ตะกรุดและมือถือสื่อมรณะล่อฟ้าหรือ?
เมษายน 10, 2025, 10:39:06 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตะกรุดและมือถือสื่อมรณะล่อฟ้าหรือ?  (อ่าน 1762 ครั้ง)
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2009, 05:06:54 pm »



โทรศัพท์มือถือและเครื่องรางที่เราใช้

โลหะที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดี เรียงตามลำดับได้คือ 1.เงิน 2.ทองแดง 3.ทอง 4.อะลูมิเนียม 5.ทังสเตน 6.เหล็ก 7.สเตนเลส 8.แพลทินัม และ 9.ตะกั่ว

เชื่อกันว่า ใครมีโลหะตัวนี้ประดับกาย ยามฝนฟ้าคะนองพึงระวังไว้ เพราะตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เนืองๆ กล่าวกันว่า แม้แต่ที่ทำเป็นเครื่องรางของขลังก็อย่าวางใจ เพราะกลายเป็นศพกลางทุ่งนามานักต่อนักแล้ว

อย่างเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายวิเชียร นางศรี คิดการ สองสามีภรรยานอนอยู่ในกระท่อม เกิดพายุฝนกระหน่ำหนัก แล้วฟ้าก็ผ่าลงมา ทำให้นายวิเชียรและนางศรีเสียชีวิต

เมื่อค้นหาสาเหตุ เจ้าหน้าที่พบว่า สองสามีภรรยาสวมสร้อยตะกรุดทำจากทองแดง บริเวณลำคอมีรอยไฟไหม้ เรือนกายดำเกือบทั้งตัว เจ้าหน้าที่จึงลงความเห็นว่า ตะกรุดทองแดงที่นายวิเชียรและนางศรีห้อยนั่นเองที่เป็นสื่อมรณะ

ตะกรุดสเตนเลส...ก็เชื่อว่าเป็นสื่อมรณะได้เช่นกัน

อย่างกรณีฟ้าผ่าที่ทุ่งนาหมู่ที่ 11 บ้านท่าเตียน ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิม�บางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้เคราะห์ร้ายมีถึง 3 ศพ คือ นายจำรูญ นุ่มดี อายุ 57 ปี เป็นอาจารย์ 2 ระดับ 7 นางสมคิด แช่มธูป อายุ 51 ปี น้องสาว ของนายจำรูญ และนายสาธิต แช่มธูป อายุ 25 ปี ลูกของนางสมคิด

เจ้าหน้าที่พบว่า ในตัวนายจำรูญมีโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงด้านขวา นางสมคิดสวมสร้อยสเตนเลส และนายสาธิตห้อยตะกรุดสเตนเลสที่คอ

หลังเกิดเหตุ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี แสดงทรรศนะในเรื่องนี้ว่า

จากสภาพศพของผู้ตายมีทั้งโทรศัพท์มือถือ สร้อย และตะกรุดสเตนเลสอยู่ในตัว เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่า ขณะเกิดเหตุฟ้าผ่าลงมาที่ต้นไม้จนลำต้นแยกจากกัน ระหว่างนั้นผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน ยืนอยู่ใกล้กับจุดฟ้าผ่า ประกอบกับทั้งสามมีสื่อล่อสายฟ้าที่สามารถดูดกระแสไฟฟ้าที่ผ่าลงมาเข้าหาตัวได้ กระแสไฟฟ้าจึงวิ่งเข้าหาตัวจนเสียชีวิต

ปรากฏการณ์สามีและภรรยาถูกฟ้าผ่าตายในกระท่อม ในทุ่งนา บ้านหนองมะงง ตำบลคำบง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ และอีก 3 ศพ ที่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักแสวงหาเครื่องรางของขลังที่ทำมาจากวัสดุล่อสายฟ้าไม่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดทำด้วยสเตนเลสหรือทองแดง และรับมาจากมือหลวงพ่อใด เมื่อฟ้าผ่าลงมารับสายฟ้าได้ด้วยกันทั้งนั้น

เครื่องประดับแม้แต่ลูกประคำเงินก็เชื่อว่าเป็นสื่อล่อฟ้า

อย่างเหตุการณ์ที่เกิดกับนางสาวบุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ถูกผ่าระหว่างฝนตกปรอยๆ ขณะจะล่องเรือที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา สาเหตุมาจากสร้อยประคำเงินที่คล้องคอ

โชคดีที่นางสาวบุญรัตน์เพียงแต่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

โทรศัพท์มือถือ เชื่อกันว่าเป็นสื่อมรณะตัวใหม่ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2550 คนงานชาวกัมพูชากว่า 10 คน ทำงานในไร่มันสำปะหลัง หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

ขณะฝนตกมีชาวกัมพูชาคนหนึ่งโทรศัพท์ใต้ต้นไม้ เกิดฟ้าผ่าลงมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 3 ศพ และบาดเจ็บสาหัสอีก 6 ราย

ความรู้เรื่องฟ้าผ่านี้  ระหว่างความคิดเห็นของชาวบ้านและความเชื่อ ที่เชื่อตามๆกันมา กับข้อเท็จจริงทางวิชาการต่างกัน

