จะฉิบหายเป็นอันมากแล...ท่านขุนน้อย 2 เมษายน 2555
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 21, 2024, 04:13:07 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จะฉิบหายเป็นอันมากแล...ท่านขุนน้อย 2 เมษายน 2555  (อ่าน 3522 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: เมษายน 03, 2012, 01:51:56 pm »

เมื่อถึงเดือนเมษา...ไม่ว่าหนุ่มบ้านนา หรือหนุ่มกรุง ดูจะออกไปทาง หมองๆ ด้วยกันทั้งนั้น
เพราะไม่เพียงแต่ข้าวแพง หมากแพง น้ำมันแพง ชักหน้าไม่ถึงหลัง
หนี้สินอีนุงตุงนังไปแทบทุกราย แถมยังเกิด ยุทธสงคราม เกิด ไฟกลางเมือง
 ชนิดผู้คนต่าง ฉิบหายเป็นอันมากแล ดังที่เริ่มเห็นๆ กันอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้
ไม่ว่ายะลา ปัตตานี หรือหาดใหญ่ สงขลา บาดเจ็บกันเป็นร้อยๆ ไปเมื่อวันวานที่ผ่านมานี้...

ขนาดพยายามโหมประโคมกันถึงกรรมวิธีใหม่ๆ ตัวบุคคลใหม่ๆ ที่ถูกส่งไปแก้ปัญหาภาคใต้เป็นการเฉพาะ
คุยโวถึงการเจรจาลับ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องลับๆ ไม่น่าจะเอามาคุยโว คุยโม้ ให้เสียเวลา
เสียรังวัดกันโดยใช่เหตุ แต่อย่างว่ามันอาจจะเกิดจากการ ตั้งโจทย์ผิด ตั้งแต่แรก
ขณะกำลังมุ่งไปสู่การแยกดินแดน การตั้งเขตปกครองตนเอง แนวโน้มของสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้
ดูๆ มันชักไปไกล ถึงขั้นใกล้ๆ จะเป็น อิสลาม ซูเปอร์สเตท หนักเข้าไปทุกที
คือไม่ใช่เป็นเรื่องการแย่งชิงดินแดน การยึดครองพื้นที่ระดับเล็กๆ อีกต่อไปแล้ว
แต่หนักไปทางการเชื่อมโยงระหว่างโลกทั้งโลกเอาเลยก็ไม่แน่...

อย่างไรก็ตาม...เอาเป็นว่า บรรยากาศบ้านเมืองซึ่งกำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ในปีนี้
ดูๆ มันชักจะหนักหนา สาหัสไม่น้อยไปกว่าเมื่อปี สองปีที่แล้ว ปี 2553 นั้น...
ต้องกลายเป็น สงกรานต์เลือด เพราะพวกที่ชอบเลือด กระหายเลือด
ดันเอาเลือดออกมาเท จนสุดท้ายต้องนองเลือดกันจนได้ ปีที่ผ่านมา 2554
จะเป็นเพราะคราบเลือดมันสร้างความเลอะเทอะ สกปรก รกรุงรัง
หรือยังไงก็มิอาจทราบได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจึงส่ง น้ำ มาล้าง เลือด
เล่นเอาตกน้ำป๋อมแป๋มกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง แต่สำหรับสงกรานต์ปีนี้
มันจะออกหัว ออกก้อย แบบไหน อย่างไร อีกไม่นานคงพอได้รู้ๆ กันโดยถ้วนหน้า...

  แต่ด้วยเหตุที่ วันมหาสงกรานต์ ปีนี้ ตรงกับวันศุกร์พอดี
แถมยังเป็น ศุกร์ที่ 13 ซะอีกต่างหาก
ถ้ายึดตามหลักความเชื่อเท่าที่เคยมีมาแต่ดั้งเดิม โดยลักษณะแนวโน้ม
มันอาจไหลเลื่อนไปในทางคล้ายๆ กับบรรยากาศปี 2549 เอาเลยก็ไม่แน่!!!
เพราะในปี 2549 นั้น วันมหาสงกรานต์ ก็ตรงกับวันศุกร์เช่นเดียวกัน
 คือตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 เวลา 6 นาฬิกา 30 นาที 31 วินาที
แตกต่างไปจากวันศุกร์ที่ 13 เมษาปีนี้ก็ตรงที่เศษส่วนเวลา
ซึ่งมีส่วนทำให้อากัปกิริยาของพระนาง กิมิทาเทวี นางสงกรานต์ประจำวันศุกร์
มีลักษณะอาการแตกต่างกันไปบ้าง

