WHOเตือนภัยทั่วโลกให้ระวังไข้หวัดหมู
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 22, 2024, 06:20:24 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: WHOเตือนภัยทั่วโลกให้ระวังไข้หวัดหมู  (อ่าน 10819 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: เมษายน 26, 2009, 08:08:09 am »

WHOเตือนภัยทั่วโลกให้ระวังไข้หวัดหมู
   
07:12 น.

    องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศเตือนภัยเมื่อวันเสาร์ ให้ทั่วโลกระวัง หากเกิดการระบาดผิดปกติใดใดของไข้หวัด โดยให้เพิ่มการตรวจสอบและรายงานให้ WHO ทราบ หลังจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 คน และติดเชื้อมากกว่า 1,000 คนในเม็กซิโก จากโรคนิวมอเนียรุนแรงที่เกิดจากอาการป่วยคล้ายโรคหวัด ซึ่งมีการยืนยันว่าผู้เสียชีวิตบางคนเป็นโรคหวัดที่ผสมกันระหว่างไข้หวัด กับไข้หวัดหมู และไข้หวัดนก ซึ่งคล้ายกับที่พบในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ขณะที่ข่าวบางกระแสระบุว่ามีประมาณ 20 คนที่เสียชีวิตจากไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่
    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯรายงานว่าผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมู 8 คนที่รัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐเท็กซัส หายดีแล้ว แต่เมื่อวันเสาร์ได้รายงานผู้ป่วยคนที่ 9 ในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งหายดีแล้วเช่นกัน และพบสามีภรรยาคู่หนึ่งในรัฐแคนซัสที่ป่วยหลังสามีกลับมาจากเม็กซิโก แต่อาการป่วยไม่รุนแรง ในวันเดียวกัน มีรายงานนักเรียนกว่า 100 คนในย่านควีนส์ของรัฐนิวยอร์ค กับญาติบางคน มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด แต่ไม่รุนแรงขึ้นขั้นต้องเข้าพยาบาล มีการยืนยันแล้วว่าเด็กคนเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ซึ่งอาจเกิดจากไข้หวัดหมู แต่กำลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่
    จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีประเทศอื่นใดรายงานกรณีน่าสงสัย แต่รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศว่าน่าจะพบภายในไม่กี่วันนี้ เพราะมีการสัญจรทางอากาศทั่วโลก จึงได้สั่งปิดโรงเรียนฝรั่งเศสในกรุงเม็กซิโก ซิตี้แล้ว และให้คำแนะนำแก่พลเมืองของตนในเม็กซิโกเพื่อป้องกันไว้ก่อน
    นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการของ WHO กล่าวว่า การระบาดของโรคนี้ในเม็กซิโกและสหรัฐฯ กำลังเป็นปัญหาฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในระดับนานาชาติ มีศักยภาพที่จะระบาดไปทั่ว (pandemic potential) เพราะเป็นโรคจากสัตว์ที่แพร่สู่คนได้ แต่ในขั้นนี้ทาง WHO ยังไม่อาจระบุได้ว่าจะรุนแรงขึ้นขั้นจริงๆนั้นหรือไม่ ขณะที่มีรายงานว่า อาการของผู้ป่วยหนักในเม็กซิโก คือ ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตา หายใจไม่สดวก ปวดเมื่อยตามร่างกายมาก อาการป่วยจะพัฬนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน
    นางชานตัดสินใจออกประกาศเตือนหลังร่วมหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหวัดจากทั่วโลก ในการเรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการประชุมนับจากก่อตั้งคณะ
    กรรมการชุดนี้เมื่อปี 2550 และหลายประเทศในลาติน อเมริกา กับเอเชียได้เริ่มตรวจตราหรือกลั่นกรองผู้โดยสารที่มาจากเม็กซิโก ตามท่าอากาศยานและช่องทางเข้าประเทศอื่นๆแล้ว รวมทั้งที่ท่าอากาศยานใหญ่สุดของญี่ปุ่น ขณะที่ฟิลิปปินส์อาจจะกักตัวผู้โดยสารที่กลับจากเม็กซิโกและเป็นไข้ ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไทยและฮ่องกงบอกว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=377069&lang=T&cat=


บันทึกการเข้า

Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 26, 2009, 08:16:00 am »

ขอบคุณช่างเล็กๆ ครับ........... THANK!!
ไข้หวัดนกบรรเทาเบาบางลงแล้ว.................ไข้หวัดหมูก็มาอีก
ต่อไปคงจะเป็นไขหวัด...อะไรก็ไม่รู้....
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 26, 2009, 10:51:35 am »

ยอดตายไข้หวัดหมูในเม็กซิโกเพิ่มเป็น 81 คน
   
09:51 น.

    โฆเซ แองเกล คอร์โดวา วิลาโลบอส รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโก เปิดเผยเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมู่ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเป็น 81 คนแล้ว และมีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 1,324 คน
    นอกจากนี้รัฐบาลเม็กซิโกออกคำสั่งพิเศษเมื่อวานนี้ให้อำนาจกระทรวงสาธารณสุขสามารถแยกกักตัวผู้ป่วย ตลอดจนตรวจค้นบ้านเรือน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศพร้อมทั้งกระเป๋าสัมภาระเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมู ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ไปประจำที่สนามบินในกรุงเม็กซิโกซิตี้เพื่อแจกแบบสอบถามให้ผู้โดยสารเครื่องบินระบุว่ามีอาการไข้หวัดหรือไม่ ตลอดจนมีการแจกหน้ากากอนามัยและเอกสารแผ่นพับให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดหมูแก่ประชาชนตามสถานีรถโดยสารและรถไฟฟ้าใต้ดิน นอกจากนี้ยังสั่งปิดโรงเรียนทั่วเมืองหลวงและอีกหลายรัฐจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม
    ขณะเดียวกันรัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโกได้ปฏิเสธกระแสคาดการณ์ของสื่อในประเทศที่รายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐอาจได้สัมผัสกับเชื้อโรคไข้หวัดหมูในช่วงที่เยือนกรุงเม็กซิโกซิตี้เมื่อ 10 วันที่แล้ว หลังโรคดังกล่าวเริ่มระบาดในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเดียวกันทำเนียบขาวของสหรัฐยืนยันแล้วว่าโอบามาไม่ได้ป่วยด้วยอาการของไข้หวัดหมู
    นอกจากนี้ประธานาธิบดีเฟลิเป้ คัลเดรอน เตือนว่า ประเทศกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสชนิดใหม่ แต่พยายามคลายความหวาดกลัวของประชาชนโดยยืนยันว่าโรคไข้หวัดหมูชนิดนี้รักษาให้หายได้ และทางการมียารักษาโรคในปริมาณมากเพียงพอ
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 26, 2009, 05:23:23 pm »

ปรับระดับเตือนภัย โรคไข้หวัดหมู เข้าขั้นวิกฤติร้ายแรง
Pic_1978

องค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือนอันตรายจากโรคไข้หวัดหมูที่ระบาดในเม็กซิโก และสหรัฐฯ เข้าขั้นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลก หลังมีรายงานผู้เสียชีวิตในเม็กซิโกกว่า 80 คนแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (26 เม.ย.)นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องให้ทุกประเทศเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดหมู ที่ทำให้มีอาการไข้และปอดอักเสบอย่างรุนแรง? แถลงการณ์จากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกซึ่งประชุมฉุกเฉิน ร่วมกันระบุว่า การระบาดของโรคไข้หวัดหมูเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง?? อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับระดับเตือนภัย ไข้หวัดหมู ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 3 จากทั้งหมด 6 ระดับ

แถลงการณ์ ระบุว่า เชื้อไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์เดียวกับไวรัสเอช1 เอ็น1? แต่มีความร้ายแรงเนื่องจากสามารถติดต่อสู่คนได้? โดยเป็นการรวมกันของไวรัสหมู คน และนก? ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเคยประกาศเตือนมาหลายปีก่อนนี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจทำให้คนติดเชื้อและระบาดไปทั่วโลก จนอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้าน ๆ คน.
http://www.thairath.co.th/content/oversea/1978
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 26, 2009, 09:29:03 pm »

ไทยชะลอนำเข้าเนื้อหมู-สินค้าปศุสัตว์จากสหรัฐฯแล้ว
   
20:34 น.

