ลงราชกิจจาฯ แล้ว!! "สธ." ประกาศ3ฉบับ กรณี "ผู้ป่วยฉุกเฉิน"
เรื่องค่าใช้จ่ายและเยียวยา ย้ำ...บังคับใช้วันนี้!เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา
ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน
ซึ่งมีผลบังคับใช้วันนี้ (1 เมษายน 2560) ระบุใจความว่า
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน
การระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยา
และการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑
และมาตรา 36 วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยคําแนะนําของคณะกรรมการสถานพยาบาลจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน การระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยา
และการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมวด 1
การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน
ข้อ 3 เมื่อมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือการรุนแรงขึ้น
ของการบาดเจ็บ หรืออาการป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินได้ ให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการของสถานพยาบาล
มีหน้าที่ดําเนินการช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
(๑) ตรวจคัดแยกระดับความฉุกเฉินและจัดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการบริการตามลําดับความเร่งด่วน
ทางการแพทย์ฉุกเฉิน และเมื่อดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้แจ้งผลของการคัดแยกให้ผู้ป่วย หรือญาติ
ผู้ป่วยทราบ
กรณีที่มีปัญหาการวินิจฉัยในการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ปรึกษาศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิ
ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติได้ตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อดําเนินการวินิจฉัย
โดยคําวินิจฉัยของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ให้ถือเป็นที่สุด
(๒) ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับการบริการฉุกเฉินจนเต็มขีดความสามารถของสถานพยาบาลนั้น
ก่อนการส่งต่อ เว้นแต่มีผู้ประกอบวิชาชีพให้การรับรองว่าการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน จะเป็นประโยชน์
ต่อการป้องกันการเสียชีวิต หรือการรุนแรงขึ้นของการเจ็บป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น
(๓) การให้บริการต่อผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเป็นไปตามความจําเป็นและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ฉุกเฉิน
โดยมิให้นําสิทธิการประกัน การขึ้นทะเบียนสถานพยาบาล หรือความสามารถในการรับผิดชอบ
ค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือเงื่อนไขใดๆ มาเป็นเหตุปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินให้ไม่ได้รับการบริการอย่างทันท่วงที
นอกจากวรรคหนึ่งแล้ว สถานพยาบาลต้องกระทําการใด ๆ อันจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับ
หรือบรรเทาผลร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างทันท่วงทีตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 4 การตรวจคัดแยกระดับความฉุกเฉินของผู้ป่วยตามข้อ 3 (๑) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้แก่ บุคคลซึ่งได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการป่วยกะทันหัน ซึ่งมีภาวะ
คุกคามต่อชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับปฏิบัติการแพทย์ทันทีเพื่อแก้ไขระบบการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด
หรือระบบประสาทแล้ว ผู้ป่วยจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง หรือทําให้การบาดเจ็บหรืออาการป่วยของผู้ป่วย
ฉุกเฉินนั้น รุนแรงขึ้นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้อย่างฉับไว
ให้ใช้สัญลักษณ์ สีแดง สําหรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
(๒) ผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน ได้แก่ บุคคลที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการป่วยซึ่งมีภาวะเฉียบพลันมาก
หรือเจ็บปวดรุนแรงอันจําเป็นต้องได้รับปฏิบัติการแพทย์อย่างรีบด่วน มิฉะนั้น จะทําให้การบาดเจ็บ
หรืออาการป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น ซึ่งส่งผลให้เสียชีวิต
หรือพิการในระยะต่อมาได้
ให้ใช้สัญลักษณ์ สีเหลือง สําหรับผู้ป่วยฉุกเฉนเร่งด่วน
(๓) ผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง ได้แก่ บุคคลซึ่งได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการป่วยซึ่งมีภาวะ
เฉียบพลันไม่รุนแรง อาจรอรับปฏิบัติการแพทย์ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือเดินทางไปรับบริการสาธารณสุข
ด้วยตนเองได้ แต่จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรและหากปล่อยไว้เกินเวลาอันสมควรแล้วจะทําให้การบาดเจ็บ
หรืออาการป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้
ให้ใช้สัญลักษณ์ สีเขียว สําหรับผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติในการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ตามนโยบาย
เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ กรณีการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญา
สามกองทุนตามที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินกําหนด
ข้อ 5 ให้สถานพยาบาลจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตามข้อ 3 (๑)
ตลอดเวลา รวมทั้งควบคุมและดูแลให้ผู้ปฏิบัติการดําเนินการให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉิน
ตามลําดับความเร่งด่วน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินประกาศกําหนด
ข้อ 6 นอกจากการจัดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการบริการตามข้อ 3 แล้ว สถานพยาบาล
ต้องจัดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการบําบัดเจาะจงตามขีดความสามารถอย่างทันท่วงทีด้วย
ข้อ 7 ในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ที่ได้รับการรักษาในสถานพยาบาลประเภท
ที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
หรือกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมหรือกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน หรือจากส่วนราชการ หรือองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และเมื่อผู้นั้นไปรับบริการจากสถานพยาบาล
ประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเมื่อใดแล้ว ให้สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนแจ้งการเข้ารับบริการและ
ให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
หมวด ๒
การระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยา
ข้อ 8 ให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการจัดหาทรัพยากรด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ
เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ ยานพาหนะให้เพียงพอและพร้อมต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินตามมาตรา 33/1
ตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
หมวด ๓
การจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
ข้อ 9 เมื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยตามหมวดหนึ่ง ถ้ามีความจําเป็นต้องส่งต่อ
หรือผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยมีความประสงค์จะไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ผู้รับอนุญาต
และผู้ดําเนินการต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม
ในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพให้การรับรองว่าการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกัน
การเสียชีวิต หรือการรุนแรงขึ้นของการเจ็บป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น หรือเกินขีดความสามารถตามนัยแห่ง
ข้อ 3 (๒) ให้สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนดําเนินการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ตามมาตรฐาน
การส่งต่อผู้ป่วยที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกําหนด และให้สถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วย
ไว้ค้างคืนดําเนินการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินตามมาตรฐานการส่งต่อผู้ป่วยที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกําหนด
โดยอนุโลม
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ปิยะสกล สกลสัตยาทร
http://www.tnews.co.th/