ต้นหมามุ่ย คู่แข่งไวอากร้า รู้ก่อนปลูก
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 05:47:34 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นหมามุ่ย คู่แข่งไวอากร้า รู้ก่อนปลูก  (อ่าน 4068 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2015, 01:06:53 pm »



ชื่อวิทยาศาสตร์: Mucuna pruriens  (L.) DC.  ชื่อพ้อง M. prurita  Hook.f.

วงศ์ : Leguminosae – Papilionaceae

ชื่อสามัญ : Cowitch ,  Cowhage

ชื่ออื่นๆ : บะเหยือง หมาเหยือง (ภาคเหนือ) โพล่ยู (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) กลออื้อแซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เลื้อย ใบ ประกอบ คล้ายใบถั่วฝักยาว คือมี 3 ใบย่อย ใบย่อยรูปไข่ปลายแหลม มีขนทั่วไปดอก ช่อ ดอกย่อย แบบดอกถั่ว สีม่วงแก่ ออกตามง่ามใบแถว  ปลายยอด ฝักแก่จัดสีเหลืองทองถึงเหลืองแก่ มีขนค่อนข้างยาว ถ้าสัมผัสจะคัน ฝักแก่จัดขนจะร่วงปลิวไปตามลม..

หมามุ่ยมีหลายชนิด :..
      ชนิดที่ 1  ฝักจะไม่ยาวมาก ประมาณ 5-7 เซนติเมตร ฝักตรง
      ชนิดที่ 2  ฝักจะยาวกว่าชนิดแรกเล็กน้อย แต่ปลายฝักจะงอนออก ยาว5-8 เซนติเมตร
      ชนิดที่ 3  เป็นหมามุ่ยใหญ่ (หมามุ่ยช้าง, สะบ้าลิง) ฝักรูปทรงกระบอกค่อนข้างแบน ผิวผลย่นๆ เป็นสันและยาวกว่า 2 ชนิดแรก ยาว 10-12 เซนติเมตร ขนสีน้ำตาลแดง

ส่วนที่เป็นพิษ :  ขนจากฝัก

สารพิษและสารเคมี : ขนมี mucunain enzyme สามารถย่อยโปรตีนได้ ในขนมี serotonin ทำให้ร่างกายคนหลั่ง histamine ก่อให้เกิดการแพ้ผื่นคัน บวมแดง

อาการเกิดพิษ :  ผิวหนังเมื่อถูกขนหมามุ่ย จะคัน ระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน บวมแดง

การรักษา : ให้พยายามเอาขนออกให้หมด โดยใช้เทียนไขลนไฟ ให้นุ่ม หรือข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ว คลึงจนกระทั่งขนหลุดหมด แต่ถ้าไม่มีของพวกนี้ อาจใช้ถูไปมาบนผม ถ้าเป็นผมสั้นๆ จะได้ผลดี เมื่อคลึงเอาขนหลุดหมดแล้ว ถ้ายังคันให้ทายาคาลาไมน์หรือครีมที่มีสเตียรอยด์ เช่น ครีมพวกเพนนิโซโลน และรับประทานยาแก้แพ้ทุก 6 ชั่วโมง
 
สรรพคุณ : แพทย์แผนโบราณ ได้นำส่วนต่างๆของหมามุ้ย มาทำเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน โดยนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ ราก ใบ ฝัก เม็ด เช่น ใช้รากแก้คัน ใช้ถอนพิษ ล้างพิษ เม็ดใช้ทั้งกิน เม็ดคั่ว นึ่ง และบด เป็นผง เพื่อบำรุงกำลัง เพิ่มน้ำเชื้อ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

ที่มา : rspg.or.th/plants_data/use/toxic_01.htm (ข้อมูลพรรณไม้ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพะราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี)



ดอกและฝักอ่อนของหมามุ่ย





เม็ดของหมามุ่ย  ส่วนนี้จะนำไปปรุงเป็นยา ห้ามรับประทานดิบๆ







ความแตกต่างของหมามุ่ยสายพันธุ์อินเดียกับไทย :
    หมามุ่ยสายพันธุ์อินเดียซึ่งลักษณะต้นมีลักษณะคล้ายกับหมามุ่ยของไทยแต่แตกต่างที่ลักษณะฝักและเมล็ด ที่มีขนาดใหญ่ ขนสั้นและไม่คันเวลาสัมผัส มีเมล็ดสี 2 ลักษณะ คือ สีขาวและสีดำ





