รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ดัชนียังคงทะยานขึ้นได้ต่อเนื่องจากวานก่อน จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลทะลักเข้าต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีร้อนแรงใกล้แตะ 1,000 จุด ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นสูงสุดที่ 999.51 จุด ก่อนอ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ 993.72 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.12 จุด
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรม การและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นไปในระดับ 1,000 จุด ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค อีกทั้งมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ จากความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนในประเทศและนักลงทุนสถาบันเห็นความสำคัญ จึงเข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่ดัชนีอยู่ในระดับ 250 จุด รวมทั้งเป็นผลจากสถาน การณ์การเมืองในประเทศสงบลง ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น ไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เพราะดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศที่ดี
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า วันที่ 14 ต.ค. ราคาทองคำแท่งในประเทศขายออกบาทละ 19,500 บาท ซึ่งปรับขึ้นในวันเดียวถึง 3 รอบ และถือว่าทำสถิติสูงสุด (นิว ไฮ) เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้นักลงทุนหันซื้อทองคำป้องกันความเสี่ยง ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกในเดือนต.ค.นี้ คาดว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่คงไม่ทำให้ราคาในประเทศแตะบาทละ 20,000 บาท เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น
นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 ต.ค.นี้ ควรลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% เพื่อแก้ปัญหาค่าเงินแข็งค่าและเงินทุนที่ไหลเข้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรประกาศชัดเจนว่าจะไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ระดับเท่าใด ทั้งนี้ตนเห็นว่าหากเป็นไปได้ให้ไทยกลับไปใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
ธปท.ต้องหยุดเห็นแก้ตัวอย่ากลัวเสียหน้าอย่าใจดำ สิ่งสำคัญตอนนี้คือ 20 ต.ค.นี้จะเอาอย่างไรหน้าตาแบงก์ชาติ หรือความฉิบหายของประเทศชาติ ส่วนมาตรการที่ออกมามันก็ไม่ได้เกาถูกที่คัน มันเป็นน้ำจิ้ม ธปท.ให้เราลงทุนต่างประเทศทั้งอเมริกาและยุโรป เอาบาทไปแตกเป็นดอลลาร์เพื่อให้ค่าเงินอ่อน มันจะไปได้อย่างไร เจ๊งหมด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการเพิ่มเพื่อเร่งการลงทุนและการนำเข้าเครื่องจักรต่างประเทศ สร้างความต้องการเงินตราต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตร การรอบแรกไปแล้ว และยืนยันว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดภาวะวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะมาตรการไม่ได้เป็นการฝืนตลาด แต่เป็นมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนข้อเสนอที่ให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ธปท. และยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายที่ จะให้มีการนำทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง.