คือวันศุกร์ หรือวันมหาสงกรานต์ ปี 2549 นั้น
พระนาง กิมิทาเทวี ท่านเสด็จในท่าประทับยืน อยู่บนหลังควาย
หรือบนหลังมหิงสา ซึ่งถ้าหากยึดกันตามคำทำนายเท่าที่เคยมีมาแต่ดั้งเดิม
ลักษณะการเสด็จประทับในท่านี้
ย่อมส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน เจ็บไข้ ความอ่อนแอ ปวกเปียก
อันอาจนำมาซึ่งการ เสียของ หรือ เสียคน เอาง่ายๆ
แต่ด้วยเศษส่วนเวลาที่ผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง
วันศุกร์ที่ 13 อันเป็นวันมหาสงกรานต์ปีนี้ พระนาง กิมิทาเทวี
ท่านจึงต้องเสด็จมาในท่าประทับนอน
หรือนอนมาบนหลังมหิงสาแบบสบายๆ เพราะไม่ว่าจะนอนกันในแบบลืมตา
โดยสิทธิการิยะท่านว่าไว้ว่า ผู้คนจะอยู่เย็นเป็นสุขในขั้นตอนสุดท้าย
หรือถ้านอนในแบบหลับตา ย่อมหมายถึงพระมหากษัตริย์จะทรงเจริญรุ่งเรืองยิ่ง...


ด้วยเหตุนี้คำทำนายในวันสงกรานต์ปีนี้ จึงได้ออกมาในแนวดังที่พอทราบๆ กันไปแล้ว นั่นก็คือ...
“วันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ข้าวน้ำ ลูกหมาก รากไม้ ทั้งหลายจะอุดม แต่จะแพง
ฝนและพายุชุม จะเจ็บตากันมากแล,
วันเสาร์เป็นวันเนา ข้าวปลาจะแพง จะเกิดเพลิงกลางใจเมือง
ขุนนางจะต้องโทษ ข้าวจะตายฝอย น้ำจะน้อยกว่าทุกปี
สมณะ ชี พราหมณ์ จะร้อนใจนัก ผักปลาจะแพง
และวันอาทิตย์เป็นวันเถลิงศก พระมหากษัตริย์จะรุ่งเรืองด้วยพระเดชานุภาพ
จะมีชัยชนะแก่ศัตรูทั่วทิศาทั้งปวงแล
นางสงกรานต์ไสยาสน์ลืมเนตร ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข...”
แต่ก็นั่นแหละ ในคำทำนายอย่างไม่เป็นทางการ หรือไม่ อย่างไร
 ก็มิอาจสรุปได้ ใครก็ไม่รู้นำเอาข้อความบางประโยคเข้าไปต่อท้าย
ดังที่ทราบๆ กันไปแล้วว่า...

 “บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะมีไฟกลางเมือง จะฆ่ากัน
จะนิราศจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแล...”

  ก็เอาเป็นว่า...เรื่องของ คำทำนาย นั้น คงเป็นแค่ ความเชื่อ
ที่ว่ากันไปตามหลักเกณฑ์พิธีกรรมทางโหราศาสตร์เท่าที่ได้มีการรวบรวม
ถ่ายทอดแปลความกันมา ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ย่อมได้
ไม่เชื่อแล้วจะลบหลู่หรือไม่คิดจะลบหลู่ คงแล้วแต่กรรมใครก็กรรมมัน
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถ้าหากนำเอาแนวโน้มบรรยากาศของบ้านเมืองในปี 2549
มาเปรียบเทียบกับปีนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็ใครคงมีแต่ต้อง หนาวว์ว์ว์ ไปด้วยกันทั้งนั้น
เพราะด้วยเหตุที่ปี 2549 นั้นจะเป็นด้วยยุทธสงคราม ไฟกลางเมือง การฆ่ากัน
นิราศจากกันหรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะคิด
มันเลยส่งผลให้บิ๊กบังต้องออกมาฆ่าตัดตอน
ก่อการรัฐประหารขึ้นมาดื้อๆ...