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อธิบายว่า ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากเมฆฝนฟ้าคะนอง หรือเมฆคิวมูโลนิมบัส ภายในก้อนเมฆเองและพื้นดินต่างมีประจุไฟฟ้าที่ต่างกันคือประจุบวกและประจุลบ

เมื่อประจุที่ต่างกันวิ่งเข้าหากันก็จะทำให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น

เหตุนี้ฟ้าผ่าจึงเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อน หรือฟ้าแลบ รวมถึงฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดินซึ่งเป็นประเภทที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่มากที่สุด

"ฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดิน เกิดขึ้นเมื่อประจุลบ (อิเล็กตรอน) เคลื่อนที่จากฐานเมฆลงมาที่อากาศผ่านเข้ามาใกล้พื้นดิน ซึ่งประจุลบนี้สามารถเหนี่ยวนำให้วัตถุที่พื้นผิวของโลกซึ่งอยู่ "ใต้เงาเมฆ" มีประจุเป็นบวกได้ทั้งหมด พร้อมทั้งดึงดูดประจุบวกจากพื้นดินให้ไหลขึ้นมาตามต้นไม้ หลังคาบ้าน หรือบริเวณใดก็ได้ที่เป็นที่สูง เมื่อประจุลบกับบวกมาเจอกันเคลื่อนที่สวนทาง จึงเกิดเป็นกระแสโต้กลับและเกิดเป็นฟ้าผ่าได้ในที่สุด"

ดังจะเห็นได้ว่า วัตถุและพื้นที่ทุกจุดใต้เงาเมฆฝนฟ้าคะนองมีโอกาสเป็นจุดที่ถูกฟ้าผ่าได้หมดแม้ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าก็ตาม

จุดเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่ามากที่สุดคือบริเวณที่สูง เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ประจุบวกสามารถเชื่อมโยงกับประจุลบได้ง่ายที่สุด  ขณะที่ชิ้นส่วนโลหะ เช่น สร้อย แหวน กระดิ่งแขวนคอวัว แทบจะไม่มีผลต่อการเป็นสื่อล่อฟ้าเลย

สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ถูกฟ้าผ่าโดยตรง ดร.บัญชาบอกว่า สามารถได้รับอันตรายจากฟ้าผ่าใน 3 รูปแบบ คือ

1.ไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า เช่น หากหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า เสาอากาศ และมีบางส่วนของร่างกายแตะกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็จะไหลเข้าสู่ลำตัวได้โดยตรง

2.ไฟฟ้าแลบจากด้านข้าง (side flash) กล่าวคือ แม้จะไม่ได้แตะจุดที่ฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็อาจจะ "กระโดด" เข้าสู่ตัวคนทางด้านข้างได้ (ภาพ Side Flash)

3.กระแสวิ่งตามพื้น (step voltage) คือ กระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งจากจุดที่ถูกฟ้าผ่าออกไปยังบริเวณโดยรอบ เช่น จากลำต้นลงมาที่โคนต้นไม้และกระจายออกไปตามพื้นดิน ซึ่งมักเป็นบริเวณที่น้ำเจิ่งนอง หากกระแสดังกล่าววิ่งผ่านเข้าสู่ตัวคน ก็ย่อมทำอันตราย โดยในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือ ทำให้ถึงแก่ความตายได้

สำหรับกรณีกระแสวิ่งตามพื้น เคยมีกรณีเหตุการณ์ฟ้าผ่าวัวจำนวนมากตายและสันนิษฐานว่า  เกิดจากกระดิ่งโลหะที่แขวนคอเป็นตัวล่อ  ซึ่งความจริงแล้วโอกาสที่สายฟ้าจะผ่าลงมาตรงกระดิ่งขนาดเล็กของวัวพร้อมกันหลายๆ ตัวนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้

อาจารย์ยังแนะนำว่า สถานที่หลบภัยจากฟ้าผ่าคือภายในตัวอาคาร หรือรถยนต์ที่ปิดกระจก  โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่สัมผัสกับวัสดุที่เชื่อมต่อกับอาคารหรือตัวรถด้านนอกซึ่งอาจถูกฟ้าผ่าได้

ข้อควรปฏิบัติขณะฟ้าฝนคะนองคือ ควรงดการใช้โทรศัพท์ แบบมีสาย ถอดปลั๊กโทรทัศน์ และไม่ควรเล่นอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์  เพราะกระแสไฟฟ้าจากอาคารสามารถวิ่งมาตามสายโทรศัพท์ได้

ขณะที่คนซึ่งอยู่กลางแจ้งเมื่อเกิดฟ้าผ่าให้นั่งยองๆ ก้มศีรษะเพื่อลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันและเขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงกรณีกระแสไฟไหลมาตามพื้น

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือและโลหะที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ไม่ใช่ตัวล่อให้ฟ้าผ่า

ต่อไปนี้จึงเป็นความคิด ของแต่ละคนว่าจะเลือกเชื่อใคร.




ส่วนตัวผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม............... 


ที่มา http://www.thairath.co.th/today/view/7214 


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!