1:)
Code ในการ Reset Password ของ Wallet ใน 6600
หากจำ Password เข้า Wallet ไม่ได้ เราสามารถ Reset Wallet ได้โดย
กด *#7370925538#
มันจะให้ใส่รหัสโทรศัพท์ หากยังไม่เคยเปลี่ยน ก็เป็น 12345
แต่ข้อมูลใน Wallet จะหายหมดนะครับ มันเป็นระบบป้องกันของ Wallet
2
ความสามารถที่โปรแกรมนี้ทำได้คือ :
การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง (Background Picture) ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปมาได้ในแต่ละ Profile เลย
สามารถใช้ภาพพื้นหลัง เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ (เฉพาะ Professional)
ปรับเปลียนรูปแบบสี (Theme) ของหน้าจอได้ถึง 6 สี
สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรม screen saver ได้ (หากมีการติดตั้งโปรแกรม screen saver ไว้)
ปรับเปลี่ยนเสียงในการปลุกของนาฬิกา หรือเสียงเตือนในโปรแกรมปฎิทิน (เฉพาะ Professional)
การ Lock ปุ่มกดแบบอัติโนมัติ (เฉพาะ Professional)
ตั้งการทำงานของ Bluetooth (เฉพาะ Professional)
ตั้งการเปิดปิดของไฟหน้าจอ (เฉพาะ Professional)
ตั้งการทำงานของโปรแกรมอื่นๆ (เฉพาะ Professional)
สามารถกำหนดการเปิดใช้โปรแกรมอื่นๆ ที่ปุ่มตัวเลขได้
สามารถตั้ง Profile แยกจาก Profile ปกติให้แตกต่างกันได้ในขณะที่โทรศัพท์กำลังชาร์จไฟหรือไม่ได้ชาร์จไฟ
มาดูตัวอย่างการใช้งาน Extended Profiles Professional กันครับ
หน้าตา Icon ของ eProfile เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมนี้ขึ้นมาจะเห็นส่วนประกอบของโปรแกรม 2 ส่วนคือ
1. Tab Profile : เป็นส่วนที่จะกำหนดค่าต่างๆ ให้กับ Standard Profile ของเครื่อง
2. Tab Schedules : เป็นส่วนที่ใช้ในการตั้งตารางการทำงานของแต่ละ Profile ซึ่งการตั้งตารางการทำงานสามารถตั้งได้หลายๆ ช่วงเวลาตามที่เราต้องการเลย
มาดูการทำงานของ Tab Profiles กัน
เมื่อกดเลือกที่เมนู Option ก็จะเห็นเมนูหลักของตัวโปรแกรมใน Tab ดังนี้
1. เมนู Activate : กำหนดให้ Profile ที่เลือกอยู่ทำงาน
2. เมนู Activate for... : กำหนดให้ Profile ที่เลือกอยู่ ทำงาน ตามช่วงเวลาที่กำหนด
3. เมนู Personalise จะมีเมนูย่อยอีก 3 เมนู ดังนี้
- เมนู Advanced : กำหนดค่าต่างๆ ใน Profile
- เมนู Standard : เปิด Profile ที่มากับเครื่อง
- เมนู Automatic : กำหนดการทำงานอัตโนมัติสำหรับอุปกรณ์ Charger
4. เมนู Schedules : เปิดไปที่ Tab Schedules สำหรับตั้งตารางการทำงาน
5. เมนู About : รายละเอียดของโปรแกรม และ ผู้ผลิต
6. เมนู Add to Favourites : เพิ่ม Shortcut ให้ในเมนู Favorite
เมื่อกดเลือกเมนู Option -> Activate for...
เป็นการกำหนด Profile ให้ทำงานแบบเฉพาะกิจ
ตัวอย่างเช่น เรามีกำหนดการเข้าห้องประชุมแบบกระทันหัน โดยทราบว่าการประชุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การตั้งการทำงานก็เพียงแค่เลือก Profile Meeting แล้วเลือก เมนู Option -> Activate for... กำหนดค่าเป็น 01:00 ตัวโปรแกรมก็จะเปลี่ยน Profile ให้เป็น Meeting และเมื่อครบ 1 ชั่วโมงโปรแกรมก็จะกลับมาใช้ Profile ปกติต่อไป
เมื่อกดเลือกเมนู Option -> Personalise -> Advance
เป็นการตั้งค่าต่างๆ ของแต่ละ Profile ที่มีมากกว่า Standard Profile ซึ่งมีค่าที่จะสามารถตั้งได้ดังนี้
- Background image : ตั้งค่าภาพพื้นหลังให้ Profile ที่เราเลือก สามารถกำหนดให้แต่ละ Profile มี Background Image ไม่ซ้ำกันเลย
- Colour palette : ตั้งรูปแบบสี (Theme) ของหน้าจอในแต่ล่ะ Profile ซึ่ง มีได้ถึง 6 สี
- Screen saver : ตั้งการใช้งานของการถนอมหน้าจอ
- Clock alam tone : ตั้งเสียงปลุกของนาฬิกา
- Calendar tone : ตั้งเสียงเตือนของปฏิทิน
- Autolock keypad : ตั้งการป้องกันการกดปุ่มบน Keypad
- Bluetooth : ตั้งค่าการใช้งาน Bluetooth
- Blacklight : ตั้งการเปิดปิดไฟหน้าจอ
- Run application : ตั้งโปรแกรมที่จะให้ทำงานอัติโนมัติ เมื่อมีการเรียกใช้ Profile และถ้าหากมีการตั้งโปรแกรมที่ทำงานอัตโนมัติไว้ จะมีเมนูเพิ่มมาอีก 1 เมนูคือ (Auto close)
- Auto close : ต้องการให้โปรแกรมที่ทำงานอัตโนมัตินั้นๆ ปิดเองหรือไม่เมื่อเปลี่ยนไปเป็น Profile อื่น (เมนูนี้จะปรากฏเมื่อ มีการตั้งโปรแกรมในเมนู Run application ก่อน)
- Left selection key : กำหนดโปรแกรมที่จะเรียกใช้ด้วยปุ่มด้านซ้าย
- Right selection key : กำหนดโปรแกรมที่จะเรียกใช้ด้วยปุ่มด้านขวา
เมื่อกดเลือกเมนู Option -> Personalise -> Automatic
จะเป็นการกำหนด Profile ในขณะต่อสายชาร์จแบตเตอรี่หรือไม่ได้ต่อสายชาร์จแบตเตอรี่
- If charger connected : เมื่อต่อสายชาร์จแบตเตอรี่
- If charger disconnected : เมื่อไม่ได้ต่อสายชาร์จไฟแบตเตอรี่
มาดูกันในส่วนที่ 2 ของโปรแกรม eProfile คือ Tab Schedules
จะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับการตั้งตารางเวลาการทำงานของแต่ละ Profile
หากเราต้องการกำหนดเวลาการทำงานของ Profile สามารถทำได้ดังนี้
กดเลือกเมนู Option -> New schedule
จะเข้าสู่การกำหนดตารางเวลาโดยมีค่าที่ต้องปรับเปลี่ยนดังนี้
- Start time : กำหนดเวลาเริ่มต้นของ Profile
- Switch to profile : เลือก Profile ที่จะทำงานเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
- When : เลือกวันที่ต้องการให้ Profile นั้นทำงาน
- Back to Profile : กำหนด Profile ที่ต้องการใช้หลังจากช่วงเวลาที่ตั้งไว้หมดลง
ตามรูปจะเป็นการกำหนด ให้ Profile Silent เริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 9:00 PM จนถึงเวลา 6:00 AM หลังจาก 6:00 AM ไปแล้ว Profile General จะทำงานต่อเนื่องไป
โดยการตั้งค่าการทำงานจะมีการตั้งค่าดังนี้
- Start time = 09:00 PM
- Switch to profile = Silent
- When : Every Day
- Back to Profile : General
(เวลา 09:00PM-06:00AM น่าจะเป็นเวลาพักผ่อนจึงใช้ Profile Silent ครับ)
Tip : การตั้งช่วงเวลาเราไม่จำเป็นต้องตั้งจุดสิ้นสุดก็ได้ครับ แต่ควรตั้ง Profile ให้ครบรอบใน 1 วัน เช่น
โดยสร้างตารางการทำงานตามรูป
ตารางเวลาที่ 1 : เริ่มที่ 6:00 AM ตั้งให้เรียกใช้ Profile General
ตารางเวลาที่ 2 : เริ่มที่ 9:00 PM ตั้งให้เรียกใช้ Profile Pager
ตารางเวลาที่ 3 : เริ่มที่ 11:00 PM ตั้งให้เรียกใช้ Profile Silent
ตัวโปรแกรม eProfile ก็จะทำงานวนรอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกวัน สะดวกดีไม่ต้องมาเปลี่ยน Profile เองครับ
3
การติดตั้ง Rom เกม Famicom (*.nes)
นำ Rom เกม ที่ต้องการส่งเข้ามือถือ และนำ Rom ไปไว้ที่โฟลเดอร์ nesroms ที่โปรแกรมสร้างไว้ให้ หากต้องการติดตั้งไว้ที่ Phone Memory ให้นำ Rom ไปไว้ที่ c:\yewsoft\nesroms หรือนำไปไว้ที่ e:\yewsoft\nesroms เมื่อต้องการติดตั้งไว้ที่ MMC หากโปรแกรมไม่ได้สร้างโฟลเดอร์ไว้ให้สามารถสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมาเองได้
วิธีการเลือก Rom เกม และการเริ่มต้นการเล่น
เมื่อติดตั้งโปรแกรมและติดตั้ง Rom เกม เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเข้าสู่หน้าจอหลักของโปรแกรมให้ทำการเลือก Rom เกม ที่ต้องการเล่นได้ที่เมนู Roms ก็จะเข้าสู่หน้าจอให้เลือก Rom ตามแหล่งที่ติดตั้ง Rom (Mobile, MMC, All) เลือกที่ Mobile คือการเลือก Rom ที่ติดตั้งไว้ในส่วน Phone Memory หรือเลือกที่ MMC คือการเลือก Rom ที่ติดตั้งไว้ที่ MMC และเลือกที่ All คือการให้แสดง Rom ที่ติดตั้งไว้ที่ Phone Momory และ MMC เมื่อทำการเลือก Rom ที่ต้องการแล้วจะเข้าสู่หน้าจอหลักของโปรแกรม จะสังเกตได้ว่ามีชื่อ Rom ที่เลือกอยู่ด้วย จากนั้น กด Start เพื่อเข้าสู่เกม
การปรับตั้งค่าคีย์คอนโทรลและค่าต่างๆ ของโปรแกรม
Yewnes มีเมนูตั้งค่าปุ่มคีย์คอนโทรลตามรุ่นโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ (3650/6600/N-Gage/7650) เพื่อความสะดวกในการเล่นเกม เนื่องจากโทรศัพท์แต่ละรุ่นรูปแบบปุ่มจะแตกต่างกันไป หากใช้คีย์คอนโทรลแบบเดียวกันหมดคงหมดสนุกในการเล่น โดยสามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนค่าได้ที่เมนู Option ซึ่งภายในเมนูจะประกอบด้วยการปรับตั้งค่าต่างๆ ดังนี้
- Line เป็นการปรับเปลี่ยนการแสดงผลแบบลายเส้น (ลายเส้นในโทรทัศน์รุ่นเก่า) แต่ส่วนมากและค่าของโปรแกรมจะใช้แบบ Normal มากกว่าแบบ Fake TV เนื่องจากแบบ Normal จะมีความคมชัดมากกว่า Fake TV เมื่อเล่นในโทรศัพท์มือถือ
- Size โหมดการปรับเปลี่ยนการแสดงผลภาพเกมแบบเต็มจอ (Original) และขนาดปกติของโปรแกรม (Scaled)
- Speed โหมดการปรับค่าความเร็วของเกม โดยสามารถปรับความเร็ว-ช้า ของเกมได้ 5 ระดับ
- Sound โหมดการปรับค่าความดังของเสียงเกม
- Key โหมดการปรับค่าปุ่มกด (คีย์คอนโทรล) ในการเล่นเกมตามรุ่นโทรศัพท์ โดยมีคีย์คอนโทรลที่แตกต่างตามรุ่น ดังนี้
Action : การบังคับการเดิน, เคลื่อนที่ ไปในทิศทางต่างๆ
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่มจอยสติ๊ก (ขึ้น ลง ซ้าย ขวา) รุ่น 3650, 6600, N-Gage
- ปุ่ม 8, 0, #, * รุ่น 7650
Action : การกดปุ่ม A ในเครื่องเกม Famicom ซึ่งโดยส่วนมากปุ่มนี้จะเป็นปุ่มกระโดดในเกม Action/Adventure เช่นเกม มาริโอ, คอนทร้า
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม 0, 1, Enter รุ่น 3650
- ปุ่ม 1, 3, Enter รุ่น 6600
- ปุ่ม 5, Joystick รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 4, 6 รุ่น 7650
Action : การกดปุ่ม B ในเครื่องเกม Famicom ซึ่งโดยส่วนมากปุ่มนี้จะเป็นปุ่มกดยิง (เกมมาริโอ/คอนทร้า), เร่งความเร็วในการวิ่ง (เกมมาริโอ) หรือชก, ออกอาวุธ (เกมดาวน์ทาวน์) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกมที่เลือกเล่นด้วย
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม 2, 9 รุ่น 3650
- ปุ่ม 4, 6 รุ่น 6600
- ปุ่ม 4, 7 รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 5 รุ่น 7650
Action : คีย์ที่เปรียบเสมือนกดปุ่ม A รัวติดต่อกัน 2 ครั้ง (เพิ่มความเร็วในการกดปุ่ม A (AA)) ยกตัวอย่างเช่นเพื่อเพิ่มความเร็วในการบินของเกมมาริโอ
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม 3, 8 รุ่น 3650
- ปุ่ม 0, 7 รุ่น 6600
- ปุ่ม 6 รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 1, 3 รุ่น 7650
Action : คีย์ที่เปรียบเสมือนกดปุ่ม B รัวติดต่อกัน 2 ครั้ง (เพิ่มความเร็วในการกดปุ่ม B (BB)) ยกตัวอย่างเช่นเพื่อเพิ่มความเร็วในการยิงดอกไม้ไฟของเกมมาริโอ หรือการยิงปืนในเกมคอนทร้า เป็นต้น
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม 4, 7 รุ่น 3650
- ปุ่ม 8 รุ่น 6600
- ปุ่ม 8, 9 รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 2 รุ่น 7650
Action : ปุ่ม Select ในเครื่องเกม Famicom ใช้สำหรับเลือกเล่น 1 คน หรือ 2 คน ที่หน้าจอเมนูเกมของแต่ละเกม หรือเป็นปุ่มสำหรับสูตรสำหรับบางเกมที่ต้องใช้ปุ่มนี้
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม *, 5 รุ่น 3650
- ปุ่ม *, 2 รุ่น 6600
- ปุ่ม * รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 7 รุ่น 7650
Action : ปุ่ม Start ในเครื่องเกม Famicom ใช้สำหรับกดเริ่มเล่นและหยุดการเล่นชั่วคราว
คีย์/รุ่นโทรศัพท์ :
- ปุ่ม #, 6 รุ่น 3650
- ปุ่ม #, 5 รุ่น 6600
- ปุ่ม # รุ่น N-Gage
- ปุ่ม 9 รุ่น 7650
คีย์ลัดการปรับแต่ค่าของโปรแกรมในขณะเล่นเกม
เมื่อเล่นเกมหากจะต้องการปรับเปลี่ยนค่าความดังเสียงของเกม ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดหรือปิดเกมเพื่อที่จะไปปรับค่า โดยโปรแกรม Yewnes ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและสะดวก จึงมีคีย์ลัดไว้ปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ของโปรแกรมในขณะเล่นเกมโดยที่ไม่ต้องหยุดหรือปิดเกมที่เล่นอยู่ให้เกิดความหงุดหงิด
- ปุ่ม ABC + OK (Enter ในปุ่มจอยสติ๊ก) ใช้สำหรับจับภาพหน้าจอ (capture) ของเกมขณะเล่น โดยไฟล์ที่ได้จะเป็นนามสกุล *.BMP ขนาดภาพ 256 x 240 พิกเซล ถูกจัดเก็บไว้ที่ c:\nokia\image
- ปุ่ม ABC + 1 เป็นการปรับเปลี่ยนการแสดงผลแบบลายเส้น (ลายเส้นในโทรทัศน์รุ่นเก่า) หรือในเมนู Option Line นั่นเอง
- ปุ่ม ABC + 2 เป็นการปรับเปลี่ยนการแสดงผลในการเล่นแบบเต็มจอ หรือตามค่าปกติของโปรแกรม
- ปุ่ม ABC + 3 เป็นการปรับเปลี่ยนเพิ่มความเร็วของเกม โดยกด 1 ครั้ง เท่ากับเพิ่มความเร็ว 1 ระดับ
- ปุ่ม ABC + 4 เป็นการปรับเปลี่ยนลดความเร็วของเกม โดยกด 1 ครั้ง เท่ากับลดความเร็ว 1 ระดับ
- ปุ่ม ABC + 5 เป็นการกด reset (ในเครื่องเกม Famicom) หรือเป็นการกดเพื่อเริ่มต้นเกมใหม่นั่นเอง
- ปุ่ม ABC + 6 เป็นการปรับเปลี่ยนเพิ่มความดังเสียงของเกม
- ปุ่ม ABC + 7 เป็นการปรับเปลี่ยนลดความดังเสียงของเกม
- ปุ่ม ABC + 0 เป็นการบันทึกเสียงของเกม 10 วินาที (ใช้ได้เมื่อ register แล้วเท่านั้น)
- ปุ่ม ABC + Arrows (ปุ่มทิศทางของจอยสติ๊ก) เป็นการเลื่อนภาพไปในทิศทางต่างๆ ปุ่มนี้จะมีผลกับการเลือกเล่นแบบเต็มหน้าจอ
การลบ Rom เกม (Uninstall)
ลบไฟล์ rom ที่ต้องการลบ (*.nes) ออกจากโฟลเดอร์ที่ติดตั้งไว้ครั้งแรก ด้วยโปรแกรมจัดการไฟล์ต่างๆ เช่น Select Q หรือ eFile Man เป็นต้น
4วิธี Full Format ของ 6600 (ไม่ใช่ *#7370#)
1.ต้องใช้แบตฯ ที่เต็มนะครับ
2.ปิดเเครื่อง
3.กด ปุ่มเขียว, เลข 3, แล้วก็ * ค้างไว้ จากนั้นก็เปิดเครื่อง
4.มันจะขึ้นคำว่า Formating.... ใช้เวลาซัก 2-3 นาที
5
อุปกรณ์ที่ต้องมี
-การ์ดรีดเดอร์ที่อ่าน mmc ได้
-ตัวต่อ rs-mmc ไม่รู้เรียกว่า ที่มันติดมากับการ์ดตอนซื้อแล้วดึงออกได้อ่ะฮะ
วิธี
1. เอา rsmmc ตัวเก่า เสียบตัวต่อ แล้วเสียบการ์ดรีดเดอร์ ต่อเข้าคอม ถ้าไม่ใส่ตัวต่อ มันจะดันใส่การีดได้ไม่สุด ไม่ก้ใส่ไปแล้วดึงออกลำบาก เพราะมันจะจมเข้าไปในการ์ดอ่ะฮะ
2. เปิดเข้าไปในไดรฟ์ของการ์ด แล้วไปที่ folder option เลือกให้มันเห็นไฟล์ที่ซ่อนอยู่
3. กด ctrl+a ก็อปทุกอย่างในการ์ด รวมถึงโฟลเดอร์ที่ซ่อน ลงคอมไว้
4. ถอดการ์ดเก่าออก เสียบการ์ดใหม่เข้าไป แล้วก็ฟอร์แมท
5. ก็อปทุกอย่างที่ก็อปออกมาจากการ์ดเก่าไปใส่การ์ดใหม่...
แค่นี้ล่ะครับ...