ขั้นตอนการซ่อมเพาว์เวอร์แอมป์เบื้องต้น

[หลง สุรินทร์]

1 เช็คฟิวส์ ต่างๆที่อยู่ในวงจรให้หมดก่อนที่จะรื้อวงจร และวิเคราห์ว่าเกิดจาอะไร (สวิตสำคัญทำให้ช่างหลงทางมานักต่อนักแล้วควรเช็คให้ดีนะครับ
2 วัดค่าความต้านทานของหม้อแปลงขดเข้าก่อน จะต้องมีค่าความต้านทาน( ถ้าไม่ค่าความต้านทานมีก็จัดหามาเปลี่ยนสะ)
3 เช็คไดโอดบริดว่าเสียหายหรือไม่
4 เช็ค tr เอ้าพุตว่าเสียหรือไม่
5 เช็คไดรเวอร์ว่าเสียหรือไม่ปกติวัดที่SPที่DC จะไม่ขึ้น AC ขึ้นตอนีที่เราเปิดเครื่องแล้วลงมาที่ 0 โวลต์ เมื่อใช้นิ้วเขี่ยที่อิพุตต้องขึ้ตามจังหวะที่เราทริกซ์เข้าไป
6 เมื่อเช็คเสร็จแล้วถึงขั้นตอนการประกอบ TR เอ้าพุตทุกตัวที่เราถอดออกต้องรองแผ่ไมก้าด้วย(ทาซิลลิโคนด้วย)
7 เมื่อประกอบเสร็จแล้วตรวจเคให้เรียบร้อยว่าถูกต้องหรือไม่
8 เสร็จอย่าพึ่งไปเอาลำโพงไปลอง ลองกับมิเตอร์เราก่อน วัดที่จุด SP ที่DC จะต้องได้0โวลต์แม้ว่าจะกรณีใดๆ และที่AC จะต้องขึ้นตามสัญญาณที่เราป้อนหรือทริกซ์เข้าไป
9  นวดลำโพงเลยครับตามจังหวะเพลงเลย ดึบดึบ ฮาฮา
10 รอเก็บตังตีพุงรอ แฮะ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็เสร็จ ค่าแรง_x_x_x_x__บาทอิอิอิ

[Nimit( Un )]

การตรวจซ่อม  ชุดเมนแอมป์  เบื้องต้น

1.ไฟออกที่จุดออกลำโพง   ไม่เป็น 0 V   โดยวัดได้เป็น  บวก   อาจเกิดจาก
            การตรวจเช็คเบื้องต้น
          ทรานซิลเตอร์  Q1,Q3  ช็อต
          ทรานซิลเตอรื Q2,Q4   เสีย
          ไอซีเสีย

2.ไฟออกที่จุดออกลำโพงเป็น  ลบ  
              การตรวจเช็คเบื้องต้น
         ทรานซิลเตอร์  Q2,Q4  ช็อต
         ทรานซิลเตอร์   Q1,Q3  ช็อต
           ไอซีเสีย
3.ไฟออกที่จุดออกลำโพง  เป็น 0  แต่เสียง  ไม่ดัง
             อาจเกิดจาก  R33 R34  ขาด

4.เสียงดังบี้   อาจเกิดจาก
            Output ทรานซิสเตอร์  ตัวใดตัวนึงเสีย
            ไอซีเสีย  หรือไม่มีคุณภาพ
             อาจจะต่อสาย  ขา E   B   สลับกัน


ผิดผลาดประการใดบอกด้วย................... ...........

      ขอเพี่ม นะครับ  R33-34 ตัวใดตัวหนึ่งขาดเสียงจะแหบ  แบบว่าแหบมหาเสน่ห์ เลยครับ       หลง สุรินทร์

[samasuk]

ขอบคุณ คุณหลง สุรินท์มากครับ ผมอยากถามเพิ่มเติมว่า TR เอาท์พุท มีวิธีการและขั้นตอนการตรวจวัดอย่างไรบ้างครับ
พอดีว่าผมไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรงน่ะครับ ความรู้พองูๆปลาๆ แต่ใจรักน่ะครับ
ผมก็อาศัยบอร์ดนี้ และเพื่อนๆพี่ๆในบอร์ดนี่แหละครับเป็นอาจารย์
จากที่ไม่รู้อะไรเลยจนตอนนี้สามารถตรวจซ่อมของเล็กๆน้อยๆได้บ้างแล้ว
หากคุณหลงจะช่วยอธิบายขั้นตอนการตรวจวัด TR เอาท์พุทให้ ก็จะเป็นพระคุณมากๆเลยครับ
ขอบคุณครับ

