รู้จักน้ำอัดลมดีแล้วหรือ?
ไม่มีประโยชน์-แพงกว่าน้ำเปล่า 2-3 เท่า
"น้ำอัดลม" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมประเภทหนึ่งที่นิยมกันทั่วโลกและมักเชื่อกันว่าดับกระหายได้ดีกว่าน้ำเปล่า ทั้งที่ความจริงแล้วหาคุณค่าทางโภชนาการแทบไม่ได้เลย แถมราคายังแพงกว่าน้ำเปล่า 2-3 เท่า แต่หลายคนก็ไม่วายยอมควักกระเป๋าซื้อมาดื่ม บางคนอาจถึงขั้นติดรสชาติน้ำอัดลมจนดื่มได้ทุกมื้อ ทุกวัน
น้ำที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำอัดลมนั้น ส่วนใหญ่จะผลิตจากน้ำบาดาลที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีน จากนั้นจึงเติมส่วนประกอบอีก 2 อย่างลงไป คือ สารให้รสหวาน ซึ่งก็คือ น้ำตาลทราย (ซูโครส) นั่นเอง ในอดีตการผลิตน้ำอัดลมชนิดธรรมดาซึ่งไม่ใช่ชนิดจำกัดแคลอรี่ จะใช้น้ำตาลทรายเพียงอย่างเดียว นำมาผสมน้ำ แล้วต้มทำเป็นน้ำเชื่อมและกรอง แต่ในปัจจุบันมีการใช้สารให้ความหวานชนิดอื่นเพิ่มมาเช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด Corn syrup) หรือ น้ำเชื่อมข้าวโพดแบบฟรุคโตสสูง (High fructose corn syrup-HFCS) เพื่อผลิตน้ำอัดลมแคลอรี่ต่ำ
นอกจากนี้ น้ำอัดลมยังมีส่วนประกอบเป็นสารปรุงแต่งที่เรียกกันว่า หัวน้ำเชื้อ ซึ่งจะเป็นส่วนผสมของสารที่ให้กลิ่นและสีผสมกับกรดบางชนิดที่ใช้ในอาหาร เช่น กรดมะนาว โดยจะใช้หัวน้ำเชื้อผสมกับน้ำเชื่อม จากนั้นทำให้ส่วนผสมทั้งหมดเย็นลง หลังจากนั้นเติมส่วนประกอบสำคัญสุดท้าย คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวทำให้น้ำอัดลมเกิดฟองซ่า โดยจะนำมาอัดลงในน้ำหวานที่ผสมตามส่วนประกอบข้างต้น
น้ำอัดลมบรรจุขวดหรือกระป๋องที่มีจำหน่ายกันทั่วไปนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ตามลักษณะเฉพาะของกลิ่นรสและสีของผลิตภัณฑ์ คือ น้ำอัดลมรสโคล่า ซึ่งน้ำอัดลมประเภทนี้มีการปรุงแต่งด้วยหัวน้ำเชื้อโคล่าซึ่งมี "คาเฟอีน" ที่สกัดจากส่วนใบของต้นโคคาอยู่ด้วย ปริมาณของคาเฟอีนในน้ำอัดลมชนิดโคล่าแต่ละยี่ห้องก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สูตรเฉพาะของแต่ละบริษัท สำหรับสีน้ำตาลเข้มที่มาขอสีน้ำดำนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมาจากสีผสมอาหารที่เป็นสีของน้ำตาลเคี่ยวไหม้
ส่วนอีกประเภท คือ น้ำอัดลมสีขาวใสที่ปรุงแต่งด้วยหัวน้ำเชื้อเลมอน-ไลม์ ซึ่งเป็นน้ำอัดลมที่ปรุงแต่กลิ่นและรสเลียนแบบน้ำผลไม้ เช่น ส้ม องุ่น มะนาว ลิ้นจี่ น้ำหวานอัดลม พวกน้ำเขียว น้ำแดง และน้ำอัดลมที่มีเหมือนโคล่า แต่ไม่ใช่รูทเบียร์ เป็นต้น น้ำอัดลมเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีคาเฟอีน แต่ก็อาจมีการเติมคาเฟอีนสกัดเล็กน้อยในส่วนผสม เพื่อให้ได้ฤทธิ์กระตุ้นของคาเฟอีนทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเมื่อดื่มตามแต่สูตรของผู้ผลิตซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศด้วย
สารอาหารที่มีอยู่ในน้ำอัดลมนั้นมีเพียง น้ำตาล เท่านั้นที่ร่างกายจะสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ โดยไม่มีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีก ดังนั้น ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากและรับประทานอาหารอื่นน้อยก็อาจขาดสมดุลทางโภชนาการ ที่สำคัญคือในเด็กเล็กๆ ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะถ้าปล่อยให้ดื่มแต่น้ำอัดลมไม่ได้ดูแลให้รับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการ เด็กอาจขาดสารอาหาร บางครั้งถ้าดื่มก่อนหรือในระหว่างรับประทานอาหารมื้อหลัก บางครั้งถ้าดื่มก่อนหรือในระหว่างรับประทานอาหารมื้อหลัก ก็ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง
นอกจากนี้ น้ำอัดลมยังอาจทำให้ท้องอืดเพราะเกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร และภาวะที่เป็นกรดของน้ำอัดลมก็ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารด้วย ข้อเสียอีกประการหนึ่งเนื่องจากน้ำอัดลมมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก และมีสภาวะเป็นกรดด้วยจึงอาจเป็นสาเหตุให้ฟันผุได้ง่าย
ทางที่ดี หากเกิดอาการกระหายน้ำซึ่งมีสาเหตุจากการขาดน้ำที่ร่างกายสำรองไว้สำหรับการทำงานของระบบต่างๆ ของอวัยวะภายใน "น้ำเปล่า" จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเมื่อกระหาย
แม้จะไม่สดชื่นถึงใจในเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาวรับรองว่าน้ำเปล่าเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องเรียกหาไม่แพ้อาหาร ดังนั้น หากจะดื่มน้ำอัดลมควรดื่มแค่เพียงครั้งคราว อย่าติดสี ติดกลิ่น ติดรสซ่าและอย่าละเลยน้ำเปล่า...ที่เป็นน้ำเลี้ยงสำคัญของชีวิต
ขอขอบคุณวิชาการดอดคอม