    แต่หมามุ่ยไทยมีฝักขนาดเล็กและขนฝักขนาดยาวและคันเวลาสัมผัสขนฝัก มีทั้งเม็ดเล็กและใหญ่แต่มีสีดำเพียงสีเดียว หมามุ่ยไทยเป็นคนละสปีชีส์กับหมามุ่ยในจีนและอินเดียที่มีผลวิจัยรับรอง ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จาก ฝั่งประเทศจีนและอินเดีย เมล็ดหมามุ่ยมีสารที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายได้จริง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ หมามุ่ยในจีนและอินเดียเป็นหมามุ่ยคนละสปีชีส์กับหมามุ่ยที่ขึ้นอยู่ในประเทศไทย

    หมามุ่ย ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ไม่ใช่หมามุ่ยสายพันธุ์ไทยนะครับ เป็นหมามุ่ยสายพันธุ์อินเดีย เมื่อก่อนถ้าพูดถึงหมามุ่ย คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะหากสัมผัสหมามุ่ยจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน หรือถึงขั้นปวดแสบปวดร้อน บวมแดง  เป็นพืชเถาซึ่งมีขนที่ฝัก อันที่จริงแล้วทั่วโลกมีหมามุ่ยประมาณ 100 ชนิด โดยมีทั้งชนิดที่คันและไม่คัน โดยหมามุ่ยที่พบในประเทศไทยมีลักษณะใบรูปร่างคล้ายรูปไข่หรือรูปไข่ปนขนมเปียกปูน โคนใบอาจมีทั้งมน กลม หรือหน้าตัดก็ได้ ตัวใบบางและมีขนทั้งสองด้าน ดอกสีม่วงดำ

อย่ากินหมามุ่ยสุ่มสี่สุ่มห้า
จากกรณีกระแสข่าว “เมล็ดหมามุ่ย” คั่วรับประทานช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศสุภาพบุรุษ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์ออกโรงเตือนรับมีรายงานทางวิทยาศาสตร์จากอินเดีย และจีน แต่เป็นหมามุ่ยคนละสปีชีส์กับเมืองไทย แนะอย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้า รศ.ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ได้เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า “เมล็ดหมามุ่ย” เมื่อนำมาคั่วรับประทาน จะออกฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศแก่ผู้ชายว่า ยอมรับว่ามีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จากฝั่งประเทศจีนและอินเดีย เมล็ดหมามุ่ยมีสารที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายได้จริง แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ หมามุ่ยในจีนและอินเดียเป็นหมามุ่ยคนละสปีชีส์กับหมามุ่ยที่ขึ้นอยู่ในประเทศไทย




มหัศจรรย์'หมามุ่ย' ไวอากร้าพันธุ์ไทย-บำรุงกำลัง
เมธาวี มัชฌันติกะ

    หมามุ่ย หรือ หมามุ้ย เป็นพืชลุ้มลุกตระกูลถั่ว มีชื่อคุ้นหูคนไทยเรามานานแล้ว แต่เมื่อจินตภาพถึงก็อาจไม่ค่อยชวนยิ้มเท่าไหร่ เพราะจะไปโยงถึงอาการคันคะเยอ แพ้เป็นผื่นบวมแดงเวลาโดนเพื่อนแกล้งเอาหมามุ่ยมาโยนใส่ แต่ล่าสุด 'หมามุ่ย' กำลังผงาดขึ้นมา สร้างคุณประโยชน์สรรพคุณทางยาที่สำคัญ ภายหลังจากนักวิจัยไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สามารถสกัดเอาสารตามธรรมชาติในหมามุ่ยมาผลิตเป็นยาสมุนไพรบำรุง สเปิร์ม และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้กับคุณผู้ชายทั้งหลาย!


   ความสำเร็จในการ นำหมามุ่ยมาวิจัยต่อยอดสร้างยาสมุนไพรเสริมสร้าง 'สุข ภาพทางเพศ' ให้กับบุรุษนั้นแถลงข่าวและเปิดเผยกันอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ซึ่งปีนี้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด 'ยาไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี Herb for All' ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม-4 กันยายน 2554 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

     ภายในงานดังกล่าวมีการจัดประชุมวิชาการด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก จัดแสดงนิทรรศการยาไทย ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาไทยทุกภาค หลากตำรับ ตรวจสุขภาพเด็ก วัยรุ่น ผู้หญิง ผู้ชาย และผู้สูงอายุด้วยการแพทย์แผนไทย แผนจีน และแพทย์ทางเลือก เป็นต้น ซึ่งในแต่ละปีจะมีการชูความพิเศษของสมุนไพรไทยอย่างสม่ำเสมอ

    ภญ. ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยรายละเอียดการวิจัยหมามุ่ยครั้งนี้ว่า หมามุ่ย เป็นสมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่ใช้อย่างแพร่หลายในอดีต ปัจจุบันมีการใช้ลดลง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากหมามุ่ย เป็นเถ้าที่เมื่อขึ้นแล้วขนจะปลิวไปทำให้เกิดความคัน เมื่อพบ..จึงโดนทำลายทิ้งเสียเป็นส่วนมาก

   อย่างไรก็ตาม หมามุ่ยมีประโยชน์มากมายโดยที่คนส่วนใหญ่แทบไม่เคยรู้ และคุณประโยชน์ของสมุนไพรแสนคันตัวนี้ มีมากกว่าที่คิดไว้ โดยเฉพาะคุณสมบัติบำรุงกำลัง ช่วยการมีบุตรยาก ทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น!

    ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า ลักษณะทั่วไปของหมามุ่ย เป็นไม้เลื้อยล้มลุก ลำต้นเล็กเหนียวคล้ายเชือก ดอกออกเป็นช่อห้อยลง สีม่วงแก่ถึงม่วงออกดำ ผลเป็นฝักยาว รูปร่างคล้ายถั่วลันเตา ปกคลุมด้วยขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดงหรือสีทองอมแดง ที่เป็นพิษและหลุดร่วงง่าย ภายในฝักมีเมล็ดรูปไข่ ความพิเศษของหมามุ่ย อยู่ตรงขนอ่อนที่ปกคลุม เพราะเป็นขนที่เต็มไปด้วยสารชนิดหนึ่ง เรียกว่า 'สารซีโรโทนิน' (Serotonin) เมื่อโดนจะทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง ซึ่งฝักจะออกมากในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง และปลิวตามลม ชาวบ้านทั่วไป เมื่อพบจึงมักทำลายเถ้าหมามุ้ยทิ้ง

     "ปัจจุบันประชาชนทั่วไปหันมาใช้ยาแผนปัจจุบันของตะวันตกจำนวนมาก ซึ่งหากมีสิ่งที่สามารถลดปริมาณการใช้ยาได้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ซึ่งสมุนไพรไทยหลายชนิดสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ และสามารถต่อยอดสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้" ภญ.ผกากรอง ระบุ เภสัชกรชำนาญการ ร.พ.จ้าพระยาอภัยภูเบศร อธิบายว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ในอดีตหมอยาแผนโบราณค้นพบวิธีนำหมามุ่ยมาใช้หลากหลายตำรับด้วยกัน โดยนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ ราก ใบ ฝัก เม็ด เช่น ใช้รากแก้คัน ใช้ถอนพิษ ล้างพิษ เม็ด ใช้ทั้งกินเม็ดคั่ว นึ่ง และบด เป็นผง เพื่อบำรุงกำลัง เพิ่มน้ำเชื้อ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ในประเทศอินเดีย พบว่า มีพืชวงศ์เดียวกับหมามุ่ยของไทย ซึ่งปลูกเพื่อนำไปแปรรูปอย่างจริงจัง เพราะมีการศึกษา วิจัย อย่างเป็นระบบ กระทั่งสกัดเป็นยา เพื่อเพิ่มความต้องการทางเพศ คลายเครียด และเพิ่มการเผาผลาญและมวลของกล้ามเนื้อสาเหตุที่หมามุ่ยเป็นที่น่าสนใจอีกประการ เนื่องจากโรคเกี่ยวกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ การมีลูกยาก ถือเป็นโรคที่หลายประเทศมีอัตราการใช้สูงเพิ่มมากขึ้น