[samasuk]

ขอบคุณพี่นิมิตร ด้วยครับ พอดีตอบกระทู้คลาดกันไปนิดนึง

[หลง สุรินทร์]

                                                               นี่เป็นFET ครับ 
การวัดมอสFET

การทำงานของมอสเฟทเป็นแบบการอินดิวส์หรือเหนี่ยวนำสนามไฟฟ้า การวัดจะไม่ได้ผล หากมีสนามไฟฟ้าตกค้าง ก่อนทำการวัดมอสเฟททุกครั้งจะต้องชอร์ตสนามไฟฟ้าภายในตัวมอสเฟททิ้งให้หมดก่อน โดยใช้วิธีการชอร์ตขาทั้ง 3 เข้าหากัน

การวัดหาขาเกต

1. ให้ตั้งมิเตอร์ไปที่ย่านการวัดค่าความต้านทานเรนจ์ Rx1K หรือ Rx10K
2. ให้ทำการวัดขาของเฟททีละคู่จนครบ 6 ครั้ง จะพบว่ามีขาอยู่ 1 คู่ ที่ไม่ว่าจะวัดอย่างไรก็จะมีค่าความต้าน   
    ทานขึ้น นั่นหมายความว่าขาคู่นั้นคือขา D กับขา S
3. ส่วนขาที่เหลือคือขา G เพราะมอสเฟทถูกสร้างให้ G เป็นขาลอย คือไม่มีการต่อขาเกตเข้ากับเนื้อสารใดๆ
   เลย ดังนั้นเมื่อวัดเทียบกับขาอื่นๆ เข็มมิเตอร์จึงไม่ขึ้น

การวัดหาขาเดรนและซอร์ส

1. ให้ตั้งมิเตอร์ไปที่ย่านการวัดค่าความต้านทานเรนจ์ Rx1K หรือ Rx10K
2. วัดคร่อมไปที่ขา D และขา S เข็มมิเตอร์จะขึ้น จากนั้นให้ย้ายสายวัดสายใดสายหนึ่งไปแตะที่ขา G
3. จากนั้นให้นำสายวัดที่ไปแตะที่ขา G นำกลับมาจับที่ขาเดิม แล้วสังเกตุเข็มของมิเตอร์

        -  หากค่าความที่วัดได้มีค่าลดลงจากเดิมจนเข้าใกล้ศูนย์ แสดงว่าขานั้นคือขา D
        -  หากค่าความที่วัดได้มีค่าเพิ่มขึ้นจากเดิม แสดงว่าขานั้นคือขา S

การหาชนิดของมอสเฟท

เมื่อทราบขาของมอสเฟตแล้วว่าขาใดคือขา D และขา S ให้สังเกตุสายของมิเตอร์ที่วัด

1.  ในกรณีที่วัดมอสเฟทชนิด เอ็น-แชนแนล
-   ขั้วบวกของมิเตอร์ (สายสีดำ) จะจับอยู่ที่ขา D ส่วนขั้วลบของมิเตอร์ (สายสีแดง) จะจับที่ขา S

2.  ในกรณีที่วัดมอสเฟทชนิด พี-แชนแนล
     -    ขั้วบวกของมิเตอร์ (สายสีดำ) จะจับอยู่ที่ขา S ส่วนขั้วลบของมิเตอร์ (สายสีแดง) จะจับที่ขา D

การวัดมอสเฟทว่าดีหรือเสีย

ลักษณะอาการเสียของมอสเฟทมีอยู่ 3 แบบ

1. โครงสร้างภายในชอร์ทถึงกัน
           ลักษณะแบบนี้เมื่อเราทำการวัด 6 ครั้งจะมีมากกว่า 1 คู่ที่เข็มของความต้านทานแสดงค่าออกมา (เข็มของมิเตอร์ขึ้นมากกว่า 1 คู่ )