    นายสัตวแพทย์นิรันดร เอื้องตระกูลสุข ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งชะลอการนำเข้าเนื้อหมูและสินค้าปศุสัตว์จากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดแล้ว เพราะประเทศนี้อยู่ใกล้กับเม็กซิโก ซึ่งมีการระบาดของโรคไข้หวัดหมู ทั้งนี้ จากการตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงหมูในประเทศไทยยังไม่พบเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่
    ด้าน นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมได้วางมาตรการป้องกันโรคในประเทศร่วมกับกรมปศุสัตว์แล้ว โดยทำหนังสือแจ้งไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังหมูป่วยในช่วงอากาศเปลี่ยน งดการนำหมูใหม่เข้ามาเลี้ยงในฟาร์มในช่วงนี้ ไม่เลี้ยงหมูและสัตว์ปีกร่วมกัน และผู้ที่เป็นไข้หวัดห้ามสัมผัสสัตว์ปีกและหมู หากพบหมูป่วยผิดปกติ ให้กำจัดหมูที่เป็นโรคทิ้งอย่างถูกสุขลักษณะ นอกจากนี้จะหารือกับรัฐบาลให้ทบทวนการนำเข้าเครื่องในหมูจากต่างประเทศ รวมทั้งตรวจสอบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่าปีละ 1 หมื่นตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้เกิดโรคระบาดในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ประเทศนี้มีการสั่งซื้อเครื่องในหมูจากประเทศเปรู อาร์เจนตินา และชิลี แล้วส่งมาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งหมูทั้ง 3 ประเทศนี้ อยู่ในโซนเดียวกันกับประเทศที่โรคไข้หวัดหมูกำลังระบาดอยู่
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 30, 2009, 08:31:59 am »

หมอเตือนแห่ฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ ไม่ช่วยกันหวัดเม็กซิโก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 เมษายน 2552 07:38 น.

       หมอเตือนแห่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่ได้ช่วยกันหวัดเม็กซิโก ด้าน สธ.ยันไทยไม่จัดอันดับตามทั่วโลก เพราะยังไม่มีผู้ป่วย เน้นเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้า หากพบป่วยย้ำตะครุบตัวให้ทัน ขณะที่ อธิบดีกรมการแพทย์ สั่งการ รพ.ราชวิถี ตั้งประตูวัดไข้จุดรับผู้ป่วยนอกให้เสร็จในสัปดาห์นี้
       
       ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสและอาจารย์ประจำภาควิชา จุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชนที่กำลังตื่นตระหนกจนแห่ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามสถานพยาบาลต่างๆ ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีให้บริการอยู่นั้นไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในเม็กซิโกแต่อย่างใด เพราะแม้แต่สหรัฐอเมริกาฯ ยังออกมาชี้แจงกับสาธารณะ ว่า วัคซีนในท้องตลาดไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกได้ เพราะแม้ว่าตัวเชื้อจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช1เอ็น1 ก็ตาม แต่ก็มีความแตกต่างกันมากพอควร
       
       “ในวัคซีนที่จำหน่ายในท้องตลาดจะสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ เอช1เอ็น1 และสายพันธุ์ เอช3เอ็น2 และไข้หวัดใหญ่ชนิดบี แม้ว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั่วไปที่ระบาดตามฤดูกาล ซึ่งวัคซีนสามารถป้องกันได้จะมีไวรัส เอช1เอ็น1 เช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก แต่ก็ถือว่ามีความแตกต่างมากพอสมควร และไม่สามารถระบุได้เลยว่าวัคซีนในปัจจุบันจะป้องกันไข้หวัดเม็กซิโกได้บ้างหรือไม่ได้เลย”ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าว
       
       ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของวัคซีนไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกคงต้องรออีกระยะหนึ่ง เพราะหลังจากที่องค์การอนามัยโลกเตรียมเชื้อไวรัสสำหรับผลิตวัคซีนจะต้องใช้ระยะเวลาอีกอย่างน้อย 2-3 เดือนกว่าที่จะสามารถผลิตมาใช้ป้องกันได้ ซึ่งได้ทราบข่าวว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้เตรียมตัวในเรื่องดังกล่าวเสร็จแล้ว
       
       “อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้ว่าจะมีการเตรียมเชื้อไวรัสสำหรับการผลิตวัคซีน ซึ่งใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า หากผลิตวัคซีนเป็นผลสำเร็จแล้ว จะมีการกระจายวัคซีนไปที่ประเทศใด จะแจกจ่ายกับประเทศที่มีการระบาดอย่างไร หรือบริษัทที่ผลิตจะเก็บไว้ใช้สำหรับประชาชนในประเทศของบริษัทผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม”ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าว
       
       ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ว่าทั่วโลกจะมีการยกระดับความรุนแรงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของเม็กซิโกเป็นระดับใด จะเป็นระดับ 5 หรือ 6 อีกในอนาคต หากในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยก็ยังถือว่าไทยจะไม่ได้ยกระดับความรุนแรงสอดคล้องกับทั่วโลกก็ดำเนินการได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดำเนินการอะไรเลย ซึ่งมาตรการในการเตรียมความพร้อมทางวิชาการได้เตรียมในระดับที่เลวร้ายไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่หากยังไม่มีป่วยในประเทศ มาตรการที่ดำเนินการคือการป้องกันและเฝ้าระวังเชื้อโรคแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศ
       
