ปัญหาของคนยุคใหม่-ต้องการหาคำตอบรวดเร็วทันใจที่สุด จึงเกิดปัญหาการทำลายสภาพแวดล้อม ที่มาจากความก้าวหน้าของโลกแห่งยุคโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางอารยะธรรมที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว อันมีผลสืบเนื่องต่อกันมาจนเกิดการกระทบต่อปัญหาสุขภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่า ยุคใดใดในอดีต รวมทั้งมีการเกิดโรคร้ายแรงที่แปลก ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าประหลาดใจ
ความก้าวหน้าทางวิทยาการทางการแพทย์ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับแน่ชัดว่า สามารถควบคุมโรคติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่ายุคไหน ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอหิวาต์ ไข้จับสั่น วัณโรค หรือโรคติดเชื้ออีกมากมายหลายชนิด ซึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จัดการกับศัตรูร้ายแรงของโรคต่าง ๆ เป็นสิ่งที่วงการแพทย์ตะวันตกภาคภูมิใจนักภาคภูมิใจหนา คือยารักษาโรคที่เป็นยาปฏิชีวนะ แต่ก็ก่อเกิดปัญหาทับซ้อนมีผลข้างเคียงติดตามมาอย่างร้ายแรงและเป็นเรื่อง น่าเศร้าสะเทือนใจเช่นเดียวกัน วิทยาการที่ก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งเพิ่มความอ่อนแอให้กับสุขภาพของมนุษยชาติเป็นทวีคูณ เพราะมนุษย์หันไปอาศัยความก้าวหน้าดังกล่าว จนออกกำลังกายไม่เพียงพอ เป็นต้นเหตุทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนแอ วิถีการกินก็เปลี่ยนแปลงเป็นอาหารขยะ ล้วนเป็นต้นเหตุทำให้ร่างกายเกิดโรคเรื้อรัง เป็นที่ตระหนักดีกันทุกคนอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อคนเราเริ่มตระหนักความร้ายแรงดังกล่าว จึงมีส่วนหนึ่งที่หันมาพึ่งวิถีทางการรักษาแบบ ธรรมชาติบำบัด ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความสำคัญในด้านธรรมชาติบำบัด ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่มนุษยชาติต้องการมากที่สุดและสำคัญที่สุด แต่ได้กลายเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานในการบำบัดรักษาโรคดีที่สุดอีกด้วย
วิทยาการสมัยใหม่ ก้าวสู่ขั้นของการวิจัยทดลอง ได้ผ่านห้วงเวลาแห่งการแบ่งแยกและซอยรายละเอียดที่ชัดเจน แต่กระนั้นก็ได้เกิดความแตกต่างที่เป็นช่องโหว่ของวิทยาการขั้นพื้นฐานเช่น เดียวกัน ทำให้วิทยาการต่าง ๆ ดูเหมือนเกิดการหลงทิศทางอย่างคาดคิดไม่ถึง การแยกแยะรายละเอียดของวงการแพทย์ที่ชัดเจน โดยแยกซอยรายละเอียดออกมาเป็นสาขาต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย เช่น หู ตา คอ จมูก อายุรกรรม ศัลยกรรม สูตินรีแพทย์ เด็ก กระดูก ประสาท กระทั่งมาถึงด้านสมอง หรือระบบหลอดเลือด เป็นต้น โดยในแต่ละสาขาดังกล่าว ต้องยอมรับว่า เป็นจุดเด่นจุดแข็งในการรักษาของวงการแพทย์แต่กระนั้น สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนและช่องโหว่ในความก้าวหน้าดังกล่าว ทำให้เกิดการหลงลืมขั้นพื้นฐาน ต้นตอของการรักษาโรค ไม่ทำการรักษาแบบขั้นพื้นฐานเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่น คนไข้คนหนึ่งรู้สึกไม่สบาย พอเข้าโรงพยาบาลจะถูกจับตรวจอย่างละเอียดทันทีทันใด ถ้าหัวใจมีปัญหา ก็จะฉีดยารักษาโรคหัวใจ หรืออาจมีปัญหาในด้านฮอร์โมนในระบบหลอดเลือด ก็จะรีบจัดการด้านนี้ทันที เหล่านี้เป็นต้น
เพื่อต้องการหาอาการของโรคให้ได้ เพราะฉะนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันนี้ เมื่อเราป่วยเข้าโรงพยาบาล เราจะถูกจับตรวจละเอียดยิบ เข้าห้องโน้นออกห้องนั้น ทำให้คนป่วย (ส่วนใหญ่) เกิดอาการหงุดหงิด เบื่อหน่าย กังวลกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และที่สำคัญ เกิดความเครียดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่คือกรรมวิธีในการรักษาของแพทย์แผนตะวันตก! ตรงกันข้าม สำหรับแพทย์แผนตะวันออก จะใช้วิธีการตรวจเช็คทั่วทั้งร่างกายเป็นสำคัญก่อน ตามด้วยการตรวจเช็คต้นต่อของโรค จากนั้น ถ้าสภาพร่างกายอ่อนแอ ขาดกำลัง จะใช้วิธีเสริมสร้างบำรุงพลังลมปราณให้ไหลเวียนได้ทั่วทั้งร่างกาย และถ้าหากเป็นผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีพละพลัง ก็จะใช้วิธีให้ร่างกายสามารถขับถ่ายสิ่งที่แพทย์แผนตะวันออกตั้งแต่โบราณ เรียกว่า พิษ ในร่างกายออกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งการขับพิษหรือสารพิษในร่างกายนั้น แพทย์แผนตะวันออกถือเป็นวิธีการรักษาอาการป่วยชนิดหนึ่งที่สำคัญ จากวิธีการดังกล่าว จะเสริมด้วยการรักษาในด้านการเจียดยา ซึ่งยาที่เจียดนั้น มักจะเป็นสมุนไพรที่ไม่ใช่เพียงแค่ รักษา เท่านั้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วย การบำรุง เป็น การบำรุงเลือด และ บำรุงกำลัง ตามด้วยการกระตุ้นเส้นลมปราณกับจุดลมปราณ อีกทั้งการปรับระบบหยิน-หยัง ระบบเบญจธาตุ เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลให้กับร่างกายทุกสัดส่วน
แพทย์แผนตะวันตกกับแพทย์แผนตะวันออก ต่างก็มีจุดเด่นซึ่งกันและกันที่ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อย่าให้ขาดสิ่งที่เป็นขั้นพื้นฐานเด็ดขาด มิฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เมื่อขาดการเริ่มต้นของขั้นพื้นฐาน แน่นอน จะกลายเป็นสิ่งอันตรายในที่สุด!
ณ วันนี้ ได้เกิดกระแสการตอบรับอย่างกว้างขวางแล้วว่า สมุนไพรจีนที่ชื่อ หลินจือ เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่า มีส่วนในการช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ตกทุกข์ได้ยากจากอาการโรคเรื้อรังต่าง ๆ จนสามารถมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น อาการป่วยไข้ดีวันดีคืน จนกระทั่งบางคนหายป่วยได้ชนิดแทบไม่น่าเชื่อ พูดแบบฟันธงว่า หลินจือที่ถูกยกย่องเป็น ราชาสมุนไพรจีน จะกลายเป็น ตัวช่วยที่โดดเด่นที่สุดในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ของผู้ป่วยไข้จากโรคเรื้อรัง ทั้งหลายทั้งมวล!!!
ขอขอบคุณ:
http://kwachapenchang.com/index.php?topic=251.0