พิมพ์หน้านี้ - สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ

นานาสาระ => ห้องเด็กๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ ธันวาคม 07, 2008, 09:02:24 am



หัวข้อ: สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ ธันวาคม 07, 2008, 09:02:24 am
สไบทอง เด็กหญิงหัวใจแกร่ง

       "ถ้ามีพรสัก 3 ข้อให้เลือก
ข้อ 1 หนูขอให้แม่หายป่วย
ข้อ 2 ขอให้ตามีบ้านดีๆ อยู่
ข้อ 3 ขอให้หนูได้เรียนสูงๆ ได้เป็นตำรวจ"

          ความฝันเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของ "สไบทอง" หรือ เด็กหญิงมนัสนันท์ อิ่มกระจ่าง วัย 13 ปี
เด็กหญิงหัวใจแกร่ง ที่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อคือใคร
เนื่องจากแม่ของเธอมีสติไม่สมประกอบ
ถูกข่มขืนจนตั้งท้อง อีกทั้งแม่ของเธอไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือสายเลือดของตัวเอง
(ปัจจุบันแม่ของเธอถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์วังทอง มาเป็นเวลานานมานับสิบปีแล้ว)

          "ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย. . . แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จัก"
สไบทอง บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวที่อยู่ภายในใจของเธอให้ฟัง

          สำหรับชาวบ้านในอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก จะเห็นเด็กหญิงสไบทอง
 ในลักษณะของผู้หญิงรูปร่างผอมบาง สูงยาว ใบหน้าไม่ค่อยประดับด้วยรอยยิ้ม
เวลาก้าวเดินไหล่ของเธอจะคู ก้มหน้าก้มตาเป็นประจำ
ประหนึ่งว่าบนบ่าจะแบกภาระไว้ตลอดเวลา
ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนวัดโบสถ์
สไบทอง เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของตากับยาย ในอำเภอพรหมพิราม
แต่ยายก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุได้ 6 ขวบ
ต่อมาตาที่เลี้ยงดูเธอเพียงคนเดียวประสบอุบัติเหตุ สมองกระทบกระเทือนทำให้สติฟั่นเฟือน
เธอจึงย้ายมาอยู่กับป้าและลุงผู้เป็นสามี ที่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ในซอกแคบๆ พอให้ได้ซุกหัวนอน
ป้าของเธอไม่มีอาชีพอะไร ส่วนลุงหาปลาขาย ซึ่งรายได้ก็ไม่แน่ไม่นอน 

         ทุกวันนี้สไบทองต้องทำงานอย่างหนัก ด้วยจิตสำนึกที่คิดอยากจะช่วยหรืออยากตอบแทนป้าบ้าง โดยการทำงานอย่างทุกอย่างที่กำลังของตัวเองจะสามารถทำได้
ทุกๆ วันหลังเลิกเรียนเธอไม่เคยได้สัมผัสชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป ไม่เคยได้วิ่งเล่น ไม่เคยออกไปเที่ยวเตร่
เพราะเธอต้องรีบไปรับน้องชาย (หลานของป้า)
 พากันกลับบ้าน "เล่นไปไม่ได้อะไร รีบกลับมาทำงานบ้านดีกว่า"
นี่คือคำพูดใสซื่อที่ออกมาจากใจ สไบทอง

          จากนั้นเธอต้องมีหน้าที่ปั่นซาเล้งคู่ใจคันเก่าๆ โทรมๆ เอาปลาที่ลุงหามาได้ไปขาย
แต่ถ้าวันไหนไม่มีปลาก็ใช่ว่าเธอจะหยุดอยู่นิ่ง
 เพราะเธอก็จะปั่นซาเล้งออกไปเก็บขยะ เก็บขวด เก็บของเก่าเพื่อนำไปขาย กว่าจะได้เหยียบย่ำเข้าบ้านพระอาทิตย์ก็เลยลับขอบฟ้าพระจันทร์ขึ้นมาแทนที่ไปนานแล้ว
ซึ่งเธอเริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่ชั้น ป.3