2. โครงสร้างภายในขาด
           ลักษณะแบบนี้เมื่อเราทำการวัด 6 ครั้งจะไม่มีคู่ใดเลยที่มีค่าความต้านทานแสดงให้เห็น (เข็มมิเตอร์ไม่แสดงค่าความต้านทานขึ้นเลย)

3.  โครงสร้างภายใน(Bias)บกพร่อง
           - ให้วัดคร่อมที่ขา D และขา S  1 ครั้ง จนเข็มมิเตอร์ชี้ค่าความต้านทานขึ้น
           - จากนั้นนำสายวัดที่ขา D มาแตะที่ขา G แล้วนำกลับไปแตะที่ขา D อีกครั้ง
           - ให้สังเกตุเข็มมิเตอร์ ถ้าค่าความต้านทานมีค่าลดลงจากเดิมจนมีค่าเข้าใกล้ศูนย์ จากนั้นเข็มมิเตอร์ค่อยชี้ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นจนเข้าใกล้ค่าเดิม แสดงว่ามอสเฟทนั้นดี   แต่ถ้าแตะที่ขา G แล้วค่าความต้านทานไม่เปลี่ยนแปลง แสดงว่ามอสเฟทตัวนั้นโครงสร้างการไบอัสภายในเสีย


การทำงานของมอสเฟทเป็นแบบการอินดิวส์หรือเหนี่ยวนำสนามไฟฟ้า การวัดจะไม่ได้ผล หากมีสนามไฟฟ้าตกค้าง ก่อนทำการวัดมอสเฟททุกครั้งจะต้องชอร์ตสนามไฟฟ้าภายในตัวมอสเฟททิ้งให้หมดก่อน โดยใช้วิธีการชอร์ตขาทั้ง 3 เข้าหากัน

[หลง สุรินทร์]

                                                              FET  ภาค 2
การวัด เพาเวอร์มอสเฟท       ต่อครับ......วิธีง่ายๆ
จับเจ้าตัวนอนหงายหันหน้ามาตรง ๆ ห้อยขาลงข้างล่าง  ส่วนใหญ่ ขาจะเรียง  G - S - D ตามลำดับ
(การวัดนี้ เป็นตัวอย่างการวัดเฟทแบบ N)

1. วัด G - S  โดยตั้งมีเตอร์  x10k  วัดสลับสายไป มา  ต้องได้อินฟินิตี้ทั้งสองครั้ง
2. วัด D - S  โดยตั้งมีเตอร์  x1
     2.1 ต่อสาย + เข้า ขา S ,  สาย -  เข้าขา  G
     2.2 ย้ายสาย - ไปที่ขา D ทันที  ผล เข็มมิเตอร์ จะขึ้นเกือบสุด แล้วค่อย ๆ ลดลงจนสุด
3. วัดสลับสาย
    3.1 ต่อสาย - เข้า S,  ต่อสาย + เข้า  G
     3.2 ย้ายสาย - ไป D,  ย้ายสาย + ไป  S   เข็มไม่กระดิกเลย
    3.3 ย้ายสลับสายระหว่าง  D - S  เข็มจะขึ้น ชี้ที่ความต้านทานต่ำ ๆ

[samasuk]

คม ชัด ลึก จริงๆครับ แล้วหลักการนี้ใช้ได้กับ TR เอาท์พุททุกชนิดหรือเปล่าครับ
หรือว่ายังมีแยกย่อยไปตามชนิดของ TR ถ้ามีอีกก็รบกวนคุณหลงลงบทความนี้ต่อเลยนะครับ
เป็นความรู้กับผมอย่างมากเลยครับ
ขอบคุณมากๆเลยครับ

[หลง สุรินทร์]

2ข้อความนี้เป็น เฟตครับ  TR ผมยังไม่ได้ลงให้ครับ รอแป๊บหนึ่ง ได้แน่ครับ

[Nimit( Un )]

1.การหาชนิด ทรานซิสเตอร์

1.1 เริ่มจากการตั้งย่านการวัดที่ x10

1.2 นำสายมิเตอร์จับขาใดขาหนึ่งของทรานซิสเตอร์ ไว้

1.3 สายมิเตอร์อีกเส้น จับวัดสองขาที่เหลือ ที่ละขา พร้อมกับสังเกต ค.ต.ท ที่วัดได้ว่า ต่ำหรือสูง เราพอประมาณค่า ค.ต.ท ไดโอดที่ดีว่า ประมาณเท่าไรได้ เราสนใจ ค.ต.ท ต่ำ 2 ครั้ง หากไม่ได้ลองเปลี่ยน จับขาอื่นๆที่เหลือ

