หัวข้อ: อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับ เริ่มหัวข้อโดย: dachar ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2007, 06:44:24 pm อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับน่าจะไม่น่าจะลงทุนอะไรมากมาย +ปลาดุกด้วยก็ดีครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าทำบ่อซีเม้ตนขึ้นมาสักบ่อ 1 เเล้วคิดจะทำอยากที่บอกนั้นแหละครับ หัวข้อ: Re: อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับ เริ่มหัวข้อโดย: BenQ ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2007, 07:05:38 pm การเลี้ยงปลาไหลปัจจุบันยังไม่มีหนังสือเขียนเรื่องการเลี้ยงแต่มีข้อมูลดังนี้
ชื่อไทย ไหล, ไหลนา, เหยี่ยน ชื่อสามัญ SWAMP EEL ชื่อวิทยาศาสตร์ Fluta alba ถิ่นอาศัย พบตามหนอง บึง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำนิ่ง อาจจะพบในนาข้าว ร่องสวน ในบริเวณที่เป็นโคลนเลน อาหาร กินทั้งสัตว์ที่มีชีวิต และซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย ขนาด ความยาวประมาณ 29-150 เซนติเมตร ประโยชน์ เนื้อมีรสชาติดี ใช้ปรุงเป็นอาหาร บางท่านนิยมปล่อยปลาไหลเพื่อสะเดาะเคราะห์ ปัจจุบันได้มีการทดลองเลี้ยงที่สถานนีประมงน้ำจืดปัตตานี โทร.0-7343-9123 ปลาไหลนา เป็นปลาน้ำจืดที่พบเห็นทั่วทุกภาค โดยเฉพาะบริเวณแหล่งน้ำนิ่ง คูน้ำ หนอง และบึงต่าง ๆ พบมากเป็นพิเศษ ในธรรมชาติชอบอาศัยตามพื้นดินโคลนที่มีซากพืชซากสัตว์เน่าเปื่อยสะสมอยู่ หรือที่ปกคลุมด้วยวัชพืช จำพวก หญ้าน้ำ หรือบัวต่าง ๆ ปลาไหลนาที่พบเห็นในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ สีดำ กับ สีเหลือง ทั้งสองชนิดรูปร่างลักษณะลำตัวกลมยาวคล้ายงู สามารถอาศัยในพื้นที่ที่แห้งแล้งไม่มีน้ำได้นาน ๆ ฤดูร้อนปลาไหลจะขุดรูอาศัยลึกประมาณ 1.0-1.5 เมตร และออกหาอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์ในช่วงต้นฤดูฝนถัดไป การที่ปลาชนิดนี้มีลักษณะลำตัวกลมยาวคล้ายงูและลื่นมาก ทำให้มีการอพยพย้ายถิ่นอยู่เสมอในช่วงเวลากลางคืน โดยจะเคลื่อนตัวไปตามร่องน้ำที่ชื้นแฉะหรือลำรางที่ไหลรินไปสู่แหล่งอาหารหรือที่อยู่ใหม่ ปัจจุบันนี้แหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ ถูกบุกรุก เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์และโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้สัตว์น้ำมีปริมาณลดน้อยลง ถึงแม้ว่าปลาไหลสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างดี แต่ไม่วายถูกผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้ยังถูกไล่เป็นอาหารด้วย ในธรรมชาติปลาไหลกำลังลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความต้องการสูงขึ้นตลอด โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน เหตุผลเพราะว่าเนื้อของปลาไหลนามีรสชาติอร่อยนั่นเอง ราคาซื้อ-ขายในท้องตลาดก็ค่อนข้างสูง ประมาณ 70-80 บาท ต่อกิโลกรัม เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้กรมประมง จึงได้ทำโครงการเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ขึ้น จุดประสงค์เพื่อผลิตลูกพันธุ์ปล่อยสู่ธรรมชาติ และพัฒนาการเลี้ยงให้เป็นปลาเศรษฐกิจในอนาคต