          กิจวัตรทุกๆ วันหลังจากเก็บของเก่า
 เธอจะอาบน้ำอาบท่าและกินข้าว . . .จานข้าวที่เธอกินประจำประกอบไปด้วยข้าวล้นจาน
 ส่วนกับข้าวมีเพียงน้อยเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็จะล้างจานหรือทำงานบ้านต่ออีกเล็กๆ น้อยๆ เสร็จภารกิจต่างๆ
 ก็ถึงเวลาที่ต้องหยิบเอาการบ้าน หรือหนังสือเรียนออกมาทบทวน
 ซึ่งกว่าเธอจะทำอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว
ถึงจะได้เข้านอน ขณะที่เด็กคนอื่นในวัยเดียวกันคงเข้านอนก่อนเธอไปนานแล้ว

          แต่เช้าวันเสาร์และอาทิตย์ก็ใช่ว่าเธอจะหยุดพักผ่อน
แต่กลับเป็นวันพิเศษกว่าทุกๆ วัน เพราะเธอต้องตื่นนอนตั้งแต่ ตี 3 ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของป้าไปตลาด เพื่อหาซื้อผักมาขาย แต่ก่อนที่จะปั่นซาเล้งไปขายผัก
เธอต้องสวมบทบาทเป็นแม่บ้านไปรับจ้างทำงานบ้านให้กับเพื่อนบ้านละแวกนั้น
แลกกับเงิน 100 บาท ถึงจะกลับมาเอาซาเล้งคู่ใจคันหนัก ที่อุดมไปด้วยพืชผักนานาชนิด
ไปปั่นตระเวนขายตามบ้านต่างๆ ทั้งใกล้และไกล 

        "ถ้าเป็นเด็กคนอื่นๆ รุ่นนี้คงจักรยานยนต์หัวแดงไปแล้ว
แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะทำมาหากินช่วยครอบครัว"
คำพูดบอกเล่าของผู้ที่พบเห็นสไบทองเป็นประจำเล่าให้กับทีมงานฟัง

          ในชีวิตของสไบทอง ทุกวันเธอต้องทำงานหนักเกินวัย ตั้งแต่เช้าตรู่ยันค่ำมืด ไม่มีวันหยุด
เธอบอกว่า อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้อะไร อยู่ไปก็ไม่ได้เงิน ก็เลยออกมาช่วยทำมาหากิน
ไม่มีใครบอกให้ทำ เธออยากทำเอง เพราะอยากเก็บไว้เป็นทุนเรียน
เก็บไว้ให้ป้าซื้อข้าวสาร และเก็บไว้ให้ตา เพราะตาอยู่คนเดียว
(เธอจะไปเยี่ยมตาทุกเดือน เดือนละ 3 ครั้ง เอาเงินและข้าวสารไปให้)

          ทุกวันนี้ความหวังและความฝันของเด็กหญิงสไบทอง คือการที่แม่ของเธอจะหายเป็นปกติ
และเธอสามารถรับแม่มาอยู่ด้วยกันได้ มีบ้านเป็นของตัวเอง
 พร้อมกับรับตาที่ห่วงใยมาอยู่ด้วยกัน ให้เหมือนกับครอบครัวของคนอื่น

          เงิน 100 บาทสำหรับเด็กบางคนอาจได้แค่ไอศรีมแค่ 1 แท่ง แต่เงินตั้ง 100 บาท ของเด็กผู้หญิงสไบทองกลับต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน เพื่ออยากตอบแทนผู้มีพระคุณ 

ติดตามเรื่องราวชีวิตของสไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำได้เลยครับ


http://www.dailymotion.com/swf/k1nw6kZdEMde65LRDe&related=1&canvas=medium

(http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/newimages/Sabaitong_TV.jpg)

(http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/newimages/Sabai2.jpg)
(http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/newimages/Sabai1_1.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms/sabaitong1.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong4.jpg)