1.4 ถ้า สายวัดสีแดงจับขา 1 และสายวัดสีดำจับ ขา 2,3 มี ค.ต.ท ต่ำ แสดงว่า ขา1 เป็นขา B

ขา 2,3 เป็น C หรือ E (ต้องหาอีกครั้ง) และทรานซิสเตอร์ เป็นชนิด PNP

1.5 ถ้า สายวัดสีดำจับที่ ขา 1 และ สายแดง จับที่ขา 2,3 มีค.ต.ท ต่ำ แสดงว่า ขา 1 เป็นขา B

ขา 2,3 เป็น C หรือ E (ต้องหาอีครั้งหนึ่ง) และทรานซิสเตอร์เป็นชนิด PNP

การหาขา C และ E ที่เหลือหลังจากเรารู้ขา B และ ชนิดทรานซิสเตอร์แล้ว

2.ทรานซิสเตอร์ ชนิด NPN

ใช้สายวัดสีดำจับที่ขา 2 สีแดง จับที่ขา 3 และจับขา B Short กับสายสีดำที่จับขา2 หรือใช้ปากคีบก็ได้ สังเกต ค.ต.ท เปลี่ยนเป็น ลดลงเป็น ค.ต.ท ต่ำหรือไม่

ถ้า ค.ต.ท สูงเหมือนเดิม ขาที่สายสีดำจับอยู่ ขา 2 เป็นขา E ส่วนขา 3 ที่เหลือเป็น ขา C ให้กลับสายมิเตอร์ ใหม่แล้วทำซ้ำ

ถ้า ค.ต.ท ต่ำ แสดงว่าขา 2 ที่สีดำจับอยู่เป็นขา C ขาที่เหลือเป็นขา E

ทิป 1. หากการวัดไม่เป็นตามที่กล่าวมา อาจเป็นไปได้ว่าโครงสร้างทรานซิสเตอร์ เป็นแบบพิเศษ เช่น มี R คร่อม C-E หรือ คร่อม BC หรือเป็นทรานซิสเตอร์แบบ Darlington ต่อดู datasheet ประกอบด้วย

2.อาจเป็นอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ทรานซิสเตอร์ ให้ดูวงจรหรือ datasheet ประกอบ

3.การทริก ขา B ด้วยไฟ DC สำหรับทรานซิสเตอร์ขนาดเล็ก ตั้งมิเตอร์ที่ X10 ถ้าตั้ง X1 ทำให้ทรานซิสเตอร์เสียได้ หรือ power transistor ควรตั้งที่ X1 หากตั้ง X10 ทรานซิสเตอร์ไม่ทำงาน และวัดไม่ได้ผล ที่แน่นอน

[หลง สุรินทร์]

 

[samasuk]

ขอบคุณพี่ทั้งสองครับ  แต่มิเตอร์ผมพังซะแล้ว เพิ่งจะพังเมื่อกี้นี่เองครับ
เอาตัวอะไรมาวัดมันก็ขึ้น ศูนย์โอมห์หมดเลย  ตั้งค่าตั้งแต่ X1-X10k แล้วเอา R มาวัดมันก็ขึ้นศูนย์ลูกเดียว
สงสัยเลิกงานเย็นนี้ต้องไปซื้อมิเตอร์ตัวใหม่ซะแล้ว

[Nimit( Un )]

อ่านเป็นแนวทาง   พอวัดเป็นล่ะก็    พริบตาเดียว
       555  วันนี้มีความสุข  ไม่ค่อยเหงา

[samasuk]

