มนุษย์ไม่เคยนึกให้ถึงว่าความรุนแรงที่เกิดแก่ตนบ้าง เกิดแก่คนนั้นคนนี้บ้าง เกิดแก่ประเทศชาติบ้าง นั้นเกิดแต่กรรมไม่ดีใด เพราะผลทุกประการเกิดแต่เหตุ ผลที่ไม่ดีที่แรงมากแรงน้อยต่างๆ นานา ต้องมีเหตุที่ได้กระทำแล้วจริงทั้งนั้น เกิดแก่ผู้ใดก็แสดงว่าผู้นั้นทำเหตุไว้ เกิดแก่ประเทศชาติใดก็แสดงว่าผู้คนในประเทศชาตินั้น ที่จำนวนไม่น้อย ได้ทำเหตุไว้แน่นอน
แต่ผู้ไมมีญาณหยั่งรู้ย่อมไม่รู้ได้ว่าทำเหตุใดไว้ ผู้ใดหรือหมู่คณะใดเป็นผู้ทำไว้ เราทุกคนก็อาจจะเป็นหนึ่งที่ได้ร่วมกระทำเหตุไม่ดีไว้ ทำให้เกิดผลไม่ดีที่ปรากฏให้เห็นทั่วไป ในที่นี้จะพูดถึงที่เป็นผลกว้างขวางครอบคลุมไปในประเทศชาติ ตลอดถึงกระทั่งในโลกทีเดียว
พวกเราที่รวมกันเป็นคนในโลก ในประเทศชาติ เมื่อมีความเดือดร้อนวุ่นวายปั่นป่วนเกิดขึ้นมากมายผิดปกติ ในโลกก็ตาม ในบ้านเมืองของเราก็ตาม น่าจะคิดให้ลึกสักหน่อยว่า ต้องเป็นกรรมที่ไม่ใช่เล็กน้อย นั่นก็คือต้องไม่เป็นกรรมของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
กรรมที่เกิดแก่ส่วนรวม คือเกิดแก่บ้านเมืองแก่ประเทศชาติ ตามเหตุผลแล้วต้องเป็นกรรมของส่วนรวม ของประเทศชาติ ซึ่งมีเราทุกคนรวมอยู่เป็นหนึ่งแน่นอน ยอมรับว่าความร้อนของบ้านเมืองเรา ซึ่งต้องเกิดแต่กรรมไม่ดีไม่งามแน่นอน เราต้องเป็นหนึ่งในผู้ก่อกรรมอันยังให้ความเดือดร้อนนั้นเกิด
ถ้าทุกคนหรือมากคน ยอมคิดได้เช่นนี้ แล้วยอมแก้ไข ด้วยการพยายามทำกุศลกรรม คือทำดี ลดละการทำอกุศล คือทำไม่ดี ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ย่อมยังให้เกิดผลดีได้ มากคนคิดได้ มากคนทำดี มากคนลดละเลี่ยงหลีกการทำความชั่ว การทำบาปอกุศล ย่อมยังให้เกิดผลดีได้มากเป็นธรรมดา แก่ประเทศชาติ ทำเหตุดีมาก ผลดีย่อมมาก แน่นอน
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ที่มา
www.dhammajak.net