   
         เชื่อว่าหลายคนยังคงจำภาพ "สไบทอง" เด็กหญิงนัยน์ตาเศร้าหมอง สิ้นหวัง ใบหน้าที่น้อยคนนักแทบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้ม พร้อมกับซาเล้งคู่ใจที่ทุกวันเธอต้องใช้มันในการหาเลี้ยงชีพอย่างแสนลำบาก
หลังจากชีวิตของเธอถูกนำมาตีแผ่ผ่านทางรายการ "คนค้นฅน"
ไม่นาน กำลังใจและความช่วยเหลือจากผู้ชมรายการก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้สไบทองเป็นที่รู้จักและมีชีวิตที่ดีขึ้น

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sa1.jpg)

         ทุกวันนี้สไบทองไม่ได้อาศัยอยู่กับผู้เป็นป้าเหมือนดังเดิม หากแต่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่บังเกิดเกล้าที่สถานสงเคราะห์วังทอง หลังจากภรรยาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เหล่ากาชาด และสถานสงเคราะห์วังทองนำเธอมาอุปการะ หลังจากได้เห็นความยากลำบากของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผ่านจอโทรทัศน์ และแม้ว่าความฝันของสไบทองที่ปรารถนาจะให้แม่ซึ่งมีอาการทางจิตจดจำเธอได้ยังไม่เป็นดังหวัง แต่สไบทองก็เริ่มที่จะได้สัมผัสกับคำว่า "ความสุข" และรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ หลังจากได้มาอยู่ที่นี่ และทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้พวกเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเด็กหญิงทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง โดยส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่เด็กหญิงเล่นอยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับแม่

          "พี่กล้ากอดหนูด้วยเหรอ รู้ไหมในชีวิตนี้ไม่เคยมีใครกอดหนูเลย ทุกครั้งที่เห็นป้ากอดหลาน หนูอิจฉา
หนูอยากได้อย่างนั้นบ้าง พี่อย่าปล่อยมือนะ . . . พี่กอดหนูอย่างนี้ทุกวันได้ไหม หนูอยากให้พี่กอดอยู่อย่างนี้ ไม่อยากให้ปล่อย
 เราก็เลยต้องกอดเขาก่อนนอนทุกคืน" นี่คือคำพูดจากกุ๊กไก่ อุรารัตน์ ทอกไข
นักจิตวิทยาประจำสถานสงเคราะห์วังทอง ที่ดูแลเด็กหญิงสไบทอง

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong7.jpg)

ชีวิตใหม่ของ "สไบทอง" หรือ "เด็กหญิงมนัสนันท์ อิ่มกระจ่าง" ยังเป็นสิ่งที่แปลกใหม่
ความไม่คุ้นเคยในเรื่องของการกินอาหารที่บริบูรณ์ กับการนอนและตื่นที่ผิดแผกจากชีวิตประจำวันเดิมๆ
ทำให้สไบทองต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่สักพัก จนคุ้นชินในเวลาไม่นานนัก

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong2.jpg)


         "แรกๆ ที่มาอยู่ใหม่ๆ น้องเขาจะสะดุ้งตื่นตอนตีสามทุกคืน ลุกแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องมีเสียงนาฬิกาปลุก เพราะมันเป็นเวลาที่เขาเคยตื่นไปซื้อผักที่ตลาด ส่วนตอนเข้านอนเขาก็จะนอนไม่ค่อยหลับ
เพราะเราจะเข้านอนประมาณสองทุ่ม แต่ปกติสามสี่ทุ่ม บางทีเขายังต้องตระเวนขายผักขายปลาอยู่เลย กว่าจะได้กลับบ้านเข้านอนก็ห้าทุ่ม หรือเที่ยงคืนจึงอาจทำให้เขาไม่ชิน . . . ส่วนเรื่องการกินข้าวนี่เขาก็ไม่ค่อยกล้าตักกับตักเนื้อมากิน จำได้ว่าเราซื้อปลาราดพริกมาสองตัว
 เป็นกับข้าวให้เขากินตอนกลางวัน บ่ายเรากลับมาถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง เขาบอกว่ากินแล้ว
พอเราไปดูปรากฎว่าปลายังอบยู่เหมือนเดิม แต่น้ำที่ราดตัวปลานี่แห้ง
 ต่อมากินข้าวด้วยกันเราเลยบอกเขา ของบนโต๊ะนี้กินได้ทุกอย่างไม่ผิด ไม่มีใครว่า เขาจึงกล้ากิน" คำยืนยันของเจ้าหน้าที่ที่เล่าถึงการใช้ชีวิตแห่งใหม่ของเด็กหญิงสไบทอง