    สำหรับประเทศไทย มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า เราใช้เงินซื้อ 'ยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ' ของตะวันตกไปกว่าร้อยล้านบาท ในขณะที่ทั่วโลกมีอัตราการใช้อยู่ที่ประมาณห้าหมื่นล้านบาท จากรายงานทางการแพทย์ มีการทดลองในสัตว์ พบว่าสารธรรมชาติในหมามุ่ย ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น เพิ่มความถี่ในการผสมพันธุ์ได้เป็นสิบเท่า รวมทั้งยืดระยะเวลาในการมีเพศสัมพันธŒทำให้ชะลออาการหลั่งเร็วได้ และเพิ่มปริมาณฮอร์โมนทางเพศ

    ในปี 2550 'K.K.Shukla' รายงานการวิจัยที่ทำในผู้ชายอินเดีย 75 คน ซึ่งประสบปัญหาการมีบุตรยาก เนื่องจากความเครียด พบว่า หลังจากให้เม็ดหมามุ่ยทานในปริมาณ 5 กรัมต่อวันนาน 3 เดือน ระดับความ เครียดลดลง และคุณภาพปริมาณของ 'อสุจิ-น้ำเชื้อ' เพิ่มขึ้น

    จากการวิจัย พบว่า เม็ดหมามุ่ย มีสารแอลโดปา (L-Dopa ) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์โดพามีน (Dopamine) หรือสารที่มีอิทธิพลสูงต่อระบบสืบพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นสารสื่อประสาท ซึ่งใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสันอีกด้วย แต่ต้องใช้ในรูปแบบของการผ่านวิธีการ 'สกัด' มาเป็น 'ยาเม็ด' เพราะร่างกายไม่สามารถได้รับสารในรูปแบบของเมล็ดแปรรูป หรือสดได้

     ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปก็สามารถนำเม็ดหมามุ่ยมาเป็นยาสมุนไพรทานเองได้ แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่บ้าง เพราะการเก็บหมามุ่ย ต้องรู้วิธีเพื่อไม่ให้คัน

    วิธีการเก็บ คือ เลือกจากต้นที่ฝักแก่ สังเกตง่ายๆ คือ เม็ดฝักเหมือนจะปริแตก แล้วฉีดน้ำให้เปียก เพื่อป้องกันขนอ่อนที่ฝักฟุ้งกระจาย สวมถุงมือป้องกันแล้วเก็บเม็ดมาคั่วไฟ แล้วนำไปล้างน้ำ ก่อนนำไปคั่วไฟอีกรอบ

    สําหรับข้อควรระวังในการทานเม็ดหมามุ่ย คือ ต้องคั่วให้สุก เพราะหากไม่สุก จะเกิด 'สารพิษ' บางอย่างขึ้นทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้ เพราะในเม็ดหมามุ่ยมีสารแอลโดปา ที่จะทำให้สารสื่อประสาทเกิดความไม่สมดุลได้

    นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยบางโรคที่ไม่ควรกิน เช่น ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ผู้ที่ต้องใช้ยาทางจิตเวช รวมทั้งเด็ก และหญิงตั้งครรภ์

    ส่วนปริมาณที่แนะนำ ถ้าเป็นคนทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาการมีบุตรยาก หรือสมรรถภาพทางเพศ แนะนำให้กินวันละประมาณ 3 เม็ดต่อวัน จะทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่หากมีปัญหา แนะนำให้กินวันละ 5 กรัม หรือ 25 เม็ด ไม่เกิน 3 เดือน

การทานเม็ดหมามุ่ยก็มีหลายวิธี :

     ทั้งการป่นเป็นผง และกินผสมกับกาแฟ หรือชา ก็ไม่เสียรสแต่อย่างใด หรือจะชงกินกับน้ำร้อนเปล่าๆ ก็จะออกรสเปรี้ยวนิด มันหน่อยๆ หรือกินเม็ดคั่วกับข้าวเหนียว หรือเคี้ยวเม็ดที่คั่วแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงตำรายาโบราณ ที่มีหมามุ่ยอยู่ในตำรับด้วยนั้นมีด้วยกันหลายตำรับด้วยกัน อาทิ ตำรับตาเพ็ง จะนำเม็ดมาคั่ว ทิ้งให้เย็นแล้วบด หรือ กินทั้งเมล็ด โดยนำไปแช่น้ำก่อนแล้วค่อยเคี้ยวกินเช้า เย็น หรือ บดแล้วใช้ครั้งละ 1 ช้อนแกง โดยห่อผ้าขาวบาง แช่ในน้ำ 1 แก้ว นาน 30 นาที รับประทานเช้าเย็น ตำรับนี้ว่าไว้ว่า เสริมกำหนัดและเสริมแรงผู้ชาย จะออกฤทธิ์ใน 2-3 วัน ทำให้หลับสบาย จิตใจเบิกบานแจ่มใส แต่ห้ามกินต่างน้ำ หรือกินเยอะเกินไป