โครงการนี้ได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งประสบความสำเร็จเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นความพยายามของศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี กรมประมง นำทีมโดย คุณวสันต์ ศรีวัฒนะ ผู้อำนวยการศูนย์ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็คือ คุณสมพงษ์ สุวรรณทศ ผู้อำนวยการกองประมงน้ำจืด "เราจับพ่อแม่พันธุ์ปลาไหลนามาเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ เพื่อเพาะขยายพันธุ์ได้หลายครอกแล้ว และตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปีนี้จะผลิตลูกไหลได้ประมาณ 500,000 ตัว ส่วนหนึ่งปล่อยสู่ธรรมชาติ และที่เหลือทดลองเลี้ยงขุนเป็นปลาใหญ่ ทั้งนี้เพื่อต้องการข้อมูลการเจริญเติบโต และต้นทุนการผลิต เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรที่สนใจต่อไป" คุณสมพงษ์ กล่าว พร้อมกับบอกว่า "ที่ผ่านมาเราทดลองเลี้ยงลูก ไหลมาแล้ว 1-2 รุ่น พบว่าการเจริญเติบโตค่อนข้างดี และยังสามารถนำอาหารเม็ดสำเร็จรูปมาเลี้ยงอีกด้วย" ในการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยอาหารเม็ดสำเร็จรูปนี้ มีข้อดีหลายอย่าง ไม่เพียงสะดวกและทำให้บ่อเลี้ยงค่อนข้างสะอาดเท่านั้น แต่ยังส่งให้คุณภาพเนื้อปลาปราศจากพยาธิด้วย เขาบอกว่า หากเราให้อาหารกินสม่ำเสมอและเปลี่ยนถ่ายน้ำบ้าง ไม่เกิน 8 เดือน ผลผลิตปลาไหลนาก็ได้ขนาดที่ตลาดต้องการแล้ว ปลาไหลนาลักษณะเพศคล้าย ๆ กัน ปลาไหลนาเพศผู้และเพศเมีย มองลักษณะภายนอกจะคล้าย ๆ กัน แต่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์วางไข่จะสามารถแยกเพศได้โดยการพิจารณาจากความยาวของลำตัวและอายุ คือ ปลาไหลนาที่นำมาเพาะพันธุ์นี้ส่วนใหญ่ทางศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี จะเน้นเฉพาะปลาไหลนาลำตัวสีเหลือง เพราะว่าเป็นความนิยมของตลาดทั่ว ๆ ไป เทคนิคการเพาะพันธุ์ปลาไหลนา คุณวสันต์ ศรีวัฒนะ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี บอกว่า การเพาะพันธุ์ปลาไหลนาสามารถทำได้ทั้งในบ่อดิน บ่อปูนซีเมนต์ และท่อซีเมนต์กลม แต่ต้องเตรียมความพร้อมดังนี้ บ่อดิน ต้องอัดพื้นแน่น ขนาด 200-400 ตารางเมตร ด้านบนปลูกพืชน้ำสำหรับเป็นที่วางไข่ของแม่ปลา ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในสัดส่วนเพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ 1 : 3 ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ปลาไหลนาจะวางไข่ได้ภายใน 2-4 เดือน โดยจะเริ่มวางไข่ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน เมื่อลูกปลาไหลฟักออกเป็นตัวจะมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร โดยจะหลบซ่อนอยู่ตามรากหญ้าแล้วจึงรวบรวมนำไปเลี้ยงต่อไป บ่อซีเมนต์ ขนาด 5.0x10.0x1.0 เมตร ใส่ดินในบ่อสูง 30 เซนติเมตร ปล่อย พ่อแม่พันธุ์ในสัดส่วนเพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ 1 : 3 ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร เติมน้ำให้มีระดับสูงกว่าผิวดิน ประมาณ 10 เซนติเมตร ใส่พืชน้ำต่าง ๆ เพื่อให้เป็นที่หลบซ่อนและวางไข่ โดยปลาไหลนาจะก่อหวอดคล้ายปลากัด สามารถรวบรวมลูกปลาไหลได้หลังจากปลาไหลก่อหวอดประมาณ 5 วัน แล้วจึงนำลูกปลาไปอนุบาลต่อในตู้กระจกหรือในท่อซีเมนต์กลม ท่อซีเมนต์กลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0 เมตร ปล่อยพ่อพันธุ์ 1 ตัว