เปิดดาวเทียมช่อง FMTV ดูครับพี่เล็ก หรือ
http://www.fm-tv.tvที่นี่เขาทำเกษตรกรรมธรรมชาติมานานแล้ว และเผยแพร่ความรู้รวมทั้งมีอบรมฟรีตลอด
ที่เชียงใหม่ก็อยู่ที่..พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ หมู่ ๕ บ้านแม่เลา ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง
2. เครือข่ายชุมชนอโศก กลุ่มนี้นับเป็นกลุ่มที่เข็มแข็ง และมีพลังมาก เป็นผู้ปฏิบัติธรรม รับประทานอาหารมังสวิรัติ บริโภคพืชผัก และอาหารที่ไม่มีสารตกค้าง และ
โดยที่เป็นกลุ่มบุคคล ที่มีแนวทางการดำรงชีพที่ยึดหลักการพึ่งตนเอง แสวงหาความรู้ในทุกๆ ด้าน เพื่อการประกอบอาชีพที่สุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่น รวมทั้งสัตว์
สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ได้เริ่มศึกษาด้วยการทดลองปฏิบัติการเกษตรแบบธรรมชาติมาประมาณ 20 ปีเศษ จนมีความชำนาญ สามารถถ่ายทอด
ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร นักพัฒนาชนบทกลุ่มต่างๆ ที่สนใจไปดูงานฝึกอบรมในปัจจุบันญาติธรรมเหล่านี้ได้ออกไปตั้งกลุ่มทั่วทุกภาคของประเทศ
จำนวนประมาณ 40 กลุ่ม มีจำนวนสมาชิกที่ทำเกษตรอินทรีย์จำนวน 5,200 คน ทุกกลุ่มจะทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อการพึ่งตนเองในด้านอาหาร ที่ปราศจากการ
ปนเปื้อนของสารพิษ นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ความรู้ และประสบการณ์เกษตรอินทรีย์แบบธรรมชาติทางสื่อสารมวลชนหลายประเภท เช่น วิทยุ วารสาร สิ่งพิมพ์
รวมทั้งการจัดทำวีดีทัศน์ วีซีดี จำนวนมาก โดยมีสมณะเสียงศีล ชาตวโร (โทร. 0-1835-6108) เป็นแกนในการดำเนินงานที่เข็มแข็ง จนได้รับการยกย่องจาก
กระทรวงศึกษาธิการให้เป็น
ครูภูมิปัญญาไทยด้านการเกษตร
ในบรรดากลุ่มเครือข่ายชุมชนอโศกที่ได้ตั้งหน่วยการผลิตเกษตรไร้สารพิษ ซึ่งถือว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ เรียกชื่อเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย
(คกร.) ในปี 2535 พลตรีจำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นแกนสำคัญของเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทยคนหนึ่ง ได้ตั้งมูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง นับเป็นบุคคลแรกที่
ประกาศต่อสาธารณะว่าจะทำเกษตรธรรมชาติ และได้บุกเบิกและริเริ่มจัดทำ “โครงการเกษตรอยู่รอด” ที่กิ่งอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่ประมาณ 270ไร่
โดยจัดให้เกษตรกรที่สมัครใจในการดำรงชีพด้วยการเกษตรแบบธรรมชาติ รายละ 10ไร่ ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิด ใช้หลักการพึ่งพาตนเอง ปลูกพืชหลากหลาย
ทุกอย่างที่ใช้เพื่อการบริโภค และเพื่อขายเป็นผลผลิตไร้สารพิษ ในเครือข่ายร้านมังสวิรัติในกรุงเทพฯ นับเป็นการที่ทำให้สังคมได้เริ่มมีความตระหนักถึงประโยชน์ของการ
กสิกรรมแบบธรรมชาติที่สามารถผลิตผลที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างมาก ถึงแม้ในขณะนั้นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยังมีความไม่มั่นใจว่าการทำการเกษตรแบบธรรมชาติจะเป็น
ไปได้ในทางปฏิบัติก็ตาม แต่เนื่องจากการริเริ่มของญาติธรรมของชุมชนอโศกโดยการนำของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับในความซื่อสัตย์สุจริต
มีส่วนทำให้ประชาชนเริ่มสนใจการเกษตรในแนวทางของธรรมชาติมากขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของการศึกษาดูงานที่จะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง อันจะ
เป็นประโยชน์ต่อการที่จะได้เข้าใจการปฏิบัติเกษตรอินทรีย์อย่างดีและได้ผล คกร. มีหน่วยงานที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งจะหาข้อมูลของกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของ
ประเทศดังนี้คือ กรุงเทพฯ เลขที่ 58/1 ถนนเสรีไทย คันนายาว กรุงเทพฯ 10230 มีนายธำรง แสงสุริยจันทร์ เป็นผู้ประสานงาน โทร. 0-1441-0938, 0-2906-0160-5
อุบลราชธานี : ศูนย์ฝึกอบรมกสิกรรมไร้สารพิษ ชุมชนราชธานีอโศก หมู่ที่ 10 ต. บุ่งไหม อ. วารินทร์ชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190 มีผู้ติดต่อประสานงานคือ นายราเมศ -
เขียวเขตรวิทย์ โทร. 0-4524-7222 นางสาวดินนา โคตรบุญอารยะ โทร. 0-1528-2399 นายร้อยแจ้ง จนดีจริง โทร. 0-967-2363
ที่มา :
http://it.doa.go.th/organic/organic/goverment.htmlรึอ่านนี่ดูครับ ถ้ายังไม่เชื่อว่าการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์จะทำได้และได้ผลดี
ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนามีเงินล้านเพราะใช้หลัก เศรษฐกิจพอเพียงนาอินทรีย์นิเวศน์ของคุณชัยพร พรหมพันธุ์รู้สึกจะมีพี่ b.chaiyasith สมาชิกใน LSV ทำเกษตรผสมผสานอยู่นะครับ