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong8.jpg)

  ความน่ารักของเด็กหญิงสไบทองนำผลให้เธอเป็นที่รักมากขึ้น
 ทั้งจากเพื่อนในโรงเรียนที่แต่ก่อนเคยรังเกียจและไม่เคยเล่นกับเธอ เหล่าคุณครูที่ให้ความเอ็นดูและช่วยเหลือเธอมาตลอด หรือแม้แต่คนปลายสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบของสไบทองอย่างไม่ขาดสาย จึงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า สถานสงเคราะห์วังทองเป็นที่ที่สอนให้เธอได้รู้จักคำว่า "มิตรภาพ" และทำให้เธอเข้าใจคำว่า "เพื่อน" มากขึ้น จากแต่เดิมที่ไม่น้อยนักที่เธอจะได้สัมผัสกับคำคำนี้ และสถานที่แห่งนี้ยังช่วยดึงความสดใส
ร่าเริงของเธอออกมาเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กให้สมบูรณ์ เหมือนชีวิตของเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong10.jpg)

   อย่างไรก็ตาม แม้จะมีน้ำใจและความช่วยเหลือจากผู้คนที่ไม่รู้จักต่างหยิบยื่นเข้ามาให้
แต่เด็กหญิงวัยสิบสี่คนนี้ก็ ไม่ได้รู้สึกทะนงตน หรือรู้สึกว่าตัวเองดีไปกว่าคนอื่น ทุกวันนี้เธอยังคงเรียกหารถซาเล้งคันเดิม เพื่อที่จะปั่นออกไปขายผักอย่างชีวิตในอดีต ด้วยความปรารถนาที่จะนำเงินมาสร้างบ้านให้ตาผู้เป็นที่รักของเธอเอง

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong6.jpg)


         อีกบุคคลหนึ่งที่สไบทองประทับไว้ในใจว่าเป็นผู้มีคุณของเธอ นั่นก็คือ "ป้า" ผู้ที่เลี้ยงเธอมากว่า 8 ปี แม้ชีวิตในสมัยที่อยู่กับป้าจะไม่ได้สบายนัก แต่สไบทองก็ยังอดเป็นห่วงป้าไม่ได้ ถ้อยคำแต่ละคำที่สไบทองพูดถึงป้านั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องป้าของเธอ ให้พ้นจากการถูกกล่าวหาต่อว่า
 นั่นเพราะในสายตาของสไบทอง ป้าก็คือคนที่มีบุญคุณกับเธอที่สุด และเธอก็หวังที่จะให้ป้าอยู่สบาย หลายครั้งที่ผู้เป็นป้ามาชวนสไบทองกลับไปอยู่ด้วยกัน
แต่เธอก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเด็กน้อยเห็นว่าในขณะนี้ความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ  เธอหวังว่าการมาอยู่ที่นี่จะทำให้แม่หายเร็วขึ้น และเป็นดังเดิมในอีกไม่นาน

         ถึงแม้สไบทองมีภาพความทรงจำระหว่างเธอกับแม่ไม่มากนัก แต่เธอยังรักและผูกพันกับแม่ . . . เท่าที่จำได้ในช่วงชีวิตวัยเด็ก ตอนเย็นแม่จะพาเธอออกไปเดินเล่นตามรางรถไฟ โดยไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทาง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการทักทาย ไม่มีประโยคอื่น มีเพียงบทเพลงที่ร้องจากปากแม่ และสายตาที่เหม่อลอยของแม่ ใครที่เห็นเขาจะบอกว่า
คนบ้าพาเด็กเที่ยว บางที่แม่จะพาสไบทองไปขึ้นรถโดยสาร แต่พอแม่ไม่มีตังค์จ่าย เขาก็จะไล่แม่และสไบทองลงจากรถ ตอนนั้นเธอและแม่เปียกทั้งคู่เลยทีเดียว