และแม่พันธุ์ 3 ตัวต่อ 1 ท่อบ่อ ใส่ดินสูงประมาณ 30 เซนติเมตร โดยแม่พันธุ์ 1 ตัว จะสามารถวางไข่ตั้งแต่ 300-910 ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่พันธุ์ "เราเคยนำพ่อแม่พันธุ์ปลาไหลมาฉีดฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้แม่ปลา วางไข่และพ่อปลาไหลนาผลิตน้ำเชื้อ ปรากฏว่า ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องหันมาใช้วิธีเลียนแบบธรรมชาติดังกล่าวถึงจะประสบความสำเร็จ" การอนุบาลลูกปลาไหล คุณวสันต์ บอกว่า การอนุบาลลูกปลาไหลนานี้ จะอนุบาลในท่อซีเมนต์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0 เมตร หรือในถังพลาสติก หรือในตู้กระจกก็ได้ แต่ต้องให้มีน้ำหมุนเวียนและถ่ายเทได้ตลอดเวลา และมีพืชน้ำมัดให้ลอยเป็นกำพร้อมทั้งใส่ดินลงในบ่ออนุบาลด้วย เขาปล่อยลูกปลาไหลนาลงอนุบาลในอัตรา 150-200 ตัว ต่อตารางเมตร สำหรับอาหารที่เลี้ยงอนุบาลลูกปลาไหลนานั้นในช่วงแรกใช้ไรแดง หรือปลาสดบดละเอียด หรือฝึกให้กินอาหารเม็ดปลาดุกเล็กพิเศษก็ได้ โดยให้อาหารวันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น ในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน เมื่ออนุบาลครบ 1 เดือน ก็ได้ความยาวของลูกปลาไหล ประมาณ 1.0-2.0 นิ้ว ช่วงนี้ลูกปลาไหลจะเริ่มลงสู่พื้นดิน เทคนิคการเลี้ยงปลาไหลนา คุณวสันต์ บอกว่า การเลี้ยงปลาไหลนานั้นสามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อซีเมนต์ ขนาด 2.0x3.0 เมตร และขนาด 5.0x10.0 เมตร หรือในท่อซีเมนต์กลมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.0 เมตร ขึ้นไป โดยวางซ้อนกัน 2 ท่อ พื้นบ่อเทคอนกรีตหนา ประมาณ 1 นิ้ว พร้อมติดตั้งท่อระบายน้ำออก ผนังบ่อด้านในควรฉาบให้ลื่น รองพื้นบ่อด้วยซังข้าวสลับกับโคลนและหยวกกล้วยสับละเอียด หนาชั้นละ 10 เซนติเมตร เติมน้ำลงในบ่อเลี้ยงระดับความสูงของน้ำ ประมาณ 10 เซนติเมตร ทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงนำลูกปลาไหลนาไปปล่อยลงเลี้ยง ปล่อยลูกปลาไหลนาที่มีขนาด 5.0 นิ้ว ในอัตรา 100 ตัว ต่อบ่อ หรือปล่อยลูกปลา จำนวน 3 กิโลกรัม ต่อบ่อ เสริมด้วยการให้อาหารเม็ด ปลาสดสับละเอียด หรือตัวอ่อนแมลงน้ำ คุณวสันต์ บอกว่า เราจะเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก ๆ 2 สัปดาห์ ระยะเวลาที่ใช้ ในการเลี้ยงประมาณ 6-8 เดือน จะได้ปลาไหลนาที่มีขนาด 3-5 ตัว ต่อกิโลกรัม 1 บ่อ จะได้ผลผลิตประมาณ 20-30 กิโลกรัม การเลี้ยงในท่อซีเมนต์กลม การเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ "การเลี้ยงปลาไหลนานี้ ถ้าจะให้ผลดี ควรจับปลาไหลนามาคัดขนาด ประมาณ 15 วัน ต่อครั้ง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปลากินกันเอง คือ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ไม่เช่นนั้นโอกาสที่ประสบความสำเร็จก็ยากเหมือนกัน" คุณวสันต์ กล่าว ข้อพึงระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากเกษตรกรจับลูกปลาไหลนาจากธรรมชาติมาเลี้ยงไว้ในบ่อควรแช่ยาฆ่าเชื้อโรคหรือกำจัดพยาธิภายนอกเสียก่อน และใช้ยาปฏิชีวนะผสมในอาหารให้ปลากินในอัตราที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและรักษาโรค เพราะว่าปลาที่จับมาเลี้ยงมักบอบช้ำหรือมีบาดแผล ซึ่งเมื่อนำมาเลี้ยงมักอ่อนแอ หรือลำตัวเปื่อยเป็นแผล