ตอนนี้ผมมีที่ซ่อมค้างอยู่ตัวหนึ่งครับ เป็นแอมป์รถยนต์ มี 4 แชนแนล  1-2 นั้นเสียงมาครับแต่ไม่เต็ม ส่วน 3-4 นั้นไม่มีปัญหา
ที่ว่ามาไม่เต็มคือ ผมลองที่ละคู่ 1-2 และ 3-4   แชนแนลที่ 1-2 นั้น มีเสียงแต่ดังแบบไม่ค่อยเต็มใจ แล้วเวลาปรับ เลเวล
(ไอ้ลูกบิดดำๆที่อยู่ตรงตูดแอมป์น่ะครับ)ขึ้นสูงๆจะมีเสียงดังแอ้ดดด  และไม่มีเสียงเพลง แล้วพอปรับลงต่ำๆเสียงจะพร่าไปเลย
ต้องปรับให้อยู่ตรงกลางเสียงถึงจะมา แต่ก็ไม่เต็มอยู่ดี
แต่แชนแชล 3-4 นั้นปรับขึ้นลงแค่ใหนเสียงก็ยังใสอยู่  ผมถอด R ที่คุณหลงบอกว่าถ้าขาดเสียงจะแหบมหาเสน่ห์ ออกมาวัด
มันก็ไม่เสีย ถอด TR 2N5551 มาวัดก็ไม่เสีย แล้วผมลองถอด FET มาวัดตามตำราของพี่ทั้งสองก็ไม่เสียครับ
แต่ผมเอาแบบชัวร์ๆเลยคือ ถอด FET ของ แชนแนล 3-4 มาไส่แทนแล้วลองเปิดดู ก็ยังมาไม่เต็มเหมือนเดิม ยังอั้นๆอยู่
แต่พอผมเอา FET ของข้างที่เสียงบี้ไปไส่แทนข้างที่เสียงดี เสียงก็ยังดีเหมือนเดิม
แล้วแบบนี้ผมต้องไปเริ่มที่ตรงใหนครับ  ที่ผมตั้งประเด็นเอาคือ 1.ภาคจ่ายไฟ  2 .ไดร์เวอร์
แล้วพี่ๆทั้งสองคิดว่าผมควรจะดูตรงใหนครับ
ขอบคุณมากครับ

[หลง สุรินทร์]

1-2 เป็น L-R  3-4 น่าจะเป็นเซนเตอร์  ใช้งานผิดประเภทมั้งถึงเสีย     น่าจะเป็นTR เสียอยู่ข้างหนึ่งหรือไม่ก็ R ขา Cไม่ E  ขาด ค่าจะเป็นโอมห์ต่ำๆ   เท่าที่ผมเคยซ่อมมา 



ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

[Nimit( Un )]

ขับคู่หน้า  คู่หลัง
ลองเช็คภาคไดร์  ดูครับ 
  บางทีพบ R ยืดค่า    ลองวัดเทียบดูก็ได้

[samasuk]

ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ทำงาน  กว่าจะได้เช็คอีกทีก็ต้องเย็นๆ
พรุ่งนี้ผมจะมารายงานผลครับ
 

[samasuk]

เมื่อคืนนี้ผมถอดพวก R โอมห์ต่ำๆที่อยู่แถว TR เอาท์พุทมาวัดแล้วทุกตัว ปรากฎว่าไม่เสียครับ
ทีนี้ก็เหลือแต่ภาคไดรเวอร์ครับ ปัญหาก็คือผมไม่แน่ใจว่าไดรเวอร์ของมันคือตรงใหนน่ะครับ
ช่วยแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ

[samasuk]

หรืออันนี้ครับ

[samasuk]

อันนี้ข้างที่เสียครับ ผมถอด R มาวัดแล้วไม่เสียครับ

[Nimit( Un )]

เช็ค C  กับ TR  ตัวเล็กๆ  ที่อยู่ใกล้ TR  O/P

ดูโวลุ่มด้วย  ล้าง  หรือเช็คดูใช้งานได้ดีหรือเปล่า

[samasuk]

อันนี้หรือเปล่าครับ ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ
พี่ๆอย่าเพิ่งรำคาญนะครับ บอกตรงๆว่าอยากรู้อยากเป็นครับ ซักนิดนึงก็ยังดี

[Nimit( Un )]

 
วงจรดูเป็นตัวอย่าง   ครับ   ไว้ศึกษา

[samasuk]

ครับผม คืนนี้เวลาเดิมครับ ผมจะลุยต่อ ขอบคุณมากครับ
พรุ่งนี้รายงานสถานการณ์ต่อครับ

[Nimit( Un )]

การซ่อมเบื้องต้น  แบบมือสมัครเล่น

ข้อมูลเครื่อง
   ไฟเลี้ยง    +/-  35
    Tr  Output    2N3055
     ภาคไดร์   BD139- BD140


อาการเสีย
  มีไฟออกที่จุดต่อลำโพง
1.ทำการปลดสาย TR  Output  ออก  แล้ววัดไฟที่จุดออกลำโพงอีกครั้ง  ว่ายังมีไฟออกอีกหรือไม่
        การวัดไฟ  วัดได้ที่จุดต่อสายลำโพง   หรือหากมีวงจรป้องกันลำโพง  ให้มาวัดที่จุด Sp  ที่แผ่นวงจร  โดยที่วัดเทียบ  กราวด์
2.หากมีไฟออก  ทำการตรวจเช็ควงจร  เช่น  Tr  ไดร์ฯ  และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
3.หากถอด Tr  แล้ว   ไม่พบว่ามีไฟออกที่จุดต่อลำโพง  แสดงว่า  TR  output  เสียครับ  ลองวัดทดสอบดู

[Nimit( Un )]

อินทรีเกรตแอมป์..........................เสียครับ  มีเสียงออกแตกๆ

แบบมือสมัครเล่นครับ

อาการเสีย    มีเสียงออกแตกๆ  แหบๆ  เหมือนจะขาดใจ

ตัวอย่างที่ซ่อมมาแล้ว

1.เมื่อเราซ่อมอาการไฟออกที่จุดต่อลำโพงไปแล้ว  ยังพบว่าเสียงไม่ดี  ออกแตก

อันนี้จะยกตัวอย่างที่พึ่งซ่อมให้ลูกค้ามาให้ดูครับ

     การทดสอบเครื่องของผม   ผมใช้ลำโพงขนาดเล็ก  นำสายมาต่อที่จุดออกลำโพง   แล้วเปิดเสียงดู  ฟังดูว่าที่ที่ได้ยิน  ดีหรือไม่  ไม่เร่งเสียงให้ดังมากนะครับ  พอแค่จับใจความได้    (กรณีนี้คือ  ไม่ได้ต่อ  Tr Output  นะครับ  กันมันพัง  จากกรณีบางอย่าง

       เมื่อพบว่าเสียงผิดปกติ   ก็ทำการตรวจเช็ค
เกิดจาก  R  0.33 โอห์ม  5 W    ขาดครับ    เมื่อพบอาการแบบนี้ก็ทำการตรวจเช็คดู


เป็นตัวอย่างมาฝากเล่นๆ  นะครับ     หากมีวงจรจะแนบให้ดูเป็นแนวทางอีกที


ปล.  แบบว่ามือสมัครเล่น  นะครับ  อย่าคิดอะไรมาก  (ก็แค่นี้แหละ  รับเงินมานักแล้ว  อิๆๆๆ)

[kan]

ท่านหลงไม่มีใครเช็คเหมือนผมเลยซักกระท่าน บางทีไปเล่นบ้านเพื่อน ข้างบ้านเพื่อนยกมาให้ซ่อม ไม่มีโอกาศใช้มิเตอร์เลย มีแต่หัวแร้ง

[หลง สุรินทร์]

ผมก็เหมือนกับท่านเหมือนกัน บางทีมันเป็นวงจรเดิมๆ ซึ่งทำมาเป็นประจำ เราสังเกตอาการเอาแล้วก็สุ่มเปลี่ยนอะไหล่เอา วงจรขยายก็ไม่ไมอะไรมาก มีสัญญาณมาก็มีสัญญาณออก ถ้ามีสัญญาณมาไม่มีสัญญาณออกก็ผิดปกติแล้ว

แต่วิธีที่ผมทำนั้นมันจะช่วยประหยัดเวลาการหาอุปกรณ์ที่เสียลงและประหยัด ค่าใช้จ่ายลง

[Nimit( Un )]

 

[samasuk]

สำเร็จแล้วครับ รื้อจะเป็นจะตายที่ใหนได้ ลายปริ๊นท์ขาด มันขาดแบบตามดครับ คือลายทองแดงขาดแล้วแต่สีที่เคลือบไว้ยังอยู่
ล่อซะเหนื่อย