       นพ.คำนวณ กล่าวว่า หากประเทศไทยการยกระดับความรุนแรงเป็นระดับ 4 สอดคล้องกับทั่วโลก ซึ่งหมายถึงการพบการติดเชื้อจากคนสู่คนและมีการแพร่เชื้อในวงกว้าง จะต้องมีการใช้มาตรการทุกวิถีทางในการคุมการสกัดไม่ให้เชื้อลุกลาม พร้อมทั้งให้ยาโอเซลทามิเวียร์กับคนจำนวนมากและเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน แต่หากเป็นระดับ 5 ของประเทศไทยคือ ไม่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ จำเป็นที่คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นประธานสั่งการหน่วยงานต่างๆ มาพร้อมทำหน้าที่ในการป้องกันยับยั้งการระบาดตามแผนแม่บทที่เคยเสนอ ครม.มาก่อนหน้านี้
       
       “แม้ว่าทั่วโลกจะมีการยกระดับความรุนแรงเป็นมากเพียงใด แต่หากไทยยังไม่มีผู้ป่วยก็ยังคงตรวจตราผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้นต่อไป ขณะเดียวกันนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ยังคงไม่รุนแรง หากประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นต่างๆก็ยังไม่กระทบเท่าใดนักเมื่อเทียบกับพบการระบาดในประเทศไทย ซึ่งเราจำเป็นต้องรักษาสถานะอย่างนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”นพ.คำนวณ กล่าว
       
       นพ.คำนวณ กล่าว่า ในแง่เชิงการป้องกัน หากเพิ่มระดับเป็นระดับ 5 จะเกิดกระทบแน่นอน เพราะระดับ 5 อาจมีการระบาดในประเทศแถบยุโรป และหากระดับ 6 ก็จะขยับมาใกล้อยู่ในแถบเอเชีย ซึ่งกระทบต่อการทำให้ไทยป้องกันได้ยากยิ่งขึ้น หากระบาดในไทยก็ต้องตะครุบตัวผู้ป่วยให้เข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าจากการเตรียมความพร้อมของนานาชาติในขณะนี้คงไม่มีการยกระดับความรุนแรงไปถึงระดับ 6
       
       “เมื่อเทียบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในเม็กซิโกเทียบความรุนแรงที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตประมาณ 5-6% ซึ่งน้อยกว่าโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์สที่มีอัตราการเสียชีวิตถึง 15% หรือไข้หวัดนกที่มีอัตราตายถึง 60% เพราะโรคไข้หวัดเม็กซิโกได้เปรียบที่มียารักษา แต่ในแง่ของการแพร่ระบาดไข้หวัดเม็กซิโกแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า
       
       ขณะที่นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้โรงพยาบาลราชวิถี ติดตั้งประตูวัดไข้ ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแบบไม่สัมผัส มาใช้ตรวจวัดผู้ที่มารับบริการในบริเวณจุดรับผู้ป่วยนอก เพื่อคัดแยกผู้ที่มีอุณหภูมิสูงออกจากผู้ป่วยทั่วไปและบุคคลปกติโดยไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค เป็นการควบคุมป้องกันการติดโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในขณะนี้ โดยก่อนหน้านี้รพ.ราชวิถีได้ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) พัฒนาโปรแกรมประมวลผลภาพจากกล้องถ่ายภาพรังสีความร้อน (อินฟาเรด) ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแบบไม่สัมผัส โดยเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถคัดกรองผู้ป่วยได้หลายคนพร้อมกัน และให้บริการตรวจวัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แยกผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูงหรือผู้ป่วยที่อาจมีเชื้อโรคติดต่อร้ายแรง ไปรับการรักษาในห้องตรวจแยกโรคที่ได้มาตรฐานต่อไป ซึ่งการติดตั้งระบบดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสัปดาห์หน้าน
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 30, 2009, 08:49:12 am »

WHO เตือนไข้หวัดเม็กซิโกระดับ 5 แปลว่าใกล้ระบาดทั่วโลก
   
06:22 น.


    นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศหลังการประชุมฉุกเฉินของคณะนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดที่เกิดจากไข้หวัดใหญ่ ที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้เพิ่มระดับการเตือนภัยไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกจากระดับ 4 เป็น 5 จากทั้งหมด 6 ระดับแล้ว บ่งชี้ว่าไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกใกล้จะเกิดการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ทั้งนี้ระดับ 5 หมายถึงไวรัสแพร่ไปอย่างน้อย 2 ประเทศ และกำลังเกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนระดับ 6 หมายถึงระบาดเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 2 ภูมิภาคของโลก และกำลังเกิดการระบาดไปทั่วโลก
    การตัดสินใจของ WHO มีขึ้นขณะมีการยืนยันจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ 7 คน จากผู้เสียชีวิตที่ต้องสงสัยว่าเกิดจากโรคนี้ในเม็กซิโกรวม 159 คน และพบผู้เสียชีวิตนอกเม็กซิโกคนแรกเป็น
    เด็กชายชาวเม็กซิโกวัย 23 เดือน ซึ่งไปเสียชีวิตที่รัฐเท็กซัส ขณะเดียวกันก็มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดโรคนี้ 19 คนจากผู้ป่วยต้องสงสัยรวมทั้งหมด 2,498 คนในเม็กซิโก ส่วนในประเทศมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว 93 คนในสหรัฐฯ,16 คนที่แคนาดา, 14 คนที่นิวซีแลนด์, 5 คนที่อังกฤษ, 3 คนที่เยอรมนี, 10 คนที่สเปน, 2 คนที่อิสราเอล และ 1 คนที่ออสเตรีย
    นางชานเปิดเผยว่าการปรับระดับเป็นสัญญานเตือนถึงรัฐบาลชาติต่างๆ รวมทั้งรัฐมนตรีสาธารณสุขและอุตสาหกรรมยา ว่าถึงเวลาแล้วที่สมควรดำเนินการต่างๆอย่างเร่งด่วนมากขึ้น และต้องหาหนทางรับมืออย่างจริงจังกับภัยคุกคามของการระบาดในเม็กซิโกกับสหรัฐฯ ทุกประเทศสมควรดำเนินแผนเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดไปทั่วโลกในทันที พร้อมระบุว่าได้เตรียมพร้อมรับมือกับโรคไข้ที่ระบาดก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ทำให้ประเทศต่างๆมีการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคนี้ได้ดีกว่าเดิม
    เธอย้ำด้วยว่า คำถามสำคัญสุดในปัจจุบันคือ การระบาดไปทั่วโลกครั้งนี้จะรุนแรงแค่ไหน พร้อมเรียกร้องให้ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเสี่ยงจะถูกคุกคามจากโรคไข้หวัดเม็กซิโกมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีระบบสาธารณสุขซึ่งพัฒนาแล้ว และมีเงินทุนมากกว่าในด้านเวชภัณฑ์ เพราะมนุษยชาติทั้งมวลมีความเสี่ยงจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2009, 09:02:20 pm »

สธ.ออกคำแนะนำฉบับ 4 เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
   
10 พค. 2552 18:22 น.

    จากสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A H1N1 ที่ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้เริ่มพบผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแล้ว ซึ่งจากข้อมูลองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 พบผู้ป่วยใน 29 ประเทศ จำนวน 3,440 ราย เสียชีวิต 48 ราย (เม็กซิโก 45 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย และแคนาดา 1 ราย)
    กระทรวงสาธารณสุขได้พยายามจัดระบบงานการแพทย์และสาธารณสุขให้เข้มแข็ง รับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ต่างๆได้ สำหรับการป้องกันแก้ไขสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ กระทรวงสาธารณสุขเน้นมาตรการสำคัญ 3 ด้าน คือ 1)มาตรการสกัดกั้น การดำเนินที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศทุกแห่ง เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่เข้ามาภายในประเทศ 2)มาตรการค้นหาและแก้ไข การค้นหาผู้ป่วยโดยเร็ว และให้การวินิจฉัยรักษาอย่างมีประสิทธิภาพโดยสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ การจัดทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็วทุกอำเภอ รวมทั้งการอบรมความรู้แก่ อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังโรคในหมู่บ้าน และให้คำแนะนำการป้องกันโรคแก่ประชาชน 3)มาตรการเตรียมความพร้อมวงกว้าง เน้นการสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจสามารถป้องกันตนเองได้
    เนื่องจากขณะนี้ใกล้เปิดภาคเรียนของสถานศึกษาต่างๆ กระทรวงสาธารณสุขขอให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ประชาชนทั่วไป ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศและสถานศึกษา ดังนี้
    คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
    ขอให้ประชาชนมั่นใจและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาการที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ สร้างสุขนิสัยการป้องกันโรค โดยกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ ถ้าป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เสมหะ ควรปิดปากจมูกเวลาไอโดยใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูและทิ้งลงถังขยะที่มี ฝาปิด และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กับผู้อื่น หากมีผู้รู้จักซึ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ และมีอาการป่วยเป็นไข้ภายใน 7 วันนับจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย ควรแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันที

    คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่มีการระบาดของโรค
    หากมีอาการไข้ ขอให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สายการบินหรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เพื่อให้การดูแลท่าน และเพื่อประกันความปลอดภัยของผู้โดยสารคนอื่นในสนามบินและบนเครื่องบิน
    ประเทศไทยมีการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Thermo Scanner) ที่สนามบินนานาชาติทุกแห่ง หากพบว่ามีไข้ จะมีแพทย์ตรวจและให้การดูแล ณ จุดคัดกรอง ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ สำหรับผู้ที่ไม่มีไข้และไม่มีอาการป่วย ควรสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 7 วัน ระหว่างสังเกตอาการหากมีไข้ร่วมกับอาการใดอาการหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ไอ เจ็บคอ ร่วมกับอาเจียน ถ่ายเหลว ให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น รีบสวมหน้ากากอนามัยหรือปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอหรือจาม และล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และไปพบแพทย์ พร้อมแสดงบัตรเตือนเรื่องสุขภาพที่ได้รับจากด่านควบคุมโรคที่สนามบิน เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียดต่อไป หากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ควรหยุดงานหรือหยุดเรียน พักอยู่ที่บ้านหรือที่พัก และสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 7 วัน ควรปิดปากปิดจมูกทุกครั้งด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูทุกครั้งเมื่อท่าน ไอจาม และทิ้งลงในถังขยะ หรือสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กับผู้อื่น

    คำแนะนำสำหรับสถานศึกษา
    ? ขอให้ทางโรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่งตรวจสอบว่ามีนักเรียนหรือนักศึกษาที่มี ประวัติเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ และติดต่อสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียน ขอให้สังเกตอาการตนเองจนครบ 7 วันนับจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย หากมีไข้ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น เจ็บคอ ไอ น้ำมูก ฯลฯ ขอให้ไปพบแพทย์ เพื่อประเมินอาการเจ็บป่วยและให้การวินิจฉัยรักษา และหยุดเรียนจนกว่าจะหายดี ขอให้ครูประจำชั้นตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ขาดเรียนและตรวจอาการนักเรียนใน แต่ละวัน หากพบนักเรียนมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือมีนักเรียนขาดเรียนมากผิดปกติ (ตั้งแต่ 3 คน ในห้องเรียนเดียวกัน) ขอให้ตรวจสอบสาเหตุ หากสงสัยว่าขาดเรียนจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตรับผิดชอบ (เขตกรุงเทพมหานคร แจ้ง โทร. 0-22460358 หรือ 0-2245-8106 นอกกรุงเทพมหานครแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด) เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคได้ทันการณ์
    ขอให้โรงเรียนจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการล้างมือ เช่น อ่างล้างมือ สบู่ ฯลฯ และรณรงค์ส่งเสริมให้นักเรียนล้างมืออย่างถูกต้อง ซึ่งในชั้นต้นนี้กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่ง เพื่อสำรองไว้ที่ห้องปฐมพยาบาล สำหรับให้นักเรียนที่ป่วยสวมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
    ท่านสามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2009, 04:09:47 pm »

เชียงใหม่หวัด2009ลามหนัก สั่งปิด ม.ปลาย ปรินส์รอยฯ6วัน
   
9 กค. 2552 15:27 น.

    นายเสริมศิษฐ์ พิมพันธ์ดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ในสถานศึกษาของ จ.เชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดชั้น ม.ปลาย ของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 9-14 กรกฎาคม เนื่องจากพบนักเรียนชั้น ม.6 มีอาการป่วยเข้าข่ายต้องสงสัย จึงต้องปิดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนโรงเรียนกวดวิชาซึ่งมีอยู่กว่า 30 แห่ง ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ยังไม่มีการสั่งปิด แต่ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอาคารสถานที่ และขอความร่วมมือร่วมกันเฝ้าระวัง ให้ความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อให้กับนักเรียนที่เข้าเรียน แต่หลังจากนี้หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจขอความร่วมมือหยุดเปิดสอนระยะหนึ่งจน กว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
    นายเสริมศิษฐ์ กล่าวว่า ในจังหวัดเชียงใหม่มีโรงเรียนในระบบเป็นจำนวนมาก ทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดกำลังลุกลามมากขึ้น จึงต้องเฝ้าระวังและวางมาตรการป้องกันเป็นพิเศษ โดยทีมของ สพท.เขต 1 ได้มีการประสานงานกับสาธารณสุขจังหวัดและสถานศึกษาทุกแห่งอย่างใกล้ชิดแล้ว

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=392088
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 09:31:28 am »

ต้องหยุด “หวัดมรณะ” ก่อนหายนะกันทั้งชาติ !!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    10 กรกฎาคม 2552 08:09 น.