แต่ก็อย่างว่า...จะด้วยเศษส่วนเวลาที่มันแตกต่างกัน
หรือด้วยเหตุที่ท่าประทับของนางสงกรานต์ ผิดแผกกันไปคนละท่า
ในเมื่อนางสงกรานต์ปี 2549 ดัน ยืนมา ไม่ได้ นอนมา
เลยอาจส่งผลให้บิ๊กบัง กลายสภาพเป็นบังเละอยู่ในทุกวันนี้
คือด้วยความอ่อนแอ ปวกเปียก จึงมีผลให้ประชาชนพลอยต้องเจ็บไข้เดือดร้อนตามไปด้วย
หรือทำให้การปฏิวัติเสียของและผู้ทำการปฏิวัติเสียคน
โดยเฉพาะในช่วงหลังๆอาจถึงขั้นเสียสุนัขไปเลยก็ว่าได้!!!
เมื่อดันยกตีนขึ้นมาลูบหน้าตัวเองซะเฉยๆ
เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า หรือเมื่อขี้เสร็จแล้ว
ดันเอาหัวตัวเองมุดลงไปในชักโครก อะไรทำนองนั้น...

  สรุปรวมความแล้ว...ถึงแม้นางสงกรานต์ปี 2549
กับนางสงกรานต์ปีนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน
แต่ด้วยความแตกต่างของวัน เวลา เงื่อนไข เหตุปัจจัย ที่ยังไงๆ ก็คงไม่เหมือนกัน
ย่อมทำให้บรรยากาศสงกรานต์ปีนี้แตกต่างไปจากอดีตอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
แต่มันจะนำมาซึ่ง

 “เกิดยุทธสงคราม มีไฟกลางเมือง จะฆ่าฟันกัน
จะนิราศจากกัน หรือจะฉิบหายเป็นอันมาก”

หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่อยากจะภาวนาเอาไว้แต่เนิ่นๆ
เพื่อให้คำทำนายมีโอกาสได้เป็นจริงขึ้นมาซักกะที
นั่นคือคำทำนายที่ว่า ขุนนางจะต้องโทษ นั่นแล
โดยเฉพาะขุนนางในกรมสรรพากรงี้ ดีเอสไองี้ อัยการงี้ ฯลฯ
ถ้าจะต้อง นิราศจากกัน หรือต้อง ฉิบหายเป็นอันมาก แล้ว
รับรองได้ว่าบ้านเมืองและประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุขเป็นอันมาก...แล....

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก William Pitt ...
“Where Law ends, tyranny begins -

เมื่อสิ้นสุดกฎหมาย ทรราชก็เริ่มต้น...”.



