมื่อได้กิ่งแก่มาปักชำส่วนใหญ่จะรอดตาย 100%กิ่งแก่ในแต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน ตัดให้มีความยาวประมาณ 1-2 ฟุต ก่อนที่จะปักชำให้เอาทางโคนปักลง (สังเกตจากทางโคนจะมีหนามตั้งขึ้น) ก่อนที่จะนำกิ่งมาปักชำ นั้น ควรจะนำกิ่งแก่มาจุ๋มในน้ำที่ผสมน้ำยาเร่งราก (ใช้น้ำยาเร่งรากในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ)จุ๋มกิ่งแก้วมังกรลงไปในน้ำยาลึกประมาณ 10 ซม.แล้วนำมาตั้งเรียงไว้ในร่มเป็นเวลา 7-10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว ตั้งกิ่งให้ตรง
สำหรับเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรจะเลือกซื้อกิ่งประเภทนี้ที่ผ่านการแช่น้ำยาเร่งรากแล้ว เพราะจะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้รับการกระทบกระเทือนน้อยที่สุดและขนได้ครั้งละปริมาณมาก หลังจากได้กิ่งไปแล้วนำไปปักชำในแปลงเพาะที่เตรียมเอาไว้
สำหรับกิ่งประเภทที่นำลงถุงแล้วจะเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบากและขนได้ครั้งละปริมาณน้อยรวมถึงมีราคาที่แพงกว่าไม่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่
การเตรียมแปลงเพาะชำกิ่งหลังจากปรับพื้นที่ดินให้เรียบแล้วใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงให้มีความหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งจะต้องมุงด้วยตาข่ายพรางแสงชนิด 60% จากนั้นนำกิ่งที่ชุบน้ำยาเร่งรากแล้วไปปักชำให้ลึกประมาณ 10 ซม รดน้ำ 2-3 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว อย่ารดน้ำบ่อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหากิ่งเน่าได้ หลังจากปักชำไปได้นานประมาณ 1 เดือนก็จะออกรากและนำไปปลูกในแปลงได้
วิธีการสังเกตว่ากิ่งแก้วมังกรที่นำไปปักชำนั้นมีรากที่สมบูรณ์แล้วสังเกตได้ว่าจะมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออกทยอยไปปลูก
บันทึกการเข้า
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2014, 08:54:10 am »



วิธีปลูกแก้วมังกรในกระถาง

ขั้นตอนแรกให้นำเสาไม้หรือเสาปูนที่เตรียมไว้ตั้งเป็นหลักลงในกระถางที่เตรียมไว้จากนั้นให้นำขุยมะพร้าวใส่ลงในกระถางอัตราส่วน 1 ใน 3

ของกระถางจากนั้นให้นำดินผสมกับแกลบหรือขุยมะพร้าว
เทลงในกระถางจนถึงปากกระถาง นำต้นแก้วมังกรลงปลุกในกระถางให้ติดกับเสาจากนั้นให้นำเชือกมัดต้นแก้วมังกรและเสาติดกัน จาก

นั้นนำดินมากลบต้นแก้วมังกรให้เรียบร้อย ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมัดต้นแก้วมังกรกับเสาให้แน่นจนเกินไป และควรนำด้านแบนผูกติดกับเสา

เนื่องจากด้านแบนคือด้านที่จะออกราก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!