ไม่ค่อยกินอาหารและตายในที่สุด คุณวสันต์ บอกว่า ปลาไหลนาที่ติดเชื้อแบคทีเรียสังเกตพบว่าท้องบวม บริเวณรูก้นบวมเป็นจ้ำแดงและมีเมือกออกมาปกคลุมลำตัวมากผิดปกติ เมื่อผ่าท้องพบอวัยวะภายในมีกลิ่นเหม็นมากโดยเฉพาะบริเวณตับ ในกระเพาะอาหารและลำไส้ปราศจากอาหาร นอกจากนี้ ยังพบพยาธิตัวกลมภายในกระเพาะอาหารหรือลำไส้โดยเห็นตัวและไข่พยาธิได้อย่างชัดเจน สนใจรายละเอียดมากกว่านี้ ติดต่อไปได้ที่ ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี ตำบลปิตูมุดี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี หรือที่งานประมงน้อมเกล้า ที่เมืองทองธานี ต้นเดือนกันยายนนี้ มีลูกปลาไหล พ่อแม่ปลาไหลที่ได้จากการเพาะพันธุ์มาอวดโฉมด้วย ข้อควรพึงระวังในการเลี้ยงปลาไหลนา 1. เนื่องจากปลาไหลนาเป็นปลาที่ตื่นตกใจง่าย ชอบอยู่ที่เงียบสงบ การมีสิ่งเร้าจะทำให้ปลาตกใจหรือหยุดกินอาหารได้ 2. ในการปล่อยลูกปลาไหลนาลงเลี้ยง ถ้าเป็นลูกพันธุ์ปลาที่ได้จากการรวบรวมจากธรรมชาติ ก่อนนำมาเลี้ยงควรแช่ยาฆ่าเชื้อโรคหรือกำจัดพยาธิภายนอกเสียก่อน รวมทั้งต้องคัดขนาดปลาที่ปล่อยเลี้ยงให้มีขนาดที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดในแต่ละบ่อ 3. ลูกปลาไหลนาที่มีขนาดความยาว ประมาณ 10 เซนติเมตร จะเริ่มตาย ดังนั้น ในระหว่าง การเลี้ยงควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ 4. ปลาไหลนาที่มีขนาดความยาว ประมาณ 10 เซนติเมตร จะพบว่ามีกล้ามเนื้อบริเวณโคนหางตาย ควรจับออก และมีการใส่ยากันเชื้อราบ้าง 5. อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงปลาไหลนาควรผสมวิตามินรวม และนอกจากการผสมวิตามินรวมในอาหารแล้ว อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรมีการผสมยาถ่ายพยาธิด้วย 6. ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ควรมีการคัดขนาดลูกปลาไหลนา โดยในบ่อเลี้ยงแต่ละบ่อควรมีขนาดของปลาที่ใกล้เคียงกันเพื่อลดปัญหาการกินกันเอง 7. การจัดวางบ่อเลี้ยงไม่ควรให้อยู่กลางแจ้งมากนัก ควรมีที่บังแดดบ้าง http://www.rakbankerd.com/agriculture/commerce/new_board01.html?id=2543 หัวข้อ: Re: อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับ เริ่มหัวข้อโดย: BenQ ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2007, 07:08:45 pm การเลี้ยงปลาดุก
จากหนังสือปลาดุกของกองประมงน้ำจืด กรมประมง รวบรวมโดยพรศักดิ์ สมประสงค์ ปัจจุบันนี้ พบว่า ปลาดุกมีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปและมีราคาสูง เนื่องจากความนิยมของประชาชน และค่านิยมในการเลี้ยงได้ลดน้อยลง แต่การเลี้ยงสามารถเลี้ยงได้ง่าย โตเร็ว และอดทนต่อสภาพแวดล้อมจึงทำให้มีผู้ที่สนใจในการเลี้ยงมากขึ้นในปัจจุบัน การเลี้ยงปลาดุกในปัจจุบันปลาดุกที่นิยมเลี้ยงกันมากคือ ปลาดุกลูกผสมหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "บิ๊กอุย" ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างปลาดุกอุยกับปลาดุกรัสเซีย(ดุกยักษ์ หรือดุกเทศ) ซึ่งปลาดุกลูกผสมนี้จะเลี้ยงง่ายโตเร็ว และต้านทานโรคได้ดี วิธีการเลี้ยงและการให้อาหาร บ่อเลี้ยงปลาดุกควรพิจารณาเป็นพิเศษ แตกต่างจากการเลี้ยงปลาชนิดอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื่องจากปลาดุกมีนิสัยชอบหนีออกจากบ่อเลี้ยง โดยเฉพาะขณะที่ฝนตกน้ำไหลลงในบ่อ ปลาจะว่ายทวนน้ำออกไป การป้องกันโดยการล้อมขอบบ่อด้วยตาข่ายไนล่อนก่อน ซึ่งให้มีความสูงประมาณ 50 ซม. อัตราการปล่อยในเนื้อที่ 1 ตารางเมตร ควรปล่อยปลาประมาณ 60 ตัว สำหรับบ่อปลาที่มีการถ่ายเทน้ำได้สะดวก จะเพิ่มจำนวนปลาให้มากกว่านี้เล็กน้อยก็ได้ แต่ไม่ควรปล่อยปลาให้แน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ปลาโตช้าและทำอันตรายกันเอง อาหาร ปลาดุกเป็นปลาที่มีนิสัยการกินอาหารได้ทั้งเนื้อและพืช ซึ่งพอจะแบ่งได้ดังนี้ 1. อาหารจำพวกเนื้อ ได้แก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เหมาะสมตามที่จะหาได้ หรือเครื่องในสัตว์ตลอดจนเลือดสัตว์ และพวกแมลง เช่น ปลวก หนอน ไส้เดือนฯลฯ 2. อาหารจำพวกพืชผัก ได้แก่ รำข้าว ปลายข้าว กากถั่ว กากมัน แป้ง ข้าวโพด และผักต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มอาหาร อาจให้มูลสัตว์ เช่น มูลไก่ มูลหมู มูลสัตว์เหล่านี้จะเป็นอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ปลาดุกได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้วปลาดุกชอบกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ มากกว่าอาหารประเภทพืช แต่การให้อาหารประเภทเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว จะทำให้ปลาเจริญเติบโตไม่ได้สัดส่วน เช่น อาจทำให้ตัวอ้วนสั้น มีไขมันมากเกินไป ดังนั้น เพื่อให้ปลาโตได้สัดส่วนมีน้ำหนักดี ควรให้อาหารประเภทเนื้อในอัตรา 30-50 % ของอาหารประเภทพืช บริเวณที่ให้อาหารในแต่ละครั้งควรให้อาหารในที่เดียวกัน และควรให้อาหารเป็นเวลา เพื่อฝึกให้ปลารู้เวลาและกินอาหารเป็นที่ ปริมาณการให้อาหารควรให้อาหาร 5 % ของน้ำหนักตัวต่อวัน ปัจจุบันการเลี้ยงปลาดุกจะใช้อาหารสำเร็จรูปและจะเสริมพวกอาหารสด เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าอาหาร และทำให้ปลาโตเร็ว แต่ข้อเสียของการให้อาหารสดคือ จะทำให้น้ำเสียได้ง่าย ดังนั้นควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง วิธีการเตรียมบ่อ 1. บ่อใหม่ ปกติแล้วดินจะมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ หรืออาจมีสภาพเป็นกรดสูง ขึ้นอยู่กับลักษณะท้องที่ ฉนั้นควรใส่ปูนขาวในอัตรา 1 กก. ต่อพื้นที่ 10-25 ตารางเมตร โดยสาดปูนขาวให้ทั่วบ่อแล้วตากบ่อไว้ประมาณ 7-10 วัน จึงสูบน้ำเข้าบ่อตามระดับที่ต้องการ แต่ควรมีระดับน้ำลึกประมาณ 50 ซม. แล้วจึงปล่อยปลาลงเลี้ยง 2. บ่อเก่า สำหรับบ่อเก่าควรสูบน้ำให้แห้งแล้วตากบ่อประมาณ 10-15 วัน พร้อมทั้งโรยปูนขาวให้ทั่วบ่อ ในอัตราส่วนปูนขาว 1 กก. ต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร เพื่อให้แสงแดดทำลายเชื้อโรคต่างๆ ที่มีอยู่เดิม เมื่อเลี้ยงปลาดุกได้ประมาณ 3-4 รุ่น ควรลอกเลนและทำคันบ่อใหม่ เนื่องจากบ่ออาจตื้นเขินและขอบดินอาจเป็นรูหรือโพรง ทำให้บ่อเก็บกักน้ำไม่อยู่ http://www.nicaonline.com/articles1/site/view_article.asp?idarticle=144 หัวข้อ: Re: อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับ เริ่มหัวข้อโดย: dachar ที่ มีนาคม 26, 2007, 06:43:55 pm ขอบคุณมากครับ
กำลังเก็บเงินลงทุ่นอยู่ :D :D หัวข้อ: Re: อยากทราบวิธีเลียงปลาไหลครับ เริ่มหัวข้อโดย: sreekung ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2009, 10:57:25 am :Dจะขอลองทำดูก่อนนะครับ :D
|