พิมพ์หน้านี้ - ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

ห้องคอมพิวเตอร์ => สนทนา-คอมพิวเตอร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: P-LSV team ที่ ตุลาคม 12, 2007, 02:43:33 PM



หัวข้อ: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: P-LSV team ที่ ตุลาคม 12, 2007, 02:43:33 PM
ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
การเปิดตลาดของพรินเตอร์หลากหลายรุ่นประสิทธิภาพสูง มีส่วนทำให้พรินเตอร์อิงค์เจ็ทใกล้ถึงการอวสานเต็มที
 
 
       ผู้บริหารซัมซุงเชื่ออิงค์เจ็ท พรินเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่ใกล้จะตาย หลังยอดขายนิ่ง อัตราการเติบโตติดลบ เหตุตบตาผู้บริโภคเพราะเครื่องถูกแต่หมึกแพง  ขณะที่เลเซอร์เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ล่าสุดส่งเลเซอร์ใหม่ 2 รุ่น เจาะตลาดพรีเมียม โดยมี 4S เป็นจุดขาย ตามนโยบายดีไซน์ เซ็นทริค ตั้งเป้ายังต้องเป็นเบอร์สองในตลาด
       
       นายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มเครื่องพิมพ์ ธุรกิจไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดพรินเตอร์ว่า อิงค์เจ็ทเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะตาย  เพราะยอดขายเริ่มนิ่ง อัตราการโตติดลบ ที่สำคัญคุณภาพการใช้ของพรินเตอร์นั้นไม่ใช่แค่พรินต์อย่างเดียว แต่ต้องติดต่อหรือลิงค์กับเน็ตเวิร์กภายในองค์กรได้ ซึ่งอิงค์เจ็ทไม่สามารถทำได้ เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าหมึกพิมพ์จะหมดเมื่อไหร่ หรือหากมีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ก็ไม่สามารถบอกให้ผู้ที่ดูแลเรื่องไอทีภายในองค์กรทราบได้ ต่างจากเลเซอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในอนาคต ที่มีชิปอยู่ในตัว สามารถบอกได้ว่าหมึกจะหมดเมื่อไหร่ หรือหากมีการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ในองค์กรเป็นตึกหลายๆ ชั้น เมื่อบางคอมพิวเตอร์บางเครื่องมีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ก็สามารถรายงานให้ส่วนที่ดูแลทราบถึงการทำงานได้ เป็นต้น
       
       “ผู้บริโภคถูกหลอก เพราะอาจจะมองว่าราคาอิงค์เจ็ทถูกจริง แต่หมึกแพง คุณภาพการพิมพ์สู้เลเซอร์ไม่ได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายองค์กรเริ่มนำเลเซอร์เข้ามาใช้งานแทนอิงค์เจ็ทแล้ว”
       
       ในมุมมองของผู้บริหารซัมซุงเชื่อว่า อิงค์เจ็ท พรินเตอร์ หากเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประมาณ 3 ปี เทคโนโลยีประเภทนี้จะหายไปจากตลาด ส่วนประเทศไทยคาดว่าอาจจะมากกว่า 3 ปี
       
       จากแนวโน้มที่ผู้บริหารซัมเชื่อ จึงโฟกัสเฉพาะตลาดเลเซอร์ พรินเตอร์ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ในตลาดแล้ว 15 รุ่น มีอัตราการโต 30% ต่อปี ซึ่งมากกว่าการโตของตลาดรวมที่เฉลี่ยปีละ 12% และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 คิดเป็น 20% ขณะที่เบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 48% และพยายามจะรักษาส่วนแบ่งตลาดให้อยู่ในอันดับนี้ต่อไป โดยปีหน้าตั้งเป้าไว้ว่าจะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 25%
       
       ด้วยเป้าหมายที่วางไว้ ซัมซุงจึงส่งเลเซอร์ พรินเตอร์ใหม่ลงตลาดอีก 2 รุ่นคือ SCX-4500 และ ML-1630 ซึ่งเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชัน เน้นการดีไซน์ ตามนโยบายบริษัทแม่ที่ประกาศใช้กลยุทธ์ดีไซน์ เซ็นทริคเหมือนกันทั่วโลก โดยตัวเครื่องผลิตจากเรซิ่นโพลิเมอร์คุณภาพสูงสีดำเป็นมันวาวเสมือนแกรนด์เปียโน หน้าจอเรืองแสงแบ็กไลท์ และโปรแกรมการสั่งงานโดยปุ่มเซ็นเซอร์ ซอฟต์คีย์ ซึ่งจะมีเสียงเปียโนดังขึ้นทุกครั้งที่กด พร้อมระบบสั่งงานแบบสัมผัส และตัวแคสเซ็ทแบบกึ่งอัตโนมัติที่สามารถยกออกมาได้ เพื่อช่วยให้สะดวกสำหรับการดึงกระดาษที่ติดอยู่ภายใน
       
       จุดขายของเครื่องทั้ง 2 รุ่นคือเรื่องของ 4S ประกอบด้วย SLIM คือมีขนาดบาง โดยมีความหนาเท่าความสูงของแก้วกาแฟ SLEEK มีรูปลักษณ์ที่สวยงาน มีสไตล์ SIMPLE ใช้งานง่าย และ SILENT เสียงเงียบเวลาพรินต์
       