-ตำรับพ่อประเดิม ส่างเสน หมอยาอำเภอฝาง ระบุว่า ให้เอาเม็ดหมามุ่ยแก่จัดมาตากแดดให้แห้งแล้วตำเป็นผง ใช้น้ำผึ้งเป็นกระสาย ทำให้เป็นลูกกลอน กิน 3 เวลา 7 วัน ตำรับนี้ว่าไว้ว่า รักษาอาการนกเขาไม่ขัน เป็นยาบำรุงกำลัง

-ตำรับพ่อกอยะ หมอยาบ้านต้นฮุงหัวฝาย ระบุว่า ให้ใช้เม็ดแก่จัดใส่ในหม้อนึ่งข้าว พอข้าวสุก เม็ดหมามุ่ˆยก็สุกด้วย โดยกินครั้งละ 1 เม็ด พร้อมข้าว 3 เวลา

-ตำรับพ่อพลายแสง บ้านสินชัย ระบุว่า ใช้รากหมามุ่ยตากแห‰ง 1 กิโลกรัม เมล็ดผักชี 3 ขีด เมล็ดผักกาด 5 ขีด นำทั้งหมดมาตำรวมกันเป็นผง ผสมน้ำผึ้งป่า หมักไว้ 3 เดือน แล้วใช้กินก่อนนอนทุกวัน โดยเวลากินให้กินในปริมาณขนาดเท่าผลมะเขือพวง จะแก้ปวดเมื่อย ช้ำใน

-ตำรับหมอยาเมืองเลย ระบุว่า สามารถนำรากต้ม กินแก้ไอ ใช้เมล็ดตำเป็นผง พอกแก้พิษแมง ป่องกัดได้

"หากทำวิจัยอย่างครบวงจร และส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเพื่อนำมาต่อยอด จะสามารถฉวยให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจได้ เพราะปัจจุบันแม้แต่อินเดีย ที่วิจัยในเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลิตออกขายเชิงอุตสาหกรรมประเทศไทยจึงถือว่ามีโอกาสที่จะเร่งพัฒนายาสมุนไพรตัวนี้ได้" ภญ.ผกากรอง กล่าว

   ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมูลนิธิ ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาสมุนไพรหมามุ่ยให้เป็นที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์และคลินิก เพื่อนำไปขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยอาจทำเป็น 2 รูปแบบ คือ ยารักษาโรค และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และมั่นใจว่าจะนำพืชหมามุ่ยมาต่อ ยอดเศรษฐกิจในเชิงอุตสาหกรรมได้

    ภูมิปัญญา-สมุนไพรไทย ยังเป็นของมีคุณค่าเสมอ !





    เภสัชฯเตือนเช็กสายพันธุ์ “หมามุ่ย”ก่อนทานเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
    หลังจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา เปิดเผยผลวิจัยว่า “หมามุ่ย” มีสรรพคุณสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ โดยนางชนัดดา บัลลังค์ นักวิชาการ ร.พ. ส่งเสริมสุขภาพ ต.ทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ นำเสนอผลงานการศึกษาเรื่อง “หมามุ่ย : สมุนไพรต่อความมั่นคงของชีวิตสมรส” โดยทำการสำรวจจาก ชาวบ้านในตำบลโพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 6,217 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยสมัครใจจำนวน 40 คน เป็นชาย 20 คน และหญิง 20 คน