*****************************************************

ยู่สี-ยู่ไล้

    ท่านขุนน้อย

3 เมษายน 2555

อุณหภูมิอากาศช่วงเข้าสู่เดือนเมษา. ...ยังคงร้อนไปตามปกติ
ไม่ว่าภาคเหนือ ภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ใต้ และ กทม.
ระดับอุณหภูมิโดยเฉลี่ยออกจะใกล้เคียงกัน คืออยู่ที่ระดับ 32 องศาไปจนถึง 37 องศา
แต่บางช่วง บางจังหวะ ในบางเขต บางพื้นที่ อาจจะร้อนปรี๊ดไปถึง 40-42 องศา
หรือระดับซึ่งเคยทำให้พวกฝรั่งร้อนตายกันเป็นหมื่นๆ คน เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว...
                                 -----------------------------------------
    อิทธิพลของพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป วูบๆ ไหวๆ ไป-มา ในช่วงระยะนี้
ดูจะไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบใดๆ
ในทางที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ อากาศ มากมายนัก
พายุโซนร้อนชื่อว่า ปาข่า ที่ขึ้นฝั่งเวียดนามเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลงไป
ม้วนต้วนเข้าไปเขตกัมพูชา ส่วนประเทศไทยคงมีแค่ลมกระโชกกันบ้าง
ในบางช่วง บางระยะ ที่หนักอยู่หน่อยเห็นจะเป็นจังหวัดน่าน
ลมพายุได้ฉีกกระชากหลังคาบ้านใครต่อใคร พังพินาศกันไปพอสมควร...
                                -------------------------------------------
    ส่วนถ้าเป็นอุณหภูมิการเมืองนั้น...คงต้องสรุปว่าอยู่ในช่วง
บ้าไปตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการประจำ
ยังคงออกอาการเลอะๆ เทอะๆ หาแก่น หาสาระ หาหลักการ อะไรมิได้
มีแต่ หลักกู ล้วนๆ ส่งผลให้หย่อมความกดอากาศต่ำ และความใฝ่ต่ำ
นำเอาความเบื่อหน่าย แพร่สะพัดปกคลุมไปในหมู่ประชาชน
โดยเฉพาะบรรดาประชาชนเสียงข้างน้อยทั้งหลาย
แต่เมื่อประชาชนเสียงข้างมากยังคง บ้าไปตามปกติ เสียงข้างน้อยจะไปทำอะไรได้
มีแต่ต้องกล้ำกลืน ฝืนทน บ่นระบายความรู้สึก ระหว่างกันและกัน พอให้ได้หายบ้าไปวันๆ...
                         ----------------------------------------------------
    โดย ธรรมชาติ ก็คงเป็นเช่นนี้นั่นแหละท่าน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ อากาศ หรือธรรมชาติการเมือง
สุดท้าย...มันก็เป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นพรรค์นั้นแหละ
ถ้าว่ากันตามภาษาจีนที่ ท่านพุทธทาสฯ ท่านแปลความเอาไว้ ก็คงต้องใช้คำว่า ยู่สี-ยู่ไล้
 และถ้าหันมานึกถึงคำนี้บ่อยๆ ท่องจำคำคำนี้ให้มากๆ เข้าไว้
โดยสิทธิการิยะท่านว่าไว้ว่า อาจพอได้หายบ้ากันไปเอง คือออกไปทาง ปลง
อันเนื่องมาจากการเข้าถึงความจริงแท้ ที่ชี้ให้เห็นถึง ความไม่เที่ยง ของทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิตก็แล้วแต่
แต่ถ้าดัน เกิด ขึ้นมาแล้ว ย่อมมีแต่ต้องเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย ดับสูญไป
ตามความไม่เที่ยง ตามกฎอนิจจลักษณะ
ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นจักรวาล โลก สังคม
หรือก่อนที่ชาติต่างๆ จะอุบัติขึ้นมาในโลกใบนี้...
                              ----------------------------------------------------
    คิดซะได้ยังงี้...มันก็พอผ่อนๆ คลายๆ ลงไปมั่ง คือไม่ว่าจะเป็น ตัวชั่ว ตัวฉิบหาย
แบบสุดฤทธิ์ สุดเดช ยังไงก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็คง ตายไปเอง
ของมันนั่นแหละ ถึงจะด่า หรือไม่ด่า ยังไงๆ มันก็ต้องตายไปตามกฎธรรมชาติ
อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปเสียเวลา
นั่งด่า นั่งแช่งชักหักกระดูก ให้มันเมื่อยปาก เมื่อยกราม ของเราเอง
แถมยังอาจบ้าตามมันไปด้วย สู้หันมาเพ่งพินิจ พิจารณา ลมหายใจเข้า-ออก
