ชาวเน็ตแฉ ! ข้าราชการ จ.อำนาจเจริญ จัดดูงานฝั่งทะเลอันดามัน แต่พบโพสต์ภาพพฤติกรรมไม่เหมาะสม ดื่มเหล้าเวลาราชการ ดำน้ำล่องเรือ ผลาญเงินหลวงเกือบ 4 ล้านบาท วันนี้ (9 มิถุนายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน" ได้เผยแพร่ข้อความและภาพพฤติกรรมไม่เหมาะสมของกลุ่มข้าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ที่บอกว่าเดินทางไปดูงานที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา แต่กลับพบว่ามีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายจัดโครงการศึกษาดูงานเพื่อแอบแฝงการท่องเที่ยว เนื่องจากมีการโชว์ภาพดื่มเบียร์ในเวลาราชการ ลงเรือ ดำน้ำ ดูปะการัง กันอย่างมีความสุข
สำหรับการดูงานดังกล่าวพบว่า
สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดอำนาจเจริญอ้างนโยบายกระทรวงมหาดไทย ในการจัดโครงการอบรมเพิ่มประสิทธิภาพบุคคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาการบริหารด้านสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสังคม การส่งเสริมและพัฒนาให้ประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี 2558 โดยจัดอบรม 3 รุ่น ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 ซึ่งทางท้องถิ่นจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ รองผู้ว่าราชการให้ความเห็นชอบ และผู้ว่าราชการเป็นผู้ลงนามอนุมัติ
ทั้งนี้การอบรมแต่ละรุ่นใช้เวลา 6 วัน ประกอบด้วยการบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับโครงการในวันแรก จากนั้นเป็นการเดินทางดูงานที่จังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี ก่อนบินไปยังจังหวัดภูเก็ตและศึกษาดูงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดูงานการปลูกข้าวเพื่อบริโภคครบวงจรที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 4 และดูงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ก่อนเดินทางจากพังงาเข้าภูเก็ตและเดินทางกลับในวันสุดท้าย
โดยการตรวจสอบโครงการของเพจเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านได้พบข้อสงสัยหลายประการ ซึ่งระบุทั้งหมดดังนี้
1. โครงการอบรมฯ มีการจัดเพียงสองรุ่นโดยยุบรวมรุ่นที่ 2 และ 3 เข้าด้วยกัน รุ่นแรกจัดระหว่างวันที่ 18-23 พฤษภาคม 2558 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมซึ่งเป็นข้าราชการในหน่วยงานต่าง ๆ ของจังหวัด ผู้บริหาร สมาชิก สภาฯ และข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม 60 คน ส่วนรุ่นที่สองจัดระว่างวันที่ 1-6มิถุนายน 2558 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วม 72 คน รวม 132 คน โครงการเก็บเงินจากผู้เข้าอบรมคนละ 29,800 บาท ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดออกค่าใช้จ่าย คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 3,933,600 บาท
2. การว่าจ้างบริษัททัวร์ส่อว่าเป็นการเลี่ยงการประกวดราคา (วงเงินเกิน 2 ล้านบาท) ไปใช้วิธีพิเศษ โดยกลุ่มงานการเงิน บัญชี และการตรวจสอบของท้องถิ่นจังหวัดทำบันทึกให้ผู้ว่าฯ ลงนามยกเว้น
3. การเก็บเงินค่าเข้าอบรมสำหรับงบราชการ (ต้นสังกัดจ่าย) เก็บคนละ 29,800 บาท ขณะที่ผู้ติดตามซึ่งเป็นคนนอกเก็บคนละ 19,000 บาท มีส่วนต่างอย่างมีนัยยะสูงถึง 10,000 บาท ต่อหัว
4. ค่าใช้จ่ายที่เก็บจากผู้เข้าอบรมหลายรายการสูงผิดปกติ เช่น ค่าเดินทางสูงถึง 14,000 บาทต่อคน ค่าอาหารกลางวันและเย็นคนละ 700 บาทต่อมื้อ ค่าวัสดุอุปกรณ์คนละ 2,800 บาท
5. กิจกรรมบรรยายในวันแรกของทั้งสองรุ่นซึ่งกำหนดการระบุเปิดการอบรมเวลา 10.00 น. และปิดในเวลา 17.00 น. นั้น ทางปฏิบัติจริงปิดการอบรมตั้งแต่เที่ยงวัน
6. โปรแกรมการดูงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น และการแก้ปัญหายาเสพติดที่ อำเภอเมืองอุดรธานี นั้น มีลักษณะที่ส่อว่าเป็นการจัดโปรแกรมเพื่อใช้เป็นทางผ่านขึ้นเครื่องบินตรงอุดรธานี-ภูเก็ต โดยไม่ได้ศึกษาดูงานอย่างจริงจัง
7. กิจกรรมในวันที่สามซึ่งกำหนดดูงานเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เทศบาลนครภูเก็ตนั้น เป็นการดูงานที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ต และถ่ายภาพในช่วง 10.00 น. จากนั้นเดินทางไปยังน้ำตกร้อน และสระมรกต ในเขตอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายที่นั่น
8. กิจกรรมวันที่สี่ ซึ่งตลอดทั้งวันกำหนดดูงานการปลูกข้าวเพื่อบริโภคครบวงจรที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ พบว่าคณะเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรืออ่าวน้ำเมาตั้งแต่ช่วงเช้า ลงเรือ ดำน้ำ ดูปะการังตลอดวัน
9. กิจกรรมวันที่ห้าซึ่งกำหนดศึกษาดูงานเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พบว่าเป็นการไปชมทะเลแหวก จังหวัดกระบี่ แล้วลงเรือไปเกาะปันหยี ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา
10. ระหว่างศึกษาดูงานตามกำหนดการตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเวลาราชการนั้น พบว่ามีข้าราชการจำนวนหนึ่งดื่มเครื่องดื่มของมึนเมา
นอกจากนี้ จากข้อมูลเชิงลึกยังพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอีกว่า การจัดทัวร์อันดามันในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับโครงการศึกษาดูงานของจังหวัดอำนาจเจริญ ในกลุ่มประเทศยุโรปคราวก่อนหน้าที่ต้องยุติไป โดยพบว่าเมื่อมีการสั่งระงับการเดินทางดูงานในกลุ่มประเทศยุโรป จังหวัดได้มีหนังสือไปยังกระทรวง เพื่อขอยกเว้นประกาศของรัฐบาล และ คสช.ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาดูงานต่างประเทศ แต่ได้รับการปฏิเสธ ซึ่งการยกเลิกโครงการครั้งนั้น จังหวัดจะต้องส่งคืนเงินค่าลงทะเบียนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากได้จ่ายให้บริษัททัวร์ และผู้บริหารระดับสูงบางรายไปแล้ว จึงทำให้เชื่อได้ว่าอาจมีความจำเป็นที่ต้องจัดโครงการอื่นเพื่อหาส่วนต่างนำไปจ่ายคืนให้กับ อปท. ซึ่งเป็นการนำเงินภาษีประชาชนมาใช้เพื่อการท่องเที่ยวของข้าราชการนับเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง สิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย โดยบอกว่าหน่วยงานราชการของไทยมีการอ้างจัดดูงานตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อบังหน้ามานานแล้ว ซึ่งวัตถุประสงค์จริง ๆ ก็คือการนำเงินภาษีของประชาชนไปหาความสุขส่วนตัวและสร้างฐานอำนาจ เอื้อประโยชน์ให้เพื่อนพ้อง และบางส่วนได้เสนอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดและจริงจัง เนื่องจากอยากให้นำภาษีของประชาชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด
http://www.1009seo.com/