      
นาทีนี้ไม่รู้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มียอดสะสมจำนวนที่แท้จริงว่ามีจำนวนเท่าใดกันแน่ เพราะจากการคำนวณคร่าวๆของ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ที่หลุดปากโพล่งออกมาว่าน่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างไม่เป็นทางการเกือบ 2 แสนรายเข้าไปแล้ว
       
       แม้ว่าถ้าดูตามตัวเลขที่รายงานโดยหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นทางการล่า สุดเมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ ( 9 กรกฎาคม) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 211 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศจำนวน 2,925 ราย
       
       แต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือในวันเดียวกันมีผู้เสียชีวิตติดๆกันถึง 2 ราย และยังอยู่ในอาการโคม่าอีกราว 7-8 ราย
       
       ทำให้ล่าสุดรวมผู้เสียชีวิตถึง 13 รายแล้ว
       
       ตายกันเป็นใบไม้ร่วง !!
       
       ถ้าพิจารณาตามตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อดังกล่าวอาจยังไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทางตะวันตก อย่างยุโรป และอเมริกา แต่ถ้าดูตามสถิติตั้งแต่เริ่มแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน จนถึงปัจจุบันถือว่าจำนวนได้เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างน่าตกใจ
       
       อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลการแพร่ระบาดอย่างลุกลามรุนแรงทำให้รัฐบาลได้ ออกมามาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นด้วยการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศเป็น เวลา 15 วันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13-28 กรกฎาคม เนื่องจากเป็นสถานที่แพร่เชื้อมากที่สุด รวมไปถึงการขอความมือให้ร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศปิดให้บริการ ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
       
       ซึ่งมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลที่ออกมาถือว่าเข้มข้นขึ้นมาพอสมควร เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่เคยสั่งปิดโรงเรียนหลังจากพบผู้ติดเชื้อมาก่อน หน้านี้
       
       แต่ หลายฝ่ายมองเห็นตรงกันว่ามาตรการป้องกัน และการควบคุมของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และล่าช้าเมื่อพิจารณาถึงความร้ายแรงของโรค และผลกระทบที่จะตามมาทุกด้านในอนาคต
       
       เพราะต้องยอมรับว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เริ่มแพร่กระจายมาจากประเทศเม็กซิโกเป็นประเทศแรกมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก จนต้องสั่งปิดประเทศกันระยะหนึ่ง สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก และผลกระทบที่ตามมาก็คือความย่อยยับ ทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งในเวลานี้ยังไม่ค่อยมีใครกล้าเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเข้าประเทศ
       
       ขณะที่ประเทศไทยแม้ว่าการแพร่ระบาดในสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ถือว่า เข้าขั้นวิกฤตเมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่ถ้าเรายังไม่สามารถหยุดยั้งการติดเชื้อ หรือยังไม่มีมาตรการรับมือที่ได้ผลมากกว่านี้ ก็น่าเป็นห่วง
       
       เพราะประเทศไทยถือว่ามีความเปราะบางแทบทุกด้านทั้งทางด้านการเมือง และเศรษฐกิจอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่เจอกับเชื้อหวัดมรณะ 2009 ก็ยังถือว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์จากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่คุกคามส่งผล กระทบอย่างหนักมาตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว
       
       ถือว่าเจอเข้าไป “สองเด้ง” เต็มๆ
       
       เมื่อภัยร้ายแรงมาจ่ออยู่ตรงหน้า รัฐบาลจะต้องแสดงให้สังคมได้เห็นว่ามีความตื่นตัวในการรับมือและแก้ปัญหา มากกว่านี้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการมาตรการออกมาหลายอย่างก็ตาม แต่หากจับอารมณ์ของสังคมก็ต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า ยังไม่เพียงพอ และยังให้ความเชื่อมั่นไม่ได้
       