ก่อนการวิจัยกลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลว่า มีความรู้สึกถึงความมั่นคงต่อชีวิตสมรสในระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ แต่ หลังจากได้ดื่มน้ำเม็ดหมามุ่ยคั่วบดละเอียดแล้ว ผู้หญิงรู้สึกว่าหน้าอกเต่งตึง การมี เพศสัมพันธ์ดี ไม่เหนื่อยง่าย ขณะที่ฝ่ายชายรู้สึกกระฉับกระเฉง และมีเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น ช่วยให้มีความพอใจคู่สมรส และมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในทางที่ดีมากขึ้น

    วิธีการใช้หมามุ่ย นางชนัดดาเผยว่า ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.ทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เป็น ผู้ควบคุมการใช้หมามุ่ยคั่วสุกบดละเอียด คือ ในแต่ละวันจะใช้ผงหมามุ่ยที่บดแล้วจำนวน 1 ช้อนชา โดยจะชงผสมกับน้ำให้กับกลุ่มตัวอย่างดื่ม ซึ่งจะเลือกให้ดื่มในช่วงเวลาเย็น โดยก่อนการใช้หมามุ่ยในกลุ่มทดลองผู้ใช้จะมีการแข็งตัวช้าของ อวัยวะเพศ แต่หลังจากการใช้หมามุ่ยแล้วพบว่าการแข็งตัวของอวัยวะเพศเร็วและนานขึ้น แต่ทั้งนี้การใช้สมุนไพรดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

    ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร กล่าวว่า การนำเมล็ดหมามุ่ยมาคั่วรับประทานจะออกฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยมี ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จาก ฝั่งประเทศจีนและอินเดีย  เมล็ดหมามุ่ยมีสารที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายได้จริง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ หมามุ่ยในจีนและอินเดียเป็นหมามุ่ยคนละสปีชีส์กับหมามุ่ยที่ขึ้นอยู่ในประเทศไทย ดังนั้นจึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ที่กำลังสนใจและต้องการจะกินเมล็ดหมามุ่ยว่า อย่ากินแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะไม่แน่ใจว่าเมล็ดที่นำมากินนั้นเป็นหมามุ่ยสปีชีส์ใด อาจมีผลข้างเคียงอันตราย

   ขณะที่เภสัชกรหญิงสุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้าเภสัชกร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลศึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์จากเมล็ดหมามุ่ย แต่หมอพื้นบ้านของไทยมีการใช้เมล็ดหมามุ่ยเป็นยาเพิ่มพลังทางเพศชายมานานแล้ว โดยการกินมี 2 วิธีคือ เอาเมล็ดไปคั่ว หรือเอาไปนึ่งกิน วันละไม่เกิน 5 กรัม

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เชื่อว่าสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ อาทิ ถั่งเช่า พญาช้างสาร รากปลาไหลเผือก โด่ไม่รู้ล้ม กระชายดำสกัด พญาเสือโคร่ง หนุมาน ม้ากระทืบโรง และดอกคำฝอย แต่ทั้งนี้ต้องผ่านการสกัดและการรับรองจากแพทย์ก่อน เนื่องจากมีการแอบอ้างสรรพคุณสมุนไพรเหล่านี้เกินจริงเป็นจำนวนมากตามเว็บไซต์ต่าง ๆ







