ยังไงเราก็ต้องตายกันทุกคน.... แล้วทำไงดี!
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ยังไงเราก็ต้องตายกันทุกคน.... แล้วทำไงดี!  (อ่าน 3892 ครั้ง)
don ♥1,500
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน288
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 356


งานนี้..ลุยลูกเดียว

donrakna@hotmail.com
อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 06:55:16 pm »

ยังไงเราก็ต้องตายกันทุกคน.... ฟังๆดูแล้วก็ใจหาย   แต่มันก็เป็นสิ่งแน่นอน 
             ความตายเป็นทุกข์มั๊ย?
                 แน่นอนเป็นทุกข์
             แล้วมีทางรอดไม๊ ?   
                 ขอตอบว่ามีเช่นกัน!  นั่นคือความพ้นจากทุกข์
            ทำยังไงถึงจะพ้นจากทุกข์?
                 พระพุทธเจ้าทรงบอกไว้หมดแล้ว 

  www.watnapp.com

  และนี้เว็ปที่รวบรวมคำจากปากพระพุทธเจ้าโดยตรง  เราต้องรีบศึกษาโดยเร็ว  ซึ่งวันก่อนได้มีโอกาสเปิดดูรายกายทูไนโชร์ก่อนปีใหม่ปี54  ช่วงทอร์คโชร์  ซึ่งได้นิมนต์พระอาจารย์คึกฤทธิ์   โสตฺุิถิผโล  มาบรรยาย  ดูจบเลยต้องไปหาดูเทปย้อนหลังที่เคยมาบรรยายไว้อีกหลายๆเทป  ถ้าเราได้มีโอกาสเปิดดู   พระอาจารย์ก็ได้บอกถึงการปฏิบัติให้ถึงความดับด้วยเช่นกัน  นี่แหละคือวิธีปฏิบัติให้ถึงความไม่ตาย  ซึ่งมาจากคำพูดจากปากพระพุทธเจ้าโดยตรงโดยที่เราไม่ต้องศึกษาจากใครอื่นอีกเลยในเรื่องความพ้นทุกข์    ยิ่งดูยิ่งเข้าใจ  ยิ่งศึกษาในคำพระศาสดายิ่งศรัทธา  ไม่เบื่อเลย    ทั้งหมดนี้จึงขอหยิบมาแนะนำโดยทั่วกันครับ Wink Wink


บันทึกการเข้า

ตื่นๆๆๆๆ

b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 10:04:01 am »

ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาฝาก
ความตายถ้าฟังแบบคนงกทำแต่งานมุ่งหาแต่เงิน ไม่เคยพัก ไม่เคยให้โอกาสใคร (กูเอาก่อน กูไปก่อน )
ความตายก็มาเยือนโดยไม่รู้ตัวหรือรู้อีกทีก็พิกาลนอนรอวันตาย(ตายทั้งเป็น) แต่ความตายที่เป็นอนิจจัง
คือตายแน่นั้น มีอยู่2อย่าง
- อย่างแรกตายเสียก่อนทั้งๆที่ยังหายใจอยู่ เรียกว่าตายจากกิเลส ตายจาก
ความอยากได้ทั้งหลายทั้งปวง ตายแบบนี้ต้องดับความอยากที่ไม่พอดี ดับที่ใจ รู้ทันว่ามันจะอยากโน่น
อยากนี่ แล้วคิดว่าไม่รู้จะเอาไปทำไร ตายแล้วเอาไปไม่ได้ สั่งสมสิ่งที่ตายแล้วเอาไปได้คือบุญ ขัดเกลา
นิสัยตัวเองด้วยการให้ ให้ทุกอย่างที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ในที่สุดความอยากก็จะค่อยหมดไป ตายแบบนี้
เป็นแนวทางของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ซับซ้อนและไม่ยากแต่คนสอนพยายามให้วกวนจนชาวบ้านนั่งหลับ
ก็ยังเข้าไม่ถึง

-ตายอีกอย่างคือตายทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าตาย(คนอื่นคิดให้แทน)ตัวเองไม่เคยคิด ไม่เคยเตรียมตัว คิดแล้ว
ใจหาย แต่คิดแล้วก็ลืม กลัวอย่างอื่นตลอดเวลา กลัวจน กลัวไม่ได้สิ่งที่หวัง กลัวจะช้าไป กลัวว่าสมบัติ
ที่มีอยู่จะไม่มีคนรักษา กลัวไม่ติดอันดับความความรวย กลัวคนแย่งงาน(นักการเมือง)กลัวประชาชนถูกกดขี่
(คอมมิวนิสท์) กลัวทุกอย่างที่ขวางหน้า
พอตายเข้าจริงๆไม่มีโอกาสรู้เลย เรียกว่าตายทั้งทุกข์ อย่างเดียวที่นำติดตัวไปคือคาวมทุกข์(นรก)
Cheesy
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 10:06:50 am »

ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาฝาก
ความตายถ้าฟังแบบคนงกทำแต่งานมุ่งหาแต่เงิน ไม่เคยพัก ไม่เคยให้โอกาสใคร (กูเอาก่อน กูไปก่อน )
ความตายก็มาเยือนโดยไม่รู้ตัวหรือรู้อีกทีก็พิกาลนอนรอวันตาย(ตายทั้งเป็น) แต่ความตายที่เป็นอนิจจัง
คือตายแน่นั้น มีอยู่2อย่าง
- อย่างแรกตายเสียก่อนทั้งๆที่ยังหายใจอยู่ เรียกว่าตายจากกิเลส ตายจาก
ความอยากได้ทั้งหลายทั้งปวง ตายแบบนี้ต้องดับความอยากที่ไม่พอดี ดับที่ใจ รู้ทันว่ามันจะอยากโน่น
อยากนี่ แล้วคิดว่าไม่รู้จะเอาไปทำไร ตายแล้วเอาไปไม่ได้ สั่งสมสิ่งที่ตายแล้วเอาไปได้คือบุญ ขัดเกลา
นิสัยตัวเองด้วยการให้ ให้ทุกอย่างที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ในที่สุดความอยากก็จะค่อยหมดไป ตายแบบนี้
เป็นแนวทางของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ซับซ้อนและไม่ยากแต่คนสอนพยายามให้วกวนจนชาวบ้านนั่งหลับ
ก็ยังเข้าไม่ถึง

-ตายอีกอย่างคือตายทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าตาย(คนอื่นคิดให้แทน)ตัวเองไม่เคยคิด ไม่เคยเตรียมตัว คิดแล้ว
ใจหาย แต่คิดแล้วก็ลืม กลัวอย่างอื่นตลอดเวลา กลัวจน กลัวไม่ได้สิ่งที่หวัง กลัวจะช้าไป กลัวว่าสมบัติ
ที่มีอยู่จะไม่มีคนรักษา กลัวไม่ติดอันดับความความรวย กลัวคนแย่งงาน(นักการเมือง)กลัวประชาชนถูกกดขี่
(คอมมิวนิสท์) กลัวทุกอย่างที่ขวางหน้า
พอตายเข้าจริงๆไม่มีโอกาสรู้เลย เรียกว่าตายทั้งทุกข์ อย่างเดียวที่นำติดตัวไปคือคาวมทุกข์(นรก)
Cheesy

 HAPPY2!!  Smiley  Cheesy
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 02:29:44 pm »

ขอต่ออีกนิดนะเรื่องความตาย
พระพุทธเจ้าท่านก็กลัวการเกิดแก่เจ็บตาย จึงค้นหาวิธีไม่ตาย พบว่ามีวิธีเดียวที่ไม่ตาย คือไม่เกิด
แล้วทำไงไม่เกิด แล้วเกิดมาได้อย่างไร ทำไมต้องเกิด พระองค์พบว่ามนุษย์เิกิดแต่กรรม คือเกิดเพราะมีกรรม
เป็นตัวกำหนด
แล้วกรรมคืออะไร  กรรมคือสิ่งที่มนุษย์ก่อขึ้นในขณะมีชีวิตไม่ว่าทำดีหรือทำชั่วเป็นกรรมทั้งสิ้น แค่คิดก็เป็นแล้ว
-กรรมดีคือการกระทำที่ทำแล้วไม่เป็นทุกข์มีแต่สบายใจ มีแต่ความเบิกบาน โดยเฉพาะการให้ เสียสละทรัพย์
สิ่งของ ให้ธรรมะ ให้ฯลฯ
-กรรมชั่วคือการกระทำที่ทำแล้วผู้กระทำนอนไม่หลับ ติดอยู่ในใจตลอดเวลา คนปกติเขาไม่ทำกัน ทำแล้วไม่มีวันลืม
คิดขึ้นมาเมื่อไรก็เกิดทุกข์
กรรมเป็นตัวกำหนดว่าต้องเกิดมาเพื่อวิบากกรรมนั้น ทุกผู้ทุกนามเมื่อต้องเกิด จึงมีความตายรออยู่เบื้องหน้า
ความตายของมนุษย์และสัตว์บนโลก มีความตายเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดแล้ว เป็นการดับและเกิดตลอดเวลาเรียกว่า
เกิดดับๆเหมือนแสงเทียน เพียงแต่เรามองไม่เห็นช่องว่างเท่านั้น
พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นหาวิธีไม่เกิด ด้วยการบำเพ็ญจนบรรลุธรรม(อริยะสัจ4)
-ทุกข์
-เหตุแห่งทุกข์
-หนทางแห่งการดับทุกข์
-ผลที่ได้ดับทุกข์(องค์ประกอบ)(มรรค)
ส่วนการจะประฎิบัติอย่างไรให้เิกิดผล ไม่ขอลงในรายละเอียด เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เมื่อปฎิบัติได้
แล้ว จะพบวิธีไม่เกิด เมื่อนั้นก็ไม่ต้องตายและไม่ต้อง..รอ..แล้วทำไงดี


การได้ความเป็นมนุษย์นั้นยากเป็นของยาก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จะรุ่งเรื่องในโลกก็เป็นของยาก ความเป็นมนุษย์นี้เธอได้แล้ว เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
ถาวร-LSVteam
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน955
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7987



อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 03:15:23 pm »

อย่าไปคิดอะไรมาก ที่เวลาตายถึงที่ตายมันก็ต้องตาย
  ไม่ถึงที่ตาย วายชีวาวาต ใครพิฆาตเข่นฆ่า ไม่อาศัล 
  ถึงที่ตายวายชีวัน ไม่จิ้มฟันทิ่มเหงือก ดันเสือกตาย
บันทึกการเข้า

ยังสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทยไมพอกันอีกหรือ 
 ผู้ใดคิดร้ายให้ร้ายพระองค์ มันจงพินาจฉิบหายในเวลาอันใกล้
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: