ธรรมะของคู่รักให้อยู่กันอย่างยั่งยืน
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะของคู่รักให้อยู่กันอย่างยั่งยืน  (อ่าน 7008 ครั้ง)
nongtop
ผู้ช่วย Admin
member
*****

คะแนน682
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1433


อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2014, 03:05:38 pm »

วิธีทำให้ความรักยั่งยืน  Smiley



การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเรื่องที่จะว่ายาก ก็เหมือนง่าย แต่ครั้นจะว่าง่ายกเหมือนยาก
เพราะเพียงอต่เราตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรผัวเมียจึงจะ มีความรักยั่งยืนอยู่กินกันราบรื่นเพียง
ประเด็นเดียว แล้วลองเที่ยวหาคำตอบดูเถอะ ถามสิบ คนก็ตอบสิบอย่าง บ้างก็ว่าเกี่ยวกับดวง
ชะตาคู่ ธาตุ ต้องว่างฤกษ์ วางลัคน์ให้เหมาะ ๆ บ้างก็ว่าเป็น เรื่องของพรหมลิขิต ที่หัวสมัยใหม่หน่อยก็ว่า
สำคัญที่แหวนหมั้นขันหมากเงินทุนให้มาก ๆ เข้าไว้ ความสุข ในชีวิตจะมีเอง



แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องมงคลสมรสไว้สั้น ๆ เพียงคำเดียวว่า "สังคหะ" แปลว่า สงเคราะห์กัน
และให้ปฏิบัติ ตามหลักสังคหวัตถุ 4 เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันดังนี้

ทาน ปันกัน-การให้ คนเราถ้ารักที่จะอยู่ด้วยกันต้องปันกันกิน ปันกันใช้ หามาได้แล้ว
ควรรวมกันไว้เป็นกองกลางแล้วจึงแบ่งกันใช้ หากไม่เอามารวมกัน อาจเกิดการระแวงกันได้
ที่ใดที่ปราศจากการให้ที่นั่นย่อมแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย การปันกันนี้ รวมทั้งการปันทุกข์กัน
ในครอบครัวด้วย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความทุกข์ มีปัญหา ก็ควรนำมาปรึกษากัน



ปิยวาจา พูดกันด้วยวาจาไพเราะ แม้การตักเตือนกัน ก็ต้องระมัดระวังคำพูด ถ้าถือเป็นกันเอง
มากเกินไป อาจจะเกิดทิฐิ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูด
ไพเราะอย่างไร หลังแต่งงานก็พูดให้เพราะ ๆ อย่างนั้น

อัตถจริยา ประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อกัน เมื่อรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง
พยายามศึกษาหาความรู้ทางธรรม เอาใจมาเกาะกับธรรมให้มาก สามีภรรยานั้นเมื่อทะเลาะกันมักจะโยน
ความผิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้ว ย่อมมีความผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อยก็ผิดที่ไม่หาวิธีที่เหมาะสม
สั่งสอนตักเตือนกัน ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งทำความผิด



สมานัตตตา วางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็น เป็นพ่อบ้านก็ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อบ้าน เป็นแม่บ้านก็ทำตัว
ให้สมกับเป็นแม่บ้าน ต่างก็วางตัวให้เหมาะกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ซึ่งข้อนี้จะประพฤติได้ดี ต้องฝึกสมาธิให้ใจผ่องใสเป็นปกติ เพราะคนที่ใจผ่องใสจะรู้ว่าในภาวะ
เช่นนั้น ควรจะวางตนอย่างไร ไม่ระเริงโลก จนวางตนไม่เหมาะสม

โดยสรุป คือ ปฏิบัติตนตามหลักทาน (การให้ปัน สิ่งของ)
รักษาศีล (เพื่อให้มีคำพูดที่ไพเราะ และเพื่อ อุดข้อบกพร่องของตน จะได้เป็นคนมีประ โยชน์)
เจริญภาวนา (คือการฟังธรรมและทำสมาธิ เพื่อให้ ใจผ่องใสเกิดปัญญา จะได้วางตัวเหมาะสมกับที่ เป็น)

