หากอ่านบทความไม่พอดีกับจอมือถือ ดูเนื้อหาและคลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้อง> w ww.ubmthai.com เวอร์ชั่นสมาร์ทโฟน >>คลิ๊ก!!
www.pohchae.com.
.
ราคาทองคำลดลงอย่างต่อเนื่อง รีบซื้อเก็บไว้เก็งกำไรดีไหม? ทองคำในปีนี้ยังน่าสนใจอยู่หรือเปล่า? ใครกำลังคิดจะลงทุนทองคำ มาดูกัน..
เป็นปีที่ไม่สดใสเลยสำหรับราคาทองคำในตลาดโลกที่ดิ่งลงอย่างมาก และอยู่ในช่วงขาลงมาตลอดนับตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่อยู่ระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ไต่ระดับร่วงลงมาจนอยู่ที่ราว 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ แถมยังมีบางช่วงที่หลุดต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกด้วย
ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณในประเทศลดลงต่ำกว่า 19,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2-3 ปี
สะท้อนไปถึงผลตอบแทนของการลงทุนทองคำในปีนี้ ที่เรียกได้ว่าย่ำแย่สุดในรอบเกือบ 10 ปี เห็นได้ชัดจากบรรดา "กองทุนรวม" ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนทองคำยักษ์ใหญ่ของโลกที่ล้วนแต่ติดลบกันถ้วนหน้า เช่น กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) ของ MFC ที่เคยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด ก็มีผลตอบแทนติดลบ 7.83% สวนทางกับกองทุนประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกแทบทั้งสิ้น ..
ถึงอย่างนั้น ด้วยราคาทองคำที่ลดลง ทำให้ขณะนี้มีนักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรลงทุนในทองคำได้แล้ว ดังที่เห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา มีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อทองคำกันอย่างคึกคัก อย่างไรก็ดี เว็บไซต์
Money2know ได้วิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนทองคำว่า จากสถานการณ์ตลาดเงิน-ตลาดทุนโลกในตอนนี้บอกเลยว่า
"ปีนี้เลิกลงทุนทองคำ" ได้เลย จาก 5 เหตุผล ดังนี้ ..
1. เงินดอลลาร์อยู่ในช่วงขาขึ้น (แข็งค่า)
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
"ราคาทองคำ" มักจะสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ คือ
เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองก็จะร่วงเป็นปกติ และด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ จึงย่อมส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อยู่ในช่วง
"ขาขึ้น" แน่นอน
2. กองทุนทองคำทั่วโลก ลดการถือครองทองคำ
เมื่อดูจากนโยบายของกองทุนทองคำต่าง ๆ ทั่วโลก จะพบว่าต่างพากันลดการถือครองทองคำ นั่นหมายถึงความต้องการทองคำจะลดลงตามไปด้วย จึงไม่มีแรงหนุนพอที่จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มได้มากกว่านี้ ถึงแม้จะมีแรงซื้อจากการตุนทองคำเพิ่มขึ้นของประเทศในทวีปเอเชียเข้ามาก็ตาม แต่ก็คงไม่มากพอที่จะช่วยให้ราคาทองคำเป็นช่วงขาขึ้นได้
3. ความจำเป็นในการซื้อทองคำลดลง
ทองคำได้ชื่อว่าเป็น
"สินทรัพย์ปลอดภัย" ที่คนมักจะเลือกถือในยามเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากทิศทาง
เศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว ตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงทำให้นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แม้จะยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอยู่ก็ตาม
4. แนวโน้มดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในช่วงขาขึ้น
การฝากเงินที่ได้ผลตอบแทนจาก
ดอกเบี้ย หรือการซื้อพันธบัตร นับว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าทองคำ แต่กลับให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เพราะได้รับปัจจัยบวกจากทิศทางตลาดเงิน-ตลาดทุนสหรัฐฯ ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้น การลงทุนทองคำในตอนนี้ จึงไม่น่าสนใจเลย เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยและพันธบัตร
5. ลงทุนทองคำไม่มีปันผล
การลงทุนทองคำจะได้กำไรจากส่วนต่างราคา แบบซื้อมาขายไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่ตลาดคาดการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือการเมือง แต่อย่างที่รู้กันคือ ทองคำไม่มีปันผล (ยกเว้นลงทุนผ่านกองทุน) เหมือนกับหุ้น เงินฝาก และพันธบัตร เพราะฉะนั้นในยามที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบนี้ จึงไม่มีเหตุผลเลยที่จะเลือกลงทุนทองคำ ซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำกว่า..
..ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทองคำอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีในการเลือกลงทุน แต่ทุกคนก็ย่อมมีวิธีการเลือกสินทรัพย์และจังหวะลงทุนที่แตกต่างกันออกไป และหลายคนก็มองว่า ทองคำก็ยังมีข้อดีตรงที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เหมาะจะถือใน "ระยะยาว" ได้เช่นเคย.