    ...นายเที่ยง สิงจานุสงค์ อดีตครูชำนาญการพิเศษ ที่หันมาประกอบอาชีพเกษตร โดยพืชหลักๆ ที่ทำคือยางพารา จึงเรียกติดปากกันว่า อาจารย์เที่ยง เริ่มแรก อาจารย์เที่ยง สิงจานุสงค์ ได้ปลูกกล้วยหอมแซมในสวนยางพารา 6 ไร่ ซึ่งกล้วยหอมที่ปลูกเป็นกล้วยหอมเขียวเมื่อนำไปขายแล้วมักจะได้ราคาไม่ดีเท่าไหร่ ประกอบกับได้มีญาติแนะนำให้ปลูกหมามุ่ยและได้ไปดูสวนที่มีการปลูกหมามุ่ย เลยลองเอาเมล็ดหมามุ่ยจากญาติมาปลูกริมรั้วรอบสวนยาง การปลูกก็เหมือนการปลูกถั่วทั่วไปคือปลูกแบบหยอดเป็นหลุม หลุมละ 2-3 เมล็ด ไม่มีระยะปลูกที่แน่นอน ปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติเลื้อยพันรั้วรอบสวนยางโดยไม่มีการรดน้ำ ใส่ปุ๋ยใดๆ ทั้งสิ้น อาจารย์เที่ยง บอกว่าสิ่งที่ควรระวังที่สุดคือ อย่าให้หมามุ่ยเลื้อยพันต้นยางเด็ดขาด เมื่อเห็นว่าหมามุ่ยเริ่มจะเลื้อยขึ้นต้นยางก็ต้องรีบเอาออก และพูดติดตลกอีกว่าปลูกแรกๆ ชาวบ้านที่มีสวนยางอยู่ใกล้นึกว่าปลูกไว้กันขโมยหรือไม่ให้คนเข้าสวน แต่พอเห็นว่าปลูกแล้วได้ราคาดีก็อยากจะปลูกบ้างแต่มีปัญหาเรื่องการเก็บเกี่ยว สำหรับการเก็บเกี่ยวนั้นจะเก็บเกี่ยวเมื่อฝักแก่จัดซึ่งจะมีสีเหลืองทองถึงเหลืองแก่ มีขนค่อนข้างยาว ซึ่งต้องระวังอย่าให้โดนฝักหรือขนของหมามุ่ยเพราะจะทำให้คัน อาจารย์เที่ยงแนะนำว่าเมื่อโดนขนของหมามุ่ยรีบนำทรายมาถูเอาขนหมามุ่ยออกซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน สำหรับการเก็บนั้นจะเก็บช่วงเวลา 04.00-05.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศนิ่งขนของหมามุ่ยไม่ฟุ้งกระจายง่ายต่อการเก็บ และจะต้องใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว พูดง่ายๆ คือ ใส่ชุดที่ป้องกันไม่ให้ขนของหมามุ่ยโดนผิวหนัง เมื่อเก็บเรียบร้อยแล้ว นำมาตากให้แห้ง(อาจารย์เที่ยงไม่ได้บอกว่าตากกี่วัน ให้มองด้วยสายตา) เมื่อแห้งแล้วนำมาสลัดเอาขนออกโดยใส่หมามุ่ยในผ้าที่มีรูแล้วเขย่าให้ขนออกจากเปลือก แล้วนำมาปอกเปลือกเอาเมล็ดเก็บไว้ขาย ปีแรกที่ปลูกได้เมล็ดประมาณ 20 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 500 บาท คิดเป็นเงิน 10,000 บาท ปีที่ 2 ของการปลูกหมามุ่ย อ.เที่ยง ได้ปลูกโดยการทำค้าง ซึ่งการทำค้างนั้นง่ายต่อการจัดการรวมทั้งการเก็บเกี่ยว ปริมาณผลผลิตที่ได้ประมาณ 70 กิโลกรัม (ซึ่งปกติจะได้ประมาณ 100 กิโลกรัม เนื่องจากโดนน้ำท่วมผลผลิตจึงไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้) และการขายนั้นก็ไม่ยุ่งยากต้องหาตลาดให้วุ่นวาย เนื่องจากมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงบ้านทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วยเนื่องจากการปลูกยังไม่แพร่หลาย อาจารย์เที่ยงยังบอกทิ้งท้ายอีกว่าการปลูกหมามุ่ยไม่ใช่เรื่องยากแค่เข้าใจธรรมชาติของเค้า แล้วเค้าก็จะให้ผลผลิตที่คุ้มค่ากับเรา

          จากข้อมูลข้างต้นที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เราจะเห็นว่าหมามุ่ยไม่เพียงจะมีแค่โทษที่ทำให้เกิดอาการคันเมื่อไปสัมผัสแต่ในทางกลับกันหมามุ่ยเป็นพืชที่มีสรรพคุณมากมาย พร้อมทั้งยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกอีกด้วย นับว่าหมามุ่ยเป็นพืชอีกชนิดที่น่าสนใจเมื่อนำมาปลูกในสวนยางจะเป็นการเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรไม่น้อย ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการปลูกหมามุ่ยเสริมรายได้ในสวนยางสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ อาจารย์เที่ยง สิงจานุสงค์ ที่อยู่ 16 หมู่ 7 ตำบลกระออม อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ 0819670497 หรือสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดสุรินทร์



ขอบคุณ 
http://www.108kaset.com/


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!