ท่องคำว่า ยู่สี-ยู่ไล้ ไปเรื่อยๆ จู่ๆอาจบรรลุนิพพาน
หลุดออกจากวงจรวัฏจักรแห่งการเกิด-การดับ หรืออย่างน้อย...
อาจไม่ต้องเกิดมาร่วมวัฏสงสาร
กับบรรดาประชาชนเสียงข้างมากในประเทศไทยทุกวันนี้อีกต่อไป
สบายสุธี ไปอีก 3-4 ชาติเป็นอย่างน้อย...
                            --------------------------------------------------------
    แต่ถ้าหากมัวแต่ไปนั่งด่า นั่งแช่งชักหักกระดูกมันอยู่บ่อยๆ
อันนี้...ถึงจะมันซ์ซ์ซ์ปาก แต่น่าวิตก น่ากลัวอยู่ไม่น้อย
คือมันอาจทำให้อารมณ์ ความรู้สึก หรือ จิต มันหมกมุ่น นัวเนีย
อยู่กับไอ้พวก ตัวชั่ว ตัวฉิบหาย ชนิดไม่คิดจะไปไหนเอาเลย
เกิดชาติหน้าขึ้นมาใหม่...คราวนี้อาจต้องลำบากอีกเที่ยว หันไปมองข้างๆ เปล
 เห็นอธิบดีดีเอสไอ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมอัยการ ฯลฯ
ตลอดไปจนนักการเมืองแต่ละราย ดันนอนยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ
ตามมาให้ด่าอีกหนึ่งชาติเต็มๆ เพราะดันไปหมกมุ่น นัวเนีย ไม่ยอมปล่อย
ไม่ยอมวาง ให้มันพ้นๆ ไปจากตัว ไม่ว่าจะชื่อสุธี
หรือไม่ชื่อสุธีก็เถอะ คงไม่อยากกลับมาเกิดใหม่กันอีก 3-4 ชาติโดยเด็ดขาด...
                             ------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...พระท่านถึงได้มีคำสวด คำสร้อยต่อท้าย ย้ำแล้ว ย้ำเล่า เอาไว้เสมอ
ทำนองว่า...สัตว์ทั้งหลายผู้เป็นผู้ร่วมเกิด ร่วมทุกข์ อย่าได้เบียดเบียน
จองเวร จองกรรม กันและกันเลย จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด
อะไรประมาณนั้น คือท่านคงกลัวว่า...เผลอๆ อาจต้องเกิดมาร่วมใช้ชีวิต
กับไอ้พวกตัวชั่ว ตัวฉิบหาย เหล่านี้จนได้ ถ้าหากไม่คิดปล่อยวาง
ไม่ขอให้มันเกิดตามทางที่มันต้องการ จู่ๆ มันตามมานอนยิ้มเผล่อยู่ข้างเปลกันอีก 3 ชาติ 4 ชาติ
ก็เป็นอันว่าไม่มีสิทธิหนีไปนิพพานได้โดยเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น สู้อยู่ห่างๆ ปล่อยให้มันไปตามทางของมัน
ทางที่มันเห็นเป็นความสุข ความสนุกสนาน ความอิ่มเอม เปรมปรีดิ์
ตามสัญชาตญาณของสัตว์ ที่ยังไม่สามารถยกระดับความเป็นมนุษย์
ให้ถึงพร้อมได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง...
                                ------------------------------------------------------
    สรุปเอาเป็นว่า...ก็อยู่ๆ กันไปแล้วกันนะท่าน ในเมื่อธรรมชาติวิปริต ผิดเพี้ยน
ใจคนย่อมต้องวิปริต ผิดเพี้ยน ไปบ้างเป็นธรรมดา ในภาวะที่โลกทั้งโลกยังเสื่อม
แล้วประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮา ซึ่งเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของโลก
จะไม่ให้มันรอดพ้นความเสื่อม สดใส ดีงาม ไปในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ด้านมันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ
การหันมาดำรงตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงามอย่างจริงๆ จังๆไม่ให้เสื่อมไปตามโลก
น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะสุดท้าย ไม่ว่ามันจะชั่วไปได้ถึงขั้นไหน
เลวแบบไร้ที่ติเพียงใด มันย่อมต้อง ยู่สี-ยู่ไล้ หรือต้องตายของมันไปเอง...นั่นแล...
                            --------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก บิชอบ ฟูลตัน เจ.ชีน...
มนุษย์เราเกิดมาพร้อมด้วยมือที่กำแน่น เตรียมที่จะบุกรุก
และกอบโกย แต่เวลาชีวิตออกจากร่าง
 มือทั้งสองของเราจะแบออก ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เราต้องการ
ไม่มีสิ่งใดที่วิญญาณจะนำติดตัวไปได้เลย...
                            --------------------------------------------------




