หัวข้อ: ทุเรียนทอด ‘แม่เอ็นดู’ ยกเครื่อง สแนคไทยของดีเมืองจันท์ เริ่มหัวข้อโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ พฤษภาคม 27, 2008, 04:36:08 pm (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906129)
ทุเรียนจันทบุรีขึ้นชื่อเรื่องความหวานหอมอร่อย เป็นผลไม้ขึ้นชื่อประจำจังหวัด นอกจากกินแบบสดๆ แล้ว เมื่อนำไปแปรรูปทอดกรอบ ได้ความอร่อยไปอีกแบบ ซึ่งผู้ผลิตทุเรียนทอดแต่ละเจ้าล้วนมีสูตรเด็ดต่างกันไป อย่างยี่ห้อ “แม่เอ็นดู” ของ “เอ็นดู มะโนกิจถาวร” วัย 56 ปี เกษตรกรเมืองจันท์ ยึดจุดเด่นวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม และรักษามาตรฐานสม่ำเสมอ จนสามารถครองใจลูกค้ามายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906130) เอ็นดู เล่าให้ฟังว่า ทำอาชีพชาวไร่อยู่ใน ต.ตรอกนอง อ.ขลุง จ.จันทบุรีมาตั้งแต่เกิด มีพื้นที่สวน 28 ไร่ ปลูกผลไม้หลายชนิด ทั้งทุเรียน เงาะ กล้วย ขนุน ฯลฯ และมีอยู่ช่วงหนึ่ง ทุเรียนล้นตลาดราคาตกต่ำ จึงลองนำผลผลิตมาแปรรูปทอดอบกรอบบรรจุถุงฝากขายตามร้านขายของที่ระลึกประจำจังหวัด ช่วงแรกขายไม่ดีนัก เพราะรสชาติยังไม่ถูกปากลูกค้า จึงนำคำติชมกลับมาพัฒนาปรับปรุงเรื่อยๆ ลองผิดลองถูกกว่าปี จนได้รสชาติที่ลูกค้าติดใจ *** เปิดสูตรลับทุเรียนทอด “แม่เอ็นดู” จุดเด่นนั้น เอ็นดู เผยว่า อยู่ที่ความสดใหม่ ต้องใช้ทุเรียน “หมอนทอง” คุณภาพดีเท่านั้น โดยเลือกทุเรียนแก่จัด แต่ไม่ถึงกับสุก เมื่อทอดและอบแล้วจะได้รสชาติหวานหอมกำลังดี ส่วนน้ำมันพืชที่ใช้ทอด ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ห้ามใช้ของเก่าเก็บค้าง เพราะจะเกิดกลิ่นหื่น ประกอบกับต้องอาศัยความชำนาญในการอบ เพื่อให้เก็บรักษาความกรอบและรสชาติอร่อยไว้ได้นานเป็นปี ต้องยอมรับว่าใน จ.จันทบุรี มีผู้ผลิตทุเรียนทอดอบกรอบหลายราย และเกือบทั้งหมดรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สินค้าของ “แม่เอ็นดู” มีลูกค้าขาประจำติดตามอย่างยาวนานนับสิบปีนั้น เจ้าของธุรกิจระบุว่า ใช้หลักความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทุกครั้งที่ลงมือทำ จะใส่ความตั้งใจลงไป คิดอยู่เสมอว่า กำลังทำให้ลูกๆ ของเธอกินเอง “ป้าจะยึดความเสมอต้นเสมอปลาย เคยทำขนาดชิ้นใหญ่อย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังต้องให้ชิ้นขนาดเท่าเดิม รสชาติเหมือนเดิม และขายในราคายุติธรรม อย่าเอาเปรียบลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อใจเรา แล้วกลับมาซื้อเรื่อยๆ” ป้าวัย 56 ปี กล่าว (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906131) ***เผยแปรรูปเหลือน้ำหนักแค่ 1 ใน 10 ทั้งนี้ ในการแปรรูปทุเรียนทอดอบกรอบนั้น ปัจจุบัน วัตถุดิบทุเรียนสดจะรับซื้อจากชาวบ้านในท้องที่ใกล้เคียง ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 20 บาท เมื่อนำมาแปรรูปแล้ว น้ำหนักจาก 10 กก.จะเหลือเป็นทุเรียนทอดอบกรอบแค่ 1 กก. เท่านั้น ราคาขายส่งอยู่ที่ กก.ละ 300-350 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวเมื่อหักต้นทุนทุกอย่างแล้ว จะเหลือกำไรเพียง กก. ละประมาณ 10-20% เท่านั้น (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906132) สำหรับช่องทางจำหน่ายนั้น โดยหลักแล้วจะเน้นขายส่งให้ร้านตัวแทนจำหน่ายใน จ.จันทบุรี จ.ตราด และตลาดไท ที่กรุงเทพฯ รวมถึงมีตัวแทนรับไปส่งขายประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย เฉลี่ยแล้วต่อเดือนมียอดส่งประมาณ 1,000 กก. ส่วนการขายภายใต้ยี่ห้อ “แม่เอ็นดู” ของตัวเอง ยังถือว่าน้อยมาก เนื่องจากการขายในลักษณะนี้ จำเป็นใช้ทุนสูง โดยต้องยอมลงทุนผลิตสินค้าแล้วไปฝากขาย รอถึงปลายเดือนจึงเก็บเงินได้ ซึ่งไม่เหมาะกับสภาพธุรกิจปัจจุบันที่ยังจำเป็นต้องใช้เงินสดไปหมุนเวียนซื้อวัตถุดิบ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906133) ***ยกเครื่องทุเรียนทอดสู่สแนค ปัญหาทุกวันนี้ เอ็นดู เผยว่า ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาทุเรียนสด ราคาน้ำมันพืช และค่าพลังงานแก๊สหุงต้น เป็นต้น ดังนั้น จึงต้องขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) จำนวน 400,000 บาท ไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906134) อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ทายาทของเธอ คือ “ธนาวุฒิ และกัญญณัช มะโนกิจถาวร” พยายามมาช่วยต่อยอดธุรกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ด้วยการลงทุนกว่าแสนบาท พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัยขึ้น หวังให้ทุเรียนทอดอบกรอบของไทย กลายให้เป็นสแนค คล้ายๆ กับมันฝรั่งทอดจากต่างประเทศ โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้หน้าตาสวยแปลกตา และหลากหลายทั้งแบบซองใหญ่ ซองเล็ก และใส่กระป๋อง เป็นต้น รวมถึง ผ่านมาตรฐานของ อย. และได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าโอทอประดับ 4 ดาว ทว่า ช่องทางขายตอนนี้ยังไม่กว้างมากนัก อาศัยแค่ออกขายตามงานแสดงสินค้าโอทอป และการที่เป็นลูกค้าของเอสเอ็มอีแบงก์ ทางธนาคารช่วยพาไปออกงานแสดงสินค้าต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ หวังว่า ในอนาคต อยากจะขยายตลาดทุเรียนทอดแบบสแนคให้กว้างขึ้น รวมถึง หาตลาดใหม่ๆ เพื่อขายสินค้าภายใต้ยี่ห้อ “แม่เอ็นดู” ของตัวเองให้มากยิ่งขึ้นด้วย (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=906135) โทร.0-3938-6049 , 08-1864-7357 และ 08-7132-2955 |