ตัวกล้องเอง มันจะเป็นพาหะ เชื้อโรคไปสู่คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ผ่านทาง Memory card ครับผม รวมถึง memory ในตัวกล้องเองด้วย แต่มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับตัวกล้องครับ เหมือนกัน ๆ กับยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกแน้วนำมาสู่คนนั่นแหละครับ ยุงไม่ได้ตายเพราะเชื้อนั้นแต่จะนำมาสู่คนได้
แล้วทำไมถึงแนะนำให้ ทำการ scan ใน safe mode นั้น อธิบายได้ดังนี้ครับ
เพราะเนื่องจาก การทำงานของโปรแกรม Spybot Search & Destroy และ Ad-aware จะใช้วิธีค้นหาสปายแวร์ที่อยู่ในเครื่องของคุณโดยดูจากไฟล์รวมรายชื่อ adware และ spyware โดยโปรแกรมจะสามารถลบไฟล์ต่างๆ ภายใต้สิทธิ์ที่ได้รับการอนุญาตจากผู้ใช้ แต่ในกรณีที่ไฟล์ (ซึ่งอาจหมายถึง Spyware) ที่กำลังทำงานอยู่ โปรแกรมจะไม่สามารถลบไฟล์พวกนี้ออกไปได้
แต่เมื่อคุณเริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย Safe Mode ระบบปฏิบัติการ Windows จะโหลดไดรเวอร์ และไฟล์อื่นๆ ให้น้อยที่สุด ซึ่งการรันโปรแกรม Ad-aware และ Spybot ในกรณีนี้จะให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า เนื่องจากมันจะสามารถกำจัดสปายแวร์ที่อาจจะเคยทำงานก่อนหน้านี้ออกไปได้
ก่อนหน้านี้ ผมเคยกำจัด Spyware ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพนักงานคนหนึ่งในบริษัท ซึ่งพบว่า มีอยู่หลายไฟล์ทีเดียวที่ไม่สามารถกำจัดออกไปได้ด้วยโปรแกรม Ad-aware และ Spybot แต่เมื่อเข้าสู่ Safe Mode ผมก็สามารถลบพวกมันออกไปได้
ปกติคุณสามารถบู๊ตเครื่องให้เข้าไปใน Safe Mode ได้ด้วยการกดปุ่ม F8 ระหว่างที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน แต่ถ้าไม่เวิร์ก ให้ลองกดปุ่ม Ctrl ระหว่างบู๊ต หรือตรวจสอบคู่มือเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ (ซึ่งมักจะหาไม่เจอ)
อันที่จริงแล้ว จากประสบการณ์ผมสามารถกำจัด Spyware ที่อยู่ในเครื่องได้ด้วยการบู๊ตเครื่องปกติ น้อยครั้งมากที่พบว่า ต้องใช้ Safe Mode ในกรณีนี้ ผมแนะนำให้คุณรันโปรแกรม Ad-aware และ Spybot ด้วยการบู๊ตปกติ ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น จึงค่อยใช้วิธีบู๊ตเข้า Safe Mode ก่อนรันโปรแกรมพวกนี้
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ คุณควรจะอัพเดตโปรแกรม Spybot และ Ad-aware บ่อยๆ ก่อนใช้พวกมันด้วย การดาวน์โหลดโปรแกรมทั้งสองมาติดตั้ง ไม่ได้หมายความว่า มันได้รับการอัพเดตแล้ว ดังนั้นคุณควรสั่งให้มันอัพเดต Spyware ก่อนรันจะดีกว่าครับ
http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=125.0