ใกล้จะถึง สงกรานต์-ปีใหม่ไทยในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า
วันก่อนก็เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับประกาศมหาสงกรานต์ ปี พ.ศ.2555 ออกมา
ซึ่งประกาศมหาสงกรานต์นั้นในด้านหนึ่งก็จะเป็นในเชิง คำทำนาย
และสำหรับปีนี้เนื้อหาคำทำนายในประกาศมหาสงกรานต์ก็เป็นประเด็นวิพากษ์กันไม่น้อยอีกแล้ว...

เช่น บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน

รวมถึงคำทำนายที่ว่า จะเกิดเพลิงกลางใจเมือง

ทั้งนี้ จากข่าวเกี่ยวกับประกาศมหาสงกรานต์ปี 2555 ที่มีออกมา
ที่บางหน่วยงานรัฐระบุว่ามิใช่เป็นหน่วยงานที่จัดทำนั้น โดยสังเขปคือ
วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 เม.ย. เวลา 19.46 น. 12 วินาที
ปีนี้นางสงกรานต์นามว่า กิมิทาเทว ทรงพาหุรัด ทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม
ภักษาหารกล้วยน้ำ หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพิณ
เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรมาเหนือหลังมหิงส์ (กระบือ) เกณฑ์พิรุณศาสตร์ปีนี้ ฝนจะตก 500 ห่า
ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า ในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ในมหาสมุทร 100 ห่า
และตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อวาโย (ธาตุลม)
น้ำพอประมาณ พายุจัด เกณฑ์นาคราชให้น้ำ นาคราชให้น้ำ 3 ตัว ฝนต้นปีมาก
กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อย เกณฑ์ธัญญาหารชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในไร่นาจะมีด้วงแมลงรบกวน
ข้าวกล้าจะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแล

วันมหาสงกรานต์เป็นวันศุกร์ คำทำนายคือ ข้าวน้ำ ลูกหมากรากไม้ทั้งหลาย จะอุดม
แต่จะแพ้เด็ก ฝนและพายุชุม จะเจ็บตากันมากนักแล, วันเสาร์เป็นวันเนา
คำทำนายคือ ข้าวปลาจะแพง จะเกิดเพลิงกลางใจเมือง ขุนนางจะต้องโทษ
ข้าวจะตายฝอย น้ำจะน้อยกว่าทุกปี สมณชีพราหมณ์จะร้อนใจนัก ผักปลาจะแพงแล

เพราะมีประเด็นร้าย ๆ เยอะ เสียงวิพากษ์จึงแรง

และไม่ว่าคำทำนายประกาศสงกรานต์ดังที่ว่ามาจะมาจากแหล่งใด
ใช่ฉบับจริงฉบับสมบูรณ์แล้วหรือยัง เมื่อมองสถานการณ์ต่าง ๆ ในไทยระยะนี้
 และแนวโน้มสถานการณ์ที่อาจจะเกิด หลายคนก็อาจจะอดคิดไม่ได้ว่ามีสิทธิแม่น-มีสิทธิเป็นไปได้
ซึ่ง ระยะนี้ในกรุงเทพฯ เมืองหลวงเกิดเหตุร้ายเกี่ยวกับเพลิงหรือไฟเหตุใหญ่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งไฟไหม้อาคารสูงในกรุงเทพฯ ไฟไหม้โรงแรมทำให้ชาวต่างชาติบาดเจ็บและเสียชีวิต
วันก่อนก็มีเหตุเกี่ยวกับไฟจากรถบรรทุกแก๊สที่น่าอกสั่นขวัญระทึก!!
และเมื่อมองที่สถานการณ์การเมือง ก็มีประเด็นที่อาจเป็นชนวนทำให้เกิด
ไฟมิคสัญญีการเมือง เหมือนที่เคยเกิด??

