หัวข้อ: ชุมพรเมืองต้นแบบ'ไบโอเทคโนโลยี เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ มิถุนายน 23, 2010, 10:02:35 AM วท.ผุดแนวคิดผลักดัน "ชุมพร" เป็นเมืองไบโอเทคโนโลยีต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ลงพื้นที่โครงการพระราชดำริหนองใหญ่เป็นต้นแบบ พร้อมนำความรู้เทคโนโลยีชีวภาพถ่ายทอดให้เกษตรกร สกัดน้ำมันปาล์มมาใช้จริงในชีวิต
ประจำวัน รู้จักประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าทำสำเร็จภายในปีงบประมาณ 53 รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กระทรวงวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี พร้อมคณะผู้บริหารหน่วยงานภายใต้สังกัด ได้ลงพื้นที่สำรวจความก้าวหน้าการดำเนินงาน โครงการนำร่อง จังหวัดชุมพรด้านไบโอเทคโนโลยีพร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการศูนย์บริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและดารา ศาสตร์ โครงการพระราชดำริพื้นที่หนองใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เนื่องจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้กำหนด โครงการนำร่องพัฒนาจังหวัดชุมพร ให้เป็นเมืองไบโอเทคโนโลยีและพลังงานทางเลือก โดยจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2553 "รมว.วท.ได้มอบหมายให้ สวทช.รับผิดชอบการผลักดันจังหวัดชุมพรให้เป็นเมืองไบโอเทคโนโลยี โดยจะนำองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพไปประยุกต์ให้สอดคล้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้จริงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และเป็นต้นแบบของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีชีวภาพในเชิง พื้นที่ต่อไป" ผอ.สวทช.กล่าว รศ.ดร.ศักรินทร์ระบุว่า ขั้นตอนแรกได้เริ่มลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความสนใจของชาวบ้าน เกษตรกรและผู้ประกอบการ ทั้งในระดับครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม ในเบื้องต้นได้สนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรและการแปรรูป โดยถ่ายทอด เทคโนโลยีระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำขนาด 1 ตัน ซึ่งได้นำความสำเร็จจากโรงงานผลิตไบโอดีเซลสำหรับชุมชน แบบครบวงจรเฉลิมพระเกียรติ 60 ปีที่จังหวัดสระบุรีเป็นต้นแบบ ส่วนการผลิตไบโอดีเซลจะใช้เทคโนโลยีแผงโซลาร์หรือเซลล์แสงอาทิตย์ มาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตระบบไฟฟ้า และน้ำร้อน โดยไฟฟ้าจะนำไปใช้กับเครื่องผลิตไบโอดีเซล ส่วนน้ำร้อนจะนำไปใช้อุ่นถังปฏิกิริยาการผลิตไบโอดีเซล รวมทั้ง การสนับสนุนชุดทดสอบไบโอดีเซลแบบง่าย เพื่อใช้ทดสอบมาตรฐานของน้ำมันที่ผลิตได้ในชุมชนด้วย รศ.ดร.ศักรินทร์กล่าวว่า จังหวัดชุมพรมีจุดแข็งในด้านการปลูกพืชโดยเฉพาะต้นปาล์ม เราจะนำความรู้ทางเทคโนโลยี ชีวภาพ ไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเกษตรกรทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรที่เกินจากความต้องการของตลาด และพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ผลิตภัณฑ์และ บริการของจังหวัดชุมพรสู่มาตรฐานสากล รวมทั้งพัฒนาชุมชนและกลุ่มผู้ประกอบการ ให้ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในภาคการ ผลิต นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ยกตัวอย่างการแปรรูปมังคุดให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น มังคุดแช่เยือกแข็งแบบแยกชิ้น ผลิตภัณฑ์เนื้อมังคุดในน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋อง และผลิตภัณฑ์มังคุดกึ่งแห้ง เป็นต้น โดย สวทช.ประสานงานความร่วมมือกับสมาคมชาวสวนมังคุด ในการสร้างโรงงานผลิตให้มีมาตรฐานสากล ทั้งนี้ สวทช.จะให้คำปรึกษาและส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยเหลือด้านกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ส่วนในเรื่องของการลดการใช้พลังงานของเตาอบยางแผ่นรมควันนั้น ขณะนี้ สวทช.ได้ประสานงานเครือข่ายโครงการสนับ สนุนการพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (iTAP) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงเตาอบที่มีอยู่ให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ด้านนายวริสร รักษ์พันธุ์ ผู้ประกอบการธุรกิจรีสอร์ต ชุมพรคาบาน่า จังหวัดชุมพร เจ้าของรางวัลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โลกสี เขียว ปี 2549 ให้ความเห็นถึงนโยบายผลักดันจังหวัดชุมพรเป็นเมืองไบโอเทคโนโลยีว่า เห็นด้วย เพราะชุมพรเป็นเมืองที่มี ศักยภาพอยู่แล้วทั้งด้านผลผลิต และความเข้มแข็งของชุมชน ภาคประชาชนมีการรวมตัวเป็นเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ การผลักดันชุมพรให้เป็นเมืองไบโอเทคโนโลยี จะต้องขับเคลื่อนงานให้ถูกต้อง โดย เน้นไปที่ระดับชุมชน โรงเรียน เทศบาล และผู้ประกอบการขนาดย่อมต้องมีการนำน้ำมันปาล์มมาใช้จริงๆ "จุดแข็งของจังหวัดชุมพรคือ มีความพร้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผลผลิตและคนต้องการใช้มีเยอะ แต่ยังขาดองค์ความรู้ ในการจัดการ ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ต้องจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดความรู้ครบวงจรเล็กๆ เช่น กระบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการใช้น้ำมันปาล์มในระดับท้องถิ่น ผมคิดว่ามาถูกทางแล้ว แต่ต้องตอบโจทย์ให้ถูก ก็จะทำสำเร็จ" ที่มาไทยโพสต์ |