       สำหรับ SCX-4500 ตั้งราคาไว้ที่ 12,000 บาท ML-1630 ราคา 8,900  ด้านการตลาดจะใช้งบประมาณ 12% จากยอดขายเครื่องเลเซอร์ ในการจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายจะขายผ่านร้านไอทีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นไอที ซิตี้ พาวเวอร์บาย หรือไอทีชอป ทั้งนี้ คาดว่าจะมียอดขายภายใน 3 เดือนก่อนสิ้นปีนี้ประมาณ 500 เครื่อง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มพรีเมี่ยม
       
       “ที่เราเปิดตัวครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นซีอีโอ พรินเตอร์ เพราะเป็นตลาดพรีเมี่ยม เนื่องจากราคาแพง ดีไซน์ที่หรูมีสไตล์ ซึ่งยังไม่มีใครทำในส่วนนี้ มีเราเป็นเจ้าแรก” นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวย้ำ
 
 


หัวข้อ: Re: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: P-LSV team ที่ ตุลาคม 12, 2007, 02:46:53 PM
ซัมซุง CLP 300 เครื่องพิมพ์เลเซอร์สีที่มีขนาดเล็กที่สุดและเบาที่สุดในโลกด้วยน้ำหนักเพียง 13.6 กก . เท่านั้น และมีการดีไซน์ที่ลงตัวจนชนะเลิศการออกแบบรางวัล Reddot Design Award 2006 มาพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่นหลากหลาย และระบบการทำงานที่เงียบสนิทเพียง 48 เดซิเบล ที่สำคัญราคาไม่แพง


คุณสมบัติอื่นๆ
 
 
 
  •  ความเร็ว (ขาวดำ) : สูงสุด 16 หน้า / นาที ขนาด A4
•  ความเร็ว(สี) : สูงสุด 4 หน้า / นาที ขนาด A4
•  ความละเอียด : 2400 x 600 dpi
•  เวลาในการพิมพ์แผ่นแรก(ขาวดำ) : 14 วินาที
•  เวลาในการพิมพ์แผ่นแรก(สี) : 26 วินาที
•  หน่วยความจำ : 32 MB
•  ภาษาจำลองการพิมพ์ : SPL-C (Samsung Printing Language Color)
•  การเชื่อมต่อ : USB2.0
•  ระบบพิมพ์อัตโนมัติ 2 หน้า : ต้องป้อนเอง
•  ความจุในการป้อนกระดาษ : 150 หน้า
•  ขนาด : 390x344x265 มม .
•  น้ำหนัก : 13.6 กก .
•  ระบบปฏิบัติการที่รองรับได้ : Window 98/Me/2000/XP, Various Linux OS, Red Hat, Caldera, Mandrake, Slackware, SuSE and Turbo Linux, Mac 10.3& 10.4
ราคา 12,000 บาท
 
 


หัวข้อ: Re: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: tik2 ที่ ตุลาคม 13, 2007, 08:18:41 PM
ไม่มั๊งครับ ปัญหาอยู่ที่หมึกแพงมากกว่าครับ ชาวบ้านเขาแก้ไขเองใด้ครับ(ติดแท๊ง หมึกปลอม) ผู้บริหารก็เว่อร์
พี่แกจะขายแต่องค์กรอย่างเดียว อิ้งเจทเจ้าอื่นเขาก็ยังขายอยู่ ไม่เห็นบ่นอะไร สู้เขาไม่ใด้มากกว่านะเฮีย




หัวข้อ: Re: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: manchester2548 ที่ ตุลาคม 13, 2007, 10:37:14 PM
เลเซอร์สีมันถูกลงจริง แต่ก็ยังเรียกว่าแพงอยู่นะครับ อิงค์เจ็ตเราซิ้อพันต้น ๆ เลเซอร์ก็ต้องหมื่น
แล้วคิดว่าหมึกเลเซอร์ไม่แพงเหรอครับ ยังไงอิงค์เจ็ทก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดมาก


หัวข้อ: Re: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: IT. Service Station ที่ ตุลาคม 14, 2007, 10:30:26 PM
อืมน่าคิด

เลเซอร์สี ก็ไม่ต่างกับ อิงก์เจ็ท หรอกครับ เครื่องละหมื่นหน่อยๆ แต่ตลับหมึก ชุดหนึ่ง ก็เท่ากับซื้อเครื่องใหม่แล้วครับ

 >:( >:( >:( >:(


หัวข้อ: Re: ยอดขายอิงค์เจ็ทนิ่งโตติดลบ ลางร้ายก่อนสูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: sukyone ที่ ตุลาคม 15, 2007, 10:31:24 AM
ผมว่าถ้าเขาต้องการดันเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาก็คงประมษรนี้แหละครับ เรื่องราคาคิดว่าถ้าไปถึงจุดนั้นก็คงน่าใช้แล้วล่ะเพราะ
ตอนนี้อิงค์เจทถ้าเป็นหมึกแท้ต้นทุนต่อแผ่นค่อนข้างสูงมาก แถมความเร็วเมื่อใช้โหมดความละเอียดสูงก็ช้าอยู่

สิ่งที่ได้เปรียบของเลเซอร์ปริ้นเตอรคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความเร็วของงานพิมพ์นะครับ
และก็หัวหมึกที่ไม่ตันบ่อยๆ
เรื่องราคาคงเป็นประเด็นด้านการตลาดมากกว่า
ถ้าเอามาใช้ในสำนักงานที่ต้องการความเร่งด่วน + งานพิมพ์ที่เยอะๆ ยังไงมันก็คุ้มครับ
แต่ถ้าเอามาใช้ตามบ้านก็ยังเป็นสิ่งที่น่าคิด 8)