เรื่องจะปรองดองก็ยังแป้ก ซ้ำยังทำให้เกิดขัดแย้ง

ทั้งนี้ เมื่อลองย้อนดูคำทำนายของนักโหราศาสตร์ ก็ดูจะสอดคล้องกับคำทำนาย
ในประกาศสงกรานต์ที่มีข่าวออกมา อย่างเช่น...อ.เก่งกาจ จงใจพระ โหรตำราไทย
เคยชี้ดวงการเมืองปีนี้ไว้บางช่วงบางตอนว่า...
ทุกฝ่ายทางการเมืองที่ถูกกล่าวหามีคดีขึ้นศาลจะถูกตัดสินอย่างเฉียบขาด”
ซึ่งคำทำนายสงกรานต์ปีใหม่ไทยที่เป็นข่าวก็มีประเด็น
ขุนนางจะต้องโทษ ซึ่งจะหมายรวมถึงขุนนางทางการเมืองหรือเปล่า...ก็น่าคิด??

และยิ่งน่าคิด...กับคำทำนายดวงการเมือง ดวงเมือง-ดวงอุบัติภัย ในปี 2555
ของนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ ที่บางช่วงบางตอนว่าไว้ว่า...ห้วงเวลา

ตั้งแต่ 5 เม.ย. เป็นต้นไป เหตุการณ์แรงมากทุกด้าน...
แผ่นดินถูกแบ่งเป็นสอง ค่อนข้างแรงกว่าที่ผ่านมา...
เกิดการสูญเสียชีวิตจากน้ำมือมนุษย์เอง จากความรุนแรงทางการเมือง... ปี 2555
อุบัติภัยเปลี่ยนโฉม มีทั้งน้ำ ลม ดิน ไฟ แบ่งเดือนกันเกิด...
พสุธาจะดูดกินเลือดคน เกิดความเสียหายสูญเสียจำนวนมาก...


นอกจากนี้ อ.มาศ เคหาสน์ธรรม โหรตำราจีน ก็พยากรณ์อุบัติภัยปี 2555
ในเรื่องเพลิงหรือไฟ เอาไว้ว่า...ปีนี้พลังของน้ำส่งพลังยั่วไฟให้ลุกเป็นระยะ
เหมือนกับพรมน้ำลงบนกองไฟ ไฟลุกท่วมกระชากเป็นระยะ ที่เรียกกันว่าน้ำยั่วไฟ...
อีกทั้งยังพยากรณ์ในช่วงเดือน เม.ย. 2555 ไว้ว่า...ระวังสภาพอากาศแปรปรวน
วิบัติภัยเข้าใกล้ตัว แผ่นดินถล่มแผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่น
เครื่องบินอาจตก ผู้เป็นใหญ่ระวังเข้ากองเพลิง ระวังตึกสูงเกิดติดไฟ...
ซึ่งก็มีส่วนที่สอดคล้องกับคำทำนายประกาศสงกรานต์ที่มีข่าว

จากคำทำนายในส่วนต่าง ๆ ดังที่ว่ามาข้างต้นนี้ บางคนอาจจะเชื่อมาก
บางคนอาจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางคนอาจจะเชื่อน้อย
และบางคนอาจจะไม่เชื่อ ซึ่งก็ย่อมจะสุดแท้แต่วิจารณญาณ
อย่างไรก็ดี หากจะลองพิจารณาจากที่หลาย ๆ โหรเคยว่าไว้ว่า...

อัน คำพยากรณ์-คำทำนาย นั้น ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็เปรียบเสมือน
คำเตือนเพื่อมิให้ประมาท ซึ่งจะเป็นนักการเมือง ประชาชนทั่วไป
 พิจารณาในมุมนี้ไว้สักนิดก็ไม่น่าเสียหาย เมื่อไม่ตั้งตนอยู่บนความประมาท
ก็เท่ากับจะมีความระมัดระวัง มีสติตื่นรู้ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ ...

จะได้สอดคล้องกับคำทำนายเกี่ยวกับนางสงกรานต์ปีนี้

นางสงกรานต์นอนมาเหนือหลังกระบือแต่ก็ลืมตาตื่นรู้

คำทำนายในส่วนนี้คือ...ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข

ที่มาจาก : http://www.dailynews.co.th/article/223/18902


*************************************

www.youtube.com

พิมพ์คำว่า ดวงเมืองไทย ปี 2555

 ping!


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!