หัวข้อ: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: numtc.25 ที่ มีนาคม 20, 2009, 03:23:42 PM ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆ เช็คแรงดันน้ำที่ผ่านสวิตซ์แรงดันแล้วน้ำไหลออกมาแรง แต่พอไหลเข้าฮีสเตอร์ไหลออกมาเบามากๆ เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฮีสเตอร์ตัน เช็คราคาของแล้วถ้าเปลียน 1,350 บาท ไม่ทราบพี่่ๆพอจะแนะนำวิธีที่จะทำให้
ฮีสเตอร์หายตันได้ไหมครับ thank2 ไม่อยากเสียเงินซื้อไหม่เลยครับ ยุคเศรษฐกิจกำลังแย่ รบกวนพี่ๆด้วยครับ thank2 :D :D :D :D หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: H933-LSV team 14,000 ที่ มีนาคม 20, 2009, 05:29:02 PM ปกติสายน้ำเข้าจะมีตัวกรองสิ่งสกปรก ก่อนเข้า ของท่านตันในหม้อต้ม 1.โซดาไฟผสมน้ำกรอกทิ้งไว้12-3นาที 2.น้ำยาR11กรอกทิ้งไว้4-5นาที
หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีค เริ่มหัวข้อโดย: omomo ที่ มีนาคม 20, 2009, 07:09:17 PM ใช้กรด ชื่อ HCL มีขายที่ร้านขายเคมี กรดชนิดนี้ใช้กำจัดตะกันภายในแอร์ชิลเลอร์
หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: santipp ที่ มีนาคม 20, 2009, 08:22:16 PM รบกวนถาม คุณomomo ถ้าไปถึงร้านขายเคมี ไปบอกกับผู้ขายว่า ต้องการ HCL
บอกเท่านี้ก็ได้เลยหรือครับ ราคาแพงไหมครับ เขาขายอย่างไรครับ :) หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: numtc.25 ที่ มีนาคม 21, 2009, 03:57:18 PM พี่ครับน้ำยา R11 คือน้ำที่ใช้เกี่ยวกับการล้างท่ือแอร์ใช่ไหมครับ คือว่าผมไม่มีถังใส่ น้ำยา R11 ไม่ทราบว่าผมใช้แต่โซดาไฟผสมน้ำใส่เข้าไปในฮีสเตอร์แล้วทิ้งใว้ประมาณ 12 นาที แล้วใช้สายยางอัดน้ำเข้าไปแรงๆ
แล้วเอาที่เติมลมเป่าอีกครั้ง ไม่ทราบพอจะใช้ได้ไหมครับ รบกวนพี่แนะนำด้วยครับ thank2 :D หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ruengyot ที่ มีนาคม 21, 2009, 06:50:54 PM เท่าที่ผมเคยเจออาการนี้ผมเอาไขควงเคาะๆรอบๆแล้วก็เอาน้ำอัดออกถ้ายังไม่หมดให้เอาฮีทเตอร์ไปตากแดดให้รอ้นจัดๆแล้วเอามาเคาะๆอีกครั้งเพราะฮีทเตอร์แบบนี้ขาดยากขอเน้นว่าเคาะไม่ใช่ทุบนะครับแต่เป็นประสปก่ารณ์จริงครับ
หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ มีนาคม 21, 2009, 06:55:01 PM http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42ชื่อเคมี IUPAC: Hydrochloric acid
ชื่อเคมีทั่วไป Hydrochloride ชื่อพ้องอื่นๆ Muriatic acid; Chlorohydric acid; Spirits of salts; Hydrogen chloride (acid); Hydrogen chloride; Hydrogen Chloride Gas only สูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้าง รหัส IMO CAS No. 7647-01-0 รหัส EC NO. 017-002-00-2 UN/ID No. 1789 รหัส RTECS MW 4025000 รหัส EUEINECS/ELINCS 231-595-7 ชื่อวงศ์ - ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า Mallinckrodt Baker Inc. แหล่งข้อมูลอื่นๆ - 3. การใช้ประโยชน์ (Uses) - ใช้เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ 4. ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity) LD50(มก./กก.) : 900 ( กระต่าย) LC50(มก./ม3) : 4655 / - ชั่วโมง ( หนู) IDLH(ppm) : 50 ADI(ppm) : MAC(ppm) : PEL-TWA(ppm) : 5 PEL-STEL(ppm) : PEL-C(ppm) : 5 TLV-TWA(ppm) : 5 TLV-STEL(ppm) : TLV-C(ppm) : 5 พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3 พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ระยะสั้น ค่าสูงสุด 5 สารเคมีอันตราย : พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3 ชนิดที่ 4 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5. คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี (Physical and Chemical Properties) สถานะ : ของเหลว , ก๊าซ สี : ไม่มีสี กลิ่น : ฉุน นน.โมเลกุล : 36.46 จุดเดือด(0ซ.) : 53 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -74 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.18 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 1.3 ความหนืด(mPa.sec) : 0.0148 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 190 ที่ 25 0ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายได้ ที่ - 0ซ. ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : - ที่ - 0ซ. แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 1.49 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.67 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : - สารนี้สามารถละลายได้ในเอทานอล 6. อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect) สัมผัสทางหายใจ - การหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด เกิดการอักเสบของจมูก ลำคอ และทางเดินหายใจส่วนบน และในกรณีที่รุนแรง จะก่อให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้ สัมผัสทางผิวหนัง - การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นแดง ปวดและเกิดแผลไหม้ การสัมผัสกับสารที่ความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดแผลพุพองและผิวหนังเปลี่ยน กินหรือกลืนเข้าไป - การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง จะก่อให้เกิดอาการปวด และเกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และทางเดินอาหาร อาจก่อให้เกิดอาการ คลื่นไส้ และท้องร่วง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ สัมผัสถูกตา - การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดการทำลายได้ อาจทำให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง และก่อให้เกิดทำลายตาอย่างถาวรได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ - การสัมผัสกับไอระเหยของสารเป็นระยะนานจะก่อให้เกิดการกัดกร่อนต่อกัน และทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อน เช่นเดียวกับฤทธิ์ของการสัมผัสกรด - ในบุคคลที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง หรือเป็นโรคทางตา จะมีความไวต่อการเกิดผลกระทบสารนี้ - ไม่เป็นสารก่อมะเร็งตาม NTP จัดเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 3 ตามบัญชีรายชื่อของ IARC 7. ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction) - ความคงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ ภาชนะบรรจุของสารอาจเกิดการแตกออกและระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับความร้อน - สารที่เข้ากันไม่ได้ : โลหะ โลหะออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ เอมีน คาร์บอเนต สารที่เป็นเบส และสารอื่น ๆ เช่น ไซยาไนด์ ซัลไฟด์ และฟอมัลดีไฮด์ - สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน และการสัมผัสโดยตรงกับแสง - สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เมื่อสารนี้สัมผัสกับความร้อน จะเกิดการสลายตัวและปล่อยฟูม/ควันของไฮโดรเจนคลอไรด์ที่เป็นพิษและจะเกิดปฏิกิริยากับน้ำหรือไอน้ำ ทำให้เกิดความร้อน และเกิดฟูมหรือควันของสารที่เป็นพิษและมีฤทธิ์การสลายตัวของสารจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เนื่องจากความร้อนจะทำให้เกิดฟูม/ควันของก๊าซไฮโดรเจนซึ่งสามารถระเบิดได้ - อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น 8. การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion) จุดวาบไฟ(0ซ.) : - จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : - ค่า LEL % : - UEL % : - NFPA Code : LFL % : - UFL % : - - การสัมผัสกับความร้อนสูงหรือการสัมผัสกับโลหะจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟออกมา - สารดับเพลิงในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้ น้ำฉีดเป็นฝอย และทำให้สารเป็นกลางโดยใช้โซดาไฟหรือปูนขาว - กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า - ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้ และให้อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุสาร 9. การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling) - เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด และป้องกันการเสียหายทางกายภาพ - เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง - เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ - เก็บในบริเวณที่มีพื้นป้องกันกรด และมีระบบระบายออกที่ดี - เก็บห่างจาก การสัมผัสโดยตรงกับแสง ความร้อน น้ำ และสารที่เข้ากันไม่ได้ - อย่าทำการฉีดล้างภายนอกภาชนะบรรจุหรือนำเอาภาชนะไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น - เมื่อต้องการเจือจางให้ทำการค่อย ๆ เติมกรดปริมาณน้อย ๆ ลงในน้ำ อย่าใช้น้ำร้อนหรืออย่าทำการเติมน้ำลงในกรดเพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมจุดเดือดของสารได้ - เมื่อทำการเปิดภาชนะบรรจุสารที่ทำจากโลหะให้ใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดประกายไฟ เพราะในการเปิดอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้นได้ - ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้ - ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้ - ชื่อทางการขนส่ง : Hydrochloric acid - รหัส UN : 1789 - ประเภทอันตราย : 8 - ประเภทการบรรจุหีบห่อ :กลุ่ม III 10. การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill) - วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่มีการหกรั่วไหล - ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม ให้กั้นแยกเป็นพื้นที่อันตราย และกันบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันออกจากบริเวณหกรั่วไหล - ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลและนำกลับมาใช้ใหม่ถ้าสามารถทำได้ - ทำให้สารเป็นกลางโดยใช้สารที่เป็นเบส เช่น โซดาไฟ ปูนขาว และทำการดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยวัสดุที่เฉื่อย เช่น แร่หินทราย (Vermiculite) ทรายแห้ง ดิน และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุสำหรับกากของเสียเคมี 11. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE) ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) : - ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ - สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 50 ppm :ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี canaister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 250 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 - ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 - ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 12. การปฐมพยาบาล (First Aid) หายใจเข้าไป: - ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ กินหรือกลืนเข้าไป: - ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ หรือนมปริมาณมาก ๆ ถ้าสามารถหาได้ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง: - ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก ซักทำความสะอาดเสื้อผ้า และรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกตา : - ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที กระพริบตาถี่ ๆ นำส่งไปพบแพทย์ทันที อื่น ๆ: 13. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts) - เมื่อรั่วไหลลงสู่ดินคาดว่าสารนี้จะไม่เกิดการสลายตัวทางชีวภาพ และสารนี้อาจถูดดูดซึมเข้าสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้ - สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ จะเกิดอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงค่าพีเอช - ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน 14. การเก็บและวิเคราะห์ (Sampling and Analytical) NMAM NO. : 7903 OSHA NO. : ID 174 SG วิธีการเก็บตัวอย่าง : กระดาษกรอง หลอดเก็บตัวอย่าง อิมพิ้นเจอร์ วิธีการวิเคราะห์ : ชั่งน้ำหนัก สเปคโตโฟโตมิเตอร์ แก๊ซโครมาโตกราฟฟี อะตอมมิกแอบซอปชั่น ข้อมูลอื่น ๆ : - การเก็บตัวอย่างใช้ Washed silica gel, 400 mg/1200 mg with glass fiber filtger plug - อัตราไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.2 ถึง 0.5 ลิตรต่อนาที - ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด 3 ลิตร , สูงสุด 100 ลิตร 15. ขั้นตอนการปฎิบัติงานฉุกเฉิน (Emergency Response) AVERS Guide : 42 DOT Guide : 157 - กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 - ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 [url]http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42] (http://[/url)ชื่อเคมี IUPAC: Hydrochloric acid ชื่อเคมีทั่วไป Hydrochloride ชื่อพ้องอื่นๆ Muriatic acid; Chlorohydric acid; Spirits of salts; Hydrogen chloride (acid); Hydrogen chloride; Hydrogen Chloride Gas only สูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้าง รหัส IMO CAS No. 7647-01-0 รหัส EC NO. 017-002-00-2 UN/ID No. 1789 รหัส RTECS MW 4025000 รหัส EUEINECS/ELINCS 231-595-7 ชื่อวงศ์ - ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า Mallinckrodt Baker Inc. แหล่งข้อมูลอื่นๆ - 3. การใช้ประโยชน์ (Uses) - ใช้เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ 4. ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity) LD50(มก./กก.) : 900 ( กระต่าย) LC50(มก./ม3) : 4655 / - ชั่วโมง ( หนู) IDLH(ppm) : 50 ADI(ppm) : MAC(ppm) : PEL-TWA(ppm) : 5 PEL-STEL(ppm) : PEL-C(ppm) : 5 TLV-TWA(ppm) : 5 TLV-STEL(ppm) : TLV-C(ppm) : 5 พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3 พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ระยะสั้น ค่าสูงสุด 5 สารเคมีอันตราย : พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3 ชนิดที่ 4 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5. คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี (Physical and Chemical Properties) สถานะ : ของเหลว , ก๊าซ สี : ไม่มีสี กลิ่น : ฉุน นน.โมเลกุล : 36.46 จุดเดือด(0ซ.) : 53 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -74 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.18 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 1.3 ความหนืด(mPa.sec) : 0.0148 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 190 ที่ 25 0ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายได้ ที่ - 0ซ. ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : - ที่ - 0ซ. แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 1.49 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.67 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : - สารนี้สามารถละลายได้ในเอทานอล 6. อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect) สัมผัสทางหายใจ - การหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด เกิดการอักเสบของจมูก ลำคอ และทางเดินหายใจส่วนบน และในกรณีที่รุนแรง จะก่อให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้ สัมผัสทางผิวหนัง - การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นแดง ปวดและเกิดแผลไหม้ การสัมผัสกับสารที่ความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดแผลพุพองและผิวหนังเปลี่ยน กินหรือกลืนเข้าไป - การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง จะก่อให้เกิดอาการปวด และเกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และทางเดินอาหาร อาจก่อให้เกิดอาการ คลื่นไส้ และท้องร่วง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ สัมผัสถูกตา - การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดการทำลายได้ อาจทำให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง และก่อให้เกิดทำลายตาอย่างถาวรได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ - การสัมผัสกับไอระเหยของสารเป็นระยะนานจะก่อให้เกิดการกัดกร่อนต่อกัน และทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อน เช่นเดียวกับฤทธิ์ของการสัมผัสกรด - ในบุคคลที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง หรือเป็นโรคทางตา จะมีความไวต่อการเกิดผลกระทบสารนี้ - ไม่เป็นสารก่อมะเร็งตาม NTP จัดเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 3 ตามบัญชีรายชื่อของ IARC 7. ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction) - ความคงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ ภาชนะบรรจุของสารอาจเกิดการแตกออกและระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับความร้อน - สารที่เข้ากันไม่ได้ : โลหะ โลหะออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ เอมีน คาร์บอเนต สารที่เป็นเบส และสารอื่น ๆ เช่น ไซยาไนด์ ซัลไฟด์ และฟอมัลดีไฮด์ - สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน และการสัมผัสโดยตรงกับแสง - สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เมื่อสารนี้สัมผัสกับความร้อน จะเกิดการสลายตัวและปล่อยฟูม/ควันของไฮโดรเจนคลอไรด์ที่เป็นพิษและจะเกิดปฏิกิริยากับน้ำหรือไอน้ำ ทำให้เกิดความร้อน และเกิดฟูมหรือควันของสารที่เป็นพิษและมีฤทธิ์การสลายตัวของสารจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เนื่องจากความร้อนจะทำให้เกิดฟูม/ควันของก๊าซไฮโดรเจนซึ่งสามารถระเบิดได้ - อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น 8. การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion) จุดวาบไฟ(0ซ.) : - จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : - ค่า LEL % : - UEL % : - NFPA Code : LFL % : - UFL % : - - การสัมผัสกับความร้อนสูงหรือการสัมผัสกับโลหะจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟออกมา - สารดับเพลิงในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้ น้ำฉีดเป็นฝอย และทำให้สารเป็นกลางโดยใช้โซดาไฟหรือปูนขาว - กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า - ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้ และให้อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุสาร 9. การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling) - เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด และป้องกันการเสียหายทางกายภาพ - เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง - เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ - เก็บในบริเวณที่มีพื้นป้องกันกรด และมีระบบระบายออกที่ดี - เก็บห่างจาก การสัมผัสโดยตรงกับแสง ความร้อน น้ำ และสารที่เข้ากันไม่ได้ - อย่าทำการฉีดล้างภายนอกภาชนะบรรจุหรือนำเอาภาชนะไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น - เมื่อต้องการเจือจางให้ทำการค่อย ๆ เติมกรดปริมาณน้อย ๆ ลงในน้ำ อย่าใช้น้ำร้อนหรืออย่าทำการเติมน้ำลงในกรดเพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมจุดเดือดของสารได้ - เมื่อทำการเปิดภาชนะบรรจุสารที่ทำจากโลหะให้ใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดประกายไฟ เพราะในการเปิดอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้นได้ - ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้ - ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้ - ชื่อทางการขนส่ง : Hydrochloric acid - รหัส UN : 1789 - ประเภทอันตราย : 8 - ประเภทการบรรจุหีบห่อ :กลุ่ม III 10. การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill) - วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่มีการหกรั่วไหล - ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม ให้กั้นแยกเป็นพื้นที่อันตราย และกันบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันออกจากบริเวณหกรั่วไหล - ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลและนำกลับมาใช้ใหม่ถ้าสามารถทำได้ - ทำให้สารเป็นกลางโดยใช้สารที่เป็นเบส เช่น โซดาไฟ ปูนขาว และทำการดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยวัสดุที่เฉื่อย เช่น แร่หินทราย (Vermiculite) ทรายแห้ง ดิน และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุสำหรับกากของเสียเคมี 11. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE) ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) : - ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ - สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 50 ppm :ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี canaister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 250 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 - ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 - ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 12. การปฐมพยาบาล (First Aid) หายใจเข้าไป: - ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ กินหรือกลืนเข้าไป: - ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ หรือนมปริมาณมาก ๆ ถ้าสามารถหาได้ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง: - ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก ซักทำความสะอาดเสื้อผ้า และรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกตา : - ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที กระพริบตาถี่ ๆ นำส่งไปพบแพทย์ทันที อื่น ๆ: 13. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts) - เมื่อรั่วไหลลงสู่ดินคาดว่าสารนี้จะไม่เกิดการสลายตัวทางชีวภาพ และสารนี้อาจถูดดูดซึมเข้าสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้ - สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ จะเกิดอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงค่าพีเอช - ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน 14. การเก็บและวิเคราะห์ (Sampling and Analytical) NMAM NO. : 7903 OSHA NO. : ID 174 SG วิธีการเก็บตัวอย่าง : กระดาษกรอง หลอดเก็บตัวอย่าง อิมพิ้นเจอร์ วิธีการวิเคราะห์ : ชั่งน้ำหนัก สเปคโตโฟโตมิเตอร์ แก๊ซโครมาโตกราฟฟี อะตอมมิกแอบซอปชั่น ข้อมูลอื่น ๆ : - การเก็บตัวอย่างใช้ Washed silica gel, 400 mg/1200 mg with glass fiber filtger plug - อัตราไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.2 ถึง 0.5 ลิตรต่อนาที - ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด 3 ลิตร , สูงสุด 100 ลิตร 15. ขั้นตอนการปฎิบัติงานฉุกเฉิน (Emergency Response) AVERS Guide : 42 DOT Guide : 157 - กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 - ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42 () หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: numtc.25 ที่ มีนาคม 21, 2009, 08:12:44 PM เท่าที่อ่านกระทู้ของพี่b.chaiyasith ผมว่าสาร hcl เป็นสารอันตรายมากๆเลยครับ ผมว่าผมลองใช้วิธีของ k.ruengyot ดูก่อนว่าได้ผลหรือไม่ แล้วจะ update ให้ีพี่ ๆอีกครั้งครับ :D tongue3
หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: omomo ที่ มีนาคม 21, 2009, 08:24:06 PM รบกวนถาม คุณomomo ถ้าไปถึงร้านขายเคมี ไปบอกกับผู้ขายว่า ต้องการ HCL ผมห่างจากระบบนี้มานานแต่ตอนที่เคยใช้ถังหนึ่ง 20 ลิตร 4000 บาท แต่ร้านขายไม่รู้เพราะฝ่ายจัดชื้อหามาให้ ลองหาในกูเกิ้ลดู แต่บอกเลยว่าคุ้มครับท่อภายในสะอาดชัวครับ ก่อนใช้อ่าน msds ของท่าน b.chaiyasith ก่อนนะครับเพราะอันตรายต่อผิวหนังและระบบหายใจบอกเท่านี้ก็ได้เลยหรือครับ ราคาแพงไหมครับ เขาขายอย่างไรครับ :) หัวข้อ: Re: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ เริ่มหัวข้อโดย: santipp ที่ มีนาคม 21, 2009, 08:48:37 PM ขอบคุณ ท่าน omomo มากครับ ศึกษาไว้ เพื่อต้องใช้ เพราะถ้าเป็นตู้รุ่นใหญ่ๆ แคปทิ้วตัน สอดแคปทิ้วเข้าซัคชั่นไม่รอดครับ เนื่องจากซัคชั่นคตโค้งมาก ไม่เหมือนตู้ 250WLX,200WLX ท่านomomo คงยังจำโครงสร้างภายในผนังได้มังครับ ส่วนที่ท่านว่าคอมฯลูกสูบบวม จะเจอกับตู้รุ่นเล็กครับ(ตู้ประตูเดียว)เป็นตู้ที่เขาเพิ่งเริ่มใช้คอมฯของเขาเองใหม่ๆตามเปลี่ยนคอมฯกันอยู่นานเลยครับ(หลังจากที่เจอคอมฯกุลธรลิ้นคอมฯแตก) :)
|