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong9.jpg)

       แรกเริ่มที่สไบทองมาหาแม่ ก็มาเพื่อเอาการ์ดที่เขียนและทำเองด้วยสองมือกับหนึ่งหัวใจมามอบให้ เธอเองมิได้ล่วงรู้ว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาใช้ชีวิตกับแม่อีกครั้งเหมือนในตอนเป็นเด็ก แม้เธอจะรับรู้สัมพันธภาพอยู่เพียงฝ่ายเดียวเนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่รู้ว่าลูกเป็นลูก
 แต่ผู้เป็นลูกกลับรับรู้ว่าแม่เป็นแม่และรู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่ใกล้ชิด และการที่แม่ไม่รับรู้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนักสำหรับเธอ
 เพราะสิ่งที่เธอหวัง คือ การได้อยู่ใกล้ๆ คนที่เธอรัก โดยที่คนคนนั้นไม่ตอบแทนความรักของเธอด้วยการเหยียบย่ำ ทำร้าย เท่านี้ก็มากเกินพอแล้วสำหรับคำว่าความสุขที่เธอได้รับ

(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/sabaitong5.jpg)

      ในช่วงที่ลมพายุพัดกระหน่ำใส่เด็กหญิงตัวเล็กๆ
จนแทบจะไม่มีแรงยืน แต่สไบทองก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้กับลมฝนนั้นอย่าง
ไม่หวาดหวั่น
ณ วันนี้ ลมพายุกำลังค่อยๆ พ้นผ่านไป
ด้วยความเชื่อมั่นว่าฟ้าหลังฝนของเธอก็คงจะสดใสพร้อมๆ กับรอยแผลในความทรงจำ
ที่จะลบเลือนหายไปตามกาลเวลา
ว่าแล้ว... เรามาร่วมเป็นกำลังใจให้สไบทอง
 เด็กหญิงหัวใจแกร่ง มีชีวิตที่สดใสขึ้นทุกวันๆ กันดีกว่า... สู้ๆๆๆๆๆๆๆ


(http://hilight.kapook.com/img_cms/sabaitong3.jpg)



credit http://hilight.kapook.com/

คลิป สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ ตอนที่ 2

http://www.dailymotion.com/swf/kEoygyECpwX0BdLREN&related=1&canvas=medium

สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ ตอนที่ 3

http://www.dailymotion.com/swf/k3EQVU8i0FhHYBLRP5&related=1&canvas=medium

 สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ ตอนที่ 4

http://www.dailymotion.com/swf/k6xu6sfV4s3v3lLRH5&related=1&canvas=medium

สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ 2 part1

http://www.youtube.com/v/EsofiWbhqg0&hl.swf

สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ 2/2

http://www.youtube.com/v/nNPPxpwpcoA&hl.swf

สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ ตอนที่ 2/3

http://www.youtube.com/v/BsdzISnGTYo&hl.swf

 สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ ตอนที่ 2/4

http://www.youtube.com/v/8FNj4m5GqAw&hl.swf

สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ

(http://hilight.kapook.com/img_cms/sabaitong3.jpg)

ดีใจกับน้องด้วยน๊ะ
...ได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักของน้องอีกครั้งหนึ่ง
ยังมีเด็กที่ตกทุกข์แบบน้อง สไบ อีกมากในสังคม
ที่ดิ้นรนกันแบบนี้



หัวข้อ: Re: สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ
เริ่มหัวข้อโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ ธันวาคม 07, 2008, 09:34:25 am
ขอบคุณครับ :)

ไม่ได้ติดตามนานแล้ว ฅ.ฅน แต่ก่อนผมเป็นสมาชิกรับหนังสือ

ตลอดปีที่1และ2หลังๆไม่มีเวลาเลยไม่ได้ต่ออายุสมาชิกครับ :) HAPPY2!!