หน้าที่ของสามีต่อภรรยา   Smiley

1. ยกย่องให้เกียรติ คือ ยกว่าเป็นภรรยา ไม่ปิด ๆ บัง ๆ หากทำดีก็ชมเชยด้วยใจจริง
หากทำผิดก็เตือน แต่ไม่ตำหนิต่อหน้าสาธารณชน หรือคนในบ้าน เพราะจะเสียอำนาจการปกครอง
สิ่งใดเป็นเรื่องส่วนตัว เช่น การเลี้ยงเพื่อน พบปะญาติมิตร ควรให้อิสระ
2. ไม่ดูหมิ่น ไม่เหยียบย่ำว่าต่ำกว่าตน ไม่ดูถูกเรื่องตระกูล ทรัพย์ความรู้ การแสดงความคิดเห็น
ไม่กระทำเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวโดยไม่ปรึกษา ห้ามทุบตีด่าทอเด็ดขาด
3. ไม่นอกใจ ไม่ไปสมสู่กับหญิงอื่นในฐานะเป็นภรรยาเหมือนกัน เพราะเป็นการดูหมิ่นความเป็นหญิง
ของภรรยา ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ภรรยาทุกคนจะปลื้มใจที่สุด ถ้าสามีรักและซื่อตรงต่อตนเพียงคนเดียว
4. มอบความเป็นใหญ่ให้ คือ มอบให้เป็นผู้จัดการภาระทางบ้าน ไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องการครัว
การปกครองภายใน นอกจากเรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งภรรยาไม่อาจแก้ปัญหาได้
5. ให้เครื่องแต่งตัว ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงล้วนชอบแต่งตัว สนใจเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ถ้าได้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว สวย ๆ
งาม ๆ แล้วชื่นใจ ถึงจะโกรธเท่าโกรธ ถ้าได้เครื่องแต่งตัวถูกใจ ประเดี๋ยวก็หาย สามีก็ต้องตามใจบ้าง



หน้าที่ของภรรยาต่อสามี

1. จัดการงานดี จัดบ้านให้สบายน่าอยู่ จัดอาหารให้ถูกปากและทันตามความต้องการ จัดเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ
2. สงเคราะห์ญาติข้างสามี ด้วยการเอื้อเฟื้อ กล่าววาจาไพเราะ ให้ความช่วยเหลือตามฐานะที่จะทำได้
3. ไม่นอกใจ จงรักภักดี รักสนิทแน่นต่อสามีเพียงผู้เดียว
4. รักษาทรัพย์ให้ดี แต่ก็ไม่ตระหนี่ รู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น
5. ขยันทำงาน ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ไม่เอาแต่กิน นอน เที่ยว หรือเล่นการพนัน

ประเพณีแต่งงานของไทยเรา เวลาเจ้าบ่าวเจ้า สาวรับน้ำพุทธมนต์ มักจะสวมมงคลแฝดไว้
บนศีรษะดูคล้าย ๆ กับยึดคนสองคนไว้ด้วยกัน ความมุ่งหมาย นั้นคือ จะยึดคนทั้งสองไว้ไม่ให้แยกจากกัน
นั่นเป็นการยึดผูกเพียงภายนอกผิดเผิน ซึ่ง ช่วยอะไรไม่ได้จริง



พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ยึดเหมือนกัน แต่ แทนที่จะสอนให้ยึดด้วยด้าย ทรงสอนให้ยึด
ด้วยคุณธรรมที่เรียกว่า "สังคหะ" แทน การสงเคราะห์ที่ทั้ง สองฝ่ายปฏิบัติต่อกัน จะเป็นเงื่อน
ใจ 2 วง วงหนึ่ง คล้องไว้ในใจผัว อีกวงหนึ่งคล้องไว้ในใจ เมีย ถ้าคล้องให้เหมาะ ๆ แล้ว
ต่อให้มนุษย์หน้าไหนก็มาพรากให้จากกันไม่ได้ แม้แต่ความตายก็พราก ได้เพียงร่างกาย
ส่วนดวงใจนั้นยังคงคล้องกัน อยู่ชั่วนิรันดร์



ข้อเตือนใจอยู่อีกนิดว่า แม้บางคนตั้ง ใจแล้วว่า จะต้องยึดใจเอาไว้ แต่ครั้น ปฏิบัติจริง
ก็ไม่วายเขว พอผัวทำท่าจะหลงใหลนอกทาง กลับวิ่งไปหาหมอเสน่ห์ยาแฝด เสียเงินเสียทอง
เสียเวลา แต่แล้วก็เหลว เพราะทิ้งบ้านทิ้งช่อง ไปเฝ้า หมอ ข้าวปลาไม่รู้จักหุงหา ปล่อยให้บ้าน
รกเป็น เล้าไก่รังกา แทนที่จะคอยเอาใจผัว กลับไป กราบเท้าเอาใจหมอเสน่ห์เพื่อจะมาแข็งข้อ
เอากับผัว
สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที ที่ถูก ควรปักใจให้มั่นในศีลในทาน ในการทำ ความดี
ปฏิบัติหน้าที่ของเราไม่ยอมให้บก พร่อง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง


บันทึกการเข้า

..กำลังหาเพื่อนร่วมเรียน+ปรึกษา..pre degreeนิติศาสตร์รามปี2ครับ


หาเงินหลักหมื่น/เดือนได้ไม่ยาก หากท่านชอบถ่ายภาพ..สนใจสมัครที่ shutterstockได้เลย..คลิ๊ก!!ครับ. Huh?
 

nongtop
ผู้ช่วย Admin
member
*****

คะแนน682
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1433


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2014, 03:09:34 pm »

ทำไงดีเมื่อทะเลาะกับแฟน

คนสองคนอยู่ใกล้กัน ย่อมจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันได้ เปรียบเสมือนลิ้นกับฟันที่ยังมีกระทบกระทั่งกัน ดังนั้นเราจึงมี ข้อควรปฏิบัติเวลาคู่รักขัดแย้งกัน.. ที่คนรักกัน ควรจะอ่าน

หลายท่านต้องเคยผ่านสถานการณ์การทะเลาะกับคนใกล้ตัว อาจไม่ใช่แค่แฟนเท่านั้น แต่อาจจะเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัวที่รัก ขอแนะนำเทคนิคที่ควรกระทำ เวลาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อสร้างความปรองดองให้กับมาโดยเร็ว และไม่บานปลาย



 - การไม่พูดหรือไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโหมากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าทำเด็ดขาด คิดหรือรู้สึกอย่างไร ให้บอกออกไปดีกว่า

 - ทุกครั้งที่ทะเลาะกันกับคู่กรณี อย่าพูดจาหยาบคายหรือทำร้ายจิตใจ หรือดูถูกคนนั้นต่อหน้าผู้อื่น ลองนับ 1-10 ข่มอารมณ์ไว้ ไม่ควรพูดทุกอย่างที่คิดออกไป เพราะสิ่งที่พูดไปแล้ว ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้

 - ถ้าอยากเคลียร์โดยวิธีโทรศัพท์ไปหา แล้วอีกฝ่ายไม่รับ ลองส่ง เอสเอ็มเอส อีเมล หรือในปัจจุบันมีช่องทางที่หลากหลายอย่างทางโซเชียลเน็ทเวิร์ค เพื่อแสดงเจตนาในการสงบศึก

 - "ขอโทษ" คำง่าย ๆ ที่พูดแสนยาก แต่ก็มักได้ผล ลองลดทิฐิ แล้วใช้คำนี้ในการเริ่มเจรจา และเมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว ต้องรีบปรับความเข้าใจให้เร็วที่สุด

- ลองเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง ไม่พูดขัดจังหวะอีกฝ่าย ระหว่างเคลียร์ปัญหากัน และทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาหรือเธอพูด นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลงแล้ว ยังทำให้ผู้ฟังได้วิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีอีกด้วย

 - อย่านำอดีตมารื้อฟื้น เพราะจะทำให้ปัญหาไม่จบ การจมอยู่กับความผิดพลาดครั้งก่อน ๆ และนำมาพูดซ้ำทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นด้วย

 - สุดท้ายที่สำคัญมาก คือ นึกถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันเข้าไว้ อย่าทำให้ความขัดแย้งกันเพียงแค่ 1 นาที หรือ 10 นาที มาทำให้มิตรภาพหรือความรักที่มีให้กันมาเป็นปี ๆ ต้องพังทลาย.
บันทึกการเข้า

..กำลังหาเพื่อนร่วมเรียน+ปรึกษา..pre degreeนิติศาสตร์รามปี2ครับ


หาเงินหลักหมื่น/เดือนได้ไม่ยาก หากท่านชอบถ่ายภาพ..สนใจสมัครที่ shutterstockได้เลย..คลิ๊ก!!ครับ. Huh?
 
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2014, 06:30:05 pm »

ขอบคุณเนื้อหา สาระดีๆ จากน้องท๊อปครับ  HAPPY2!!  Smiley
บันทึกการเข้า
nongtop
ผู้ช่วย Admin
member
*****

คะแนน682
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1433


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2014, 07:05:01 pm »

 Cheesy THANK!!
บันทึกการเข้า

..กำลังหาเพื่อนร่วมเรียน+ปรึกษา..pre degreeนิติศาสตร์รามปี2ครับ


หาเงินหลักหมื่น/เดือนได้ไม่ยาก หากท่านชอบถ่ายภาพ..สนใจสมัครที่ shutterstockได้เลย..คลิ๊ก!!ครับ. Huh?
 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: