อ.ตุ้งในดวงใจ : Autumn Leaves (เขียนให้คิด)
The falling leaves
Drift by the window
The autumn leaves
Of red and gold
I see your lips
The summer kisses
The sunburned hands
I used to hold
Since you went away
The days grow long
And soon I'll hear
Old winter's song
But I miss you most of all
My darling
When autumn leaves
Start to fall
หลายคนอาจงงว่า อ.ตุ้งเป็นใคร แล้วทำไมต้องเป็น อ.ต้งในดวงใจ
แล้วทำไมต้องต่อด้วยบทเพลงแสนหวาน
สุดแสนโรแมนติกชั่วนิจนิรันดร์กาลที่ชื่อ Autumn Leaves
เมื่อ เอ่ยชื่อรองศาสตราจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร
หรืออาจารย์ประทุมพร แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว
ผู้เขียนเชื่อว่าผู้คนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองรวมถึงแฟนข่าวต่างประเทศ
ต้องรู้จักอาจารย์เป็นอย่างดี เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นบนโลกใบนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเหตุการณ์การเมืองในยุโรป ทั้งตะวันตกและตะวันออก
รวมถึงในประเทศรัสเซีย และแม้กระทั่งเหตุการณ์ในสหรัฐอเมริกา
รวมถึงในทวีปเอเซียและกลุ่มอาเซียน
ไม่เว้นแม้กระทั่งเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงในย่านตะวันออกกลางขึ้นมาคราใดแล้ว
รับรองว่าสื่อฯสารพัดชนิดทั้งโทรทัศน์ วิทยุและหนังสือพิมพ์
ต่างก็ต้องวิ่งไปขอคำอธิบายจากอาจารย์ท่านนี้อย่าง พร้อมเพรียงกัน
และเธอผู้นี้ก็ไม่เคยปฏิเสธการให้ความรู้กับสาธารณชนผ่านสื่อฯสารพัดชนิด
ใช่แล้วเธอผู้นี้คืออาจารย์ประทุมพร ผู้มีชื่อเล่นว่าตุ้ง
วันนี้ผู้เขียนขออนุญาตนำเอาเรื่องราวความประทับใจที่ผู้คนจำนวนมากรวมถึง
ตัวของผู้เขียนมีต่ออาจารย์ตุ้งมาแบ่งปันกับคุณผู้อ่านพอสังเขป
เพื่อเป็นการคารวะและเป็นอนุสรณ์ให้กับอาจารย์ประทุมพร ผู้แสนร่าเริง น่ารัก
และมีพลังงานในการคิด พูดและทำงานอย่างเหลือเฟืออันน่ามหัศจรรย์
หลาย ต่อหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าอาจารย์ตุ้ง
ถึงแก่อนิจกรรมแล้วเมื่อเวลา ตีสี่ สิบนาทีของวันที่ 20 ธันวาคมปีนี้
ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ดังนั้นบทความนี้จึงขอเป็นสื่อเพื่อบอกกับคุณ ๆ
ที่รู้จักมักคุ้นกับอาจารย์ตุ้งว่า
วันนี้อาจารย์ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอายุ 67 ปี
เขียนมาถึงตรงนี้คุณ ๆ ก็รู้แล้วว่า อ.ตุ้งคือประทุมพร วัชรเสถียร
เจ้าของนามปากกา ดวงใจ
ผู้ซึ่งปลื้มและหลงใหลในบทเพลง Autumn Leaves
อย่างมากมายเหลือเกิน
การตายและงานศพของฉัน
งานนมัสการพระเจ้าเนื่องในพิธีไว้อาลัยอาจารย์จัดขึ้น
ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์ เขตบางรัก
ซึ่งเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบเรียบง่ายแต่งดงามไปแล้ว
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม
อาจารย์แสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าไว้ก่อนลาจากโลกนี้ไป
โดยเขียนไว้ในบทความชื่อ
การตายและงานศพของฉัน
ความตอนหนึ่งในบทความระบุว่า
"เมื่อ ชีวิตของฉันเดินทางมาถึงวันนี้
ฉันไม่มีความกลัวเรื่องความตายของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
ฉันไม่สนใจว่าฉันจะตายเมื่อไร
เหตุใดจึงตาย
ตายแล้วจะไปไหน
ฉันไม่สนใจใคร่รู้ทั้งนั้น
รู้อยู่แต่ว่าฉันอยากใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ (อีกนานเท่าไรมิทราบ)
ให้เป็นประโยชน์ที่สุด
และอย่างมีความสุขที่สุด
การทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ที่สุดและมีความสุขที่สุดในทัศนะของฉัน น่าจะเป็นดังนี้
1 ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ให้ดีที่สุด สมบูรณ์ครบถ้วนที่สุด
อย่างเต็มใจและอย่างสนุกที่สุด ภารกิจใดถ้าคิดว่าต้องฝืนใจทำ
ทำแล้วไม่สนุก ทำแล้วเกิดความทุกข์ เกิดความกดดัน
ทำให้เคร่งเครียด ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด
ฉันมีวิธีเลือกภารกิจของฉันดังนี้คือ
1.1 ทำงานชนิดที่ชอบ ทำด้วยใจรัก ทำแล้วสนุก ทำแล้วมีความสุข
1.2 ทำงานที่ให้ประโยชน์แก่เพื่อนร่วมโลก"
นอกจากนี้อาจารย์ตุ้งยังเขียนไว้ชัดเจนว่า
"6.ฉันจะไม่แบกโลก ฉันจะไม่เป็นคนเจ้าทุกข์ ฉันจะไม่เป็นทุกข์เกินขนาดที่ควรทุกข์ ฉัน
จะต้องเตือนใจตัวเองว่า ฉันจะไม่เป็นทุกข์ต่อเรื่องที่แก้ไขไม่ได้
เพราะหากฉันสามารถแก้ไขได้
เพราะถ้าหากฉันสามารถแก้ไขได้
ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมีความทุกข์
ฉันจะไม่ทุกข์ต่อเรื่องที่แก่ไขไม่ได้
เพราะต่อให้ฉันทุกข์จนหน้าไหม้ใจขมไปหมด
ฉันก็ยังแก้ปัญหานั้นไม่ได้
แล้วฉันจะปล่อยให้ความทุกข์มาครองใจฉันจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตของฉันด้วย
ประโยชน์อันใด"
งานศพของฉัน
ฉันได้อุทิศร่างกายและดวงตาให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิทยาลัยแพทย์เรียบร้อยแล้ว
ฉันไม่อยากรบกวนญาติมิตรเพื่อนฝูงให้ต้องมาลำบากเพราะความตายของฉัน
เช่น ลำบากเดินทางมางานของฉัน
ลำบากเสียเงินซื้อพวกหรีด ดอกไม้ หรือเสียเงินใส่ซอง อย่างไรก็ตาม
ฉันก็ไม่อยากจากโลกนี้ไปอย่างเงียบเชียบจนเกินไป มันดูเหงาพิลึก!
ฉันอยากขอร้องให้ผู้ที่อยู่ข้างหลัง
ไม่ว่าจะญาติสนิทหรือมิตรสหายที่รักของฉัน
ให้ช่วยระลึกถึงการตายของฉันดัง นี้
1 ช่วยแจ้งแก่วิทยุที่มีบริการประกาศข่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถึงข่าวการตาย ของฉัน
เพื่อให้คนรู้จัก เพื่อนฝูง ญาติมิตรที่ไม่เจอกันนาน ๆ
จะได้ทราบว่าฉันไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
2 หากญาติมิตรคิดจะจัดงานระลึกถึงฉัน
อยากให้หาสถานที่มารวมกันสักครั้งหนึ่งเพื่อพูดคุยถึงฉันและผลงานของฉัน
ไม่ต้องแต่ดำ ฉันอยากให้คนเหล่านั้นใส่เสื้อผ้าสีสวย ๆ
และนึกถึงฉันอย่างมีความสุขที่สุด ไม่ ต้องชมเชยฉัน (และผลงานของฉัน) หรอก
ตำหนิก็ได้ แต่อยากให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างผู้ที่เคยรู้จักฉันสักครั้งหนึ่ง
ครั้งเดียวเท่านั้นเป็นพอ อย่าลืมว่าเมื่อฉันยังมีชีวิตอยู่
เราเคยมีความสุข สนุกรื่นเริงด้วยกัน
ขอโอกาสเช่นนั้นให้แก่ฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถิด
.....
สุด ท้ายนี้ ฉันขอให้ทุกคนที่เคยโกรธฉันหรือไม่พอใจฉันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม
จงให้อโหสิแก่ฉัน และขอให้เข้าใจว่าฉันไม่เคยตั้งใจ
หรือวางแผนทำให้ผู้ใดโกรธหรือเสียใจหรือ น้อยใจเลย
หากสิ่งนั้นเกิดแก่ผู้ใดอันเนื่องมาจากฉัน
ขอให้โปรดรับทราบว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดจากความโง่เขลาของฉันโดยแท้จริง
ที่ทำให้ฉันตาบอดและใจบอด
จนไม่สามารถมองเห็นและหยั่งไม่ถึงความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น
ขออโหสิแก่ฉันด้วยเถิด
.....
"ฉันดีใจที่ได้เกิดมาและได้รู้จักท่านทุกคน
ขอขอบใจทุกท่านที่ยินดีเป็นเพื่อนของฉันและช่วยเหลือเกื้อกูลฉัน
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เคยมีบุญคุญแก่ฉัน
ขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับท่านที่คิดว่าเป็นเพื่อนกับฉันแล้วท่านสนุกและได้
รับประโยชน์จากการพบปะ พูดคุย หรือปรึกษาหารือกับฉัน
ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน"
เหตุผลที่ผู้เขียนไม่นำรูปภาพของอาจารย์ตุ้งมาประกอบบทความนี้
ก็เพราะต้องการให้คนที่รู้จักเธอจินตนาการเอาเองว่า
อาจารย์ตุ้งที่คุณรู้จักนั้นมีรูปลักษณ์และหน้าตาเช่นไร
แต่เชื่อเหลือเกินว่าคุณ ๆ ที่รู้จักอาจารย์เป็นอย่างดี
จะต้องนึกถึงภาพความหลังของเธอตามแบบที่คุณคุ้นเคย
และเมื่อนึกถึงแล้ว ก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คุณ ๆ
จะต้องยิ่มให้กับความหลังอันเกิดจากจินตนาการที่แสนหวานชื่นนั้น
ขอให้อาจารย์หลับให้สบายชั่วนิจนิรันดร์กาล
ขอให้อาจารย์มีความสุขและสบายในทุกชาติทุกภพ
ด้วยความรักและระลึกถึงอย่างที่สุด
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันที่ 26/12/2010
Credit :
http://www.naewna.com/news.asp?ID=242276http://www.youtube.com/v/9IDUxk9sSXI?fs=en&fs=1&autoplay=1&loop=1=en_US&color1=0xe1600f&color2=0xfebd01