เครือ ปตท.อู้ฟู่ ปี 2552 โกยกำไรเข้ากระเป๋าเกือบ 1.3 แสนล้านบาท ควัก 5 หมื่นล้านบาทจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น "ปตท.เออาร์" โหนเศรษฐกิจฟื้น ดันรายได้ปีนี้แจ่ม "บางจาก" ลุยแผนลงทุน 5 ปี 1 หมื่นล้านบาท หุ้นไทยยังเขียวพรึ่บ ปิดเหนือ 705 จุด ไม่หวั่นคดียึดทรัพย์ "ทักษิณ" งวดเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รวบรวมผลกำไรสุทธิปี 2552 ของบริษัทในเครือ บมจ.ปตท. จาก 7 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า มีกำไรรวมกันกว่า 125,564 ล้านบาท และแต่ละบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูง รวมมีการจ่ายปันผลกว่า 50,617.07 ล้านบาท โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.มีกำไร 59,547.58 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 21.06 บาท มีการจ่ายปันผลหุ้นละ 8.50 บาท รวมเป็นเงิน 24,087.16 ล้านบาท
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวางแผน บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) เปิดเผยว่า ปี 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิ 9,161.56 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.09 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8,464.66 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 2.86 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลปี 2552 วันที่ 29 เม.ย. หุ้นละ 1.25 บาท
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เบนซินและพาราไซลีนเริ่มดีขึ้น ตลอดจนราคาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ คาดว่าคงช่วยผลักดันให้ผลประกอบการปี 2553 ออกมาในทิศทางที่ดีกว่าปี 2552
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า กำไรสุทธิปี 2552 อยู่ที่ 7,524.26 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.57 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 750.09 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.67 บาท
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (2553-2557) บริษัทมีนโยบายเน้นการลงทุนและพัฒนาพลังงานสะอาด โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ด้านตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นขาขึ้น แม้ว่าจะเข้าใกล้วันที่ 26 ก.พ. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลใกล้ชิด
โดยดัชนีวันที่ 22 ก.พ. ปิดที่ 705.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,462.67 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,169.76 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อ 353.13 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อ 974.55 ล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 2,497.44 ล้านบาท
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังไม่ผ่านแนวต้านระดับ 708-710 จุดได้ เพราะได้รับปัจจัยกดดันจากการเมืองภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะกดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดทั้งสัปดาห์นี้ เพราะวันที่ 26 ก.พ.นี้ ศาลฎีกาฯ จะนัดตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น.
http://www.thaipost.net/news/230210/18366