       และที่สำคัญหากยังหยุดยั้งการแพร่ระบาดไม่ได้ หรือควบคุมอยู่ในวงจำกัดไม่ได้ ยังปล่อยให้มีการติดเชื้อ หรือการเสียชีวิตเป็นรายวัน ตายกันเป็นใบไม้ร่วงแบบนี้ต่อไป มันก็อาจก่อให้เกิดหายนะกับทุกฝ่ายได้เหมือนกัน
       
       นอก เหนือจากชีวิตของชาวบ้านที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแล้ว ก็ยังต้องพิจารณาถึงความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ ที่เห็นได้ชัดก็คือผลกระทบทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งหลายฝ่ายตั้งความหวังว่าอาจจะโงหัวขึ้นมาในช่วงปลายปี แต่หากรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นไม่ได้ ทุกอย่างก็นับถอยหลังได้เลย
       
       ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากมาตรการที่ออกมาใช้ในการแก้ปัญหาไข้หวัดมรณะ 2009 ไม่ได้ผลแล้ว อาจยังต้องเจอกับโรค “ไข้หวัดนก” ที่จ่อแพร่ระบาดซ้ำในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทุกปี หรือ “โรคซาร์ส” ที่อาจหวนกลับมาอีกรอบก็เป็นได้
       
       แม้ ว่าไม่มีใครอยากให้ตื่นตูม หรือตื่นตระหนกกันจนเกินเหตุก็ตาม แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องแสดงภาวะผู้นำเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปสู่ภาวะวิกฤต
       
       เพราะถ้าเอาไม่อยู่ นั่นหมายความว่าเค้าลางหายนะกำลังรออยู่ข้างหน้า !!
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 02:04:09 pm »

หวัดใหญ่2009โผล่นครฯ พบผู้ติดเชื้อ3อำเภอ 9 ราย
   
10 กค. 2552 12:42 น.

    นายแพทย์ นพพร ชื่นกลิ่น สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงการตรวจสอบผู้ป่วยไข้หวัด 2009 ว่าขณะนี้นครศรีธรรมราช พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวแล้ว 11 ราย โดย 9 รายนั้นอาการไม่น่าห่วงแล้ว แต่อีก 3 รายยังอยู่ในการดูแลเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเนื่องจากการอาการค่อนข้างน่าเป็น ห่วง โดยผู้ป่วยทั้งหมดนั้นพบอยู่ใน 3 อำเภอคือ เมืองนครศรีธรรมราช ทุ่งสง และท่าศาลา
    สสจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตัวเลขทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่านครศรีธรรมราชจะมีผู้ป่วยแค่นี้แต่เชื่อ ว่าจะมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน แต่ยังตรวจไม่พบประกอบกับผู้ป่วยเองนั้นเข้าใจตนเองว่าเป็นแค่หวัดธรรมดา และนี่จะเป็นปัญหาต่อไปคือเมื่อป่วยไปแล้ว 4-5 วันจึงจะมาพบแพทย์และหากแพทย์ตรวจเชื้อช้าปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อชีวิต จะตามมาอีก
    “ในวันที่ 14 ก.ค.จะนัดหมายกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการร้านอาหารเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการล้างมือ โดยมีเจลล้างมือตัวอย่างมอบให้ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าจะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ หากตัวอย่างเจลล้างมือที่เราให้ไปนั้นหมดทางห้างจะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งจะดำเนินการหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าพบผู้ป่วยแล้วเราสืบสวนโรคพบว่าหากมีต้นตอการรับเชื้อจากห้างที่ ปราศจากการควบคุมและระวังห้างเหล่านี้จะต้องถูกประกาศเช่นเดียวกับโรงเรียน กวดวิชา ”

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=392277
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 02:06:18 pm »

โคราชป่วยหวัด 2009 รวมแล้ว 18 ราย
   
10 กค. 2552 12:34 น.

    ภายหลังจากที่มีมติ ครม. ออกมาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 9 ก.ค.52 ) มีคำสั่งให้สถาบันกวดวิชาทั่วประเทศหยุดทำการสอนพิเศษให้แก่นักเรียน เป็นเวลา 2 อาทิตย์ โดยจะเริ่มให้ปิดตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.2552 เป็นต้นไป ทางสถาบันกวดวิชาต่างๆในจังหวัดนครราชสีมาต่างแสดงความพร้อมที่จะให้ความ ร่วมมือกับทางรัฐบาล และเตรียมแผนวางการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนชดเชยในช่วงเวลาที่ขาดหายไปแทน
    นายสมเกียรติ์ เหลียวประภากุล อาจารย์สอนพิเศษ สถบันกวดวิชา อาร์เทค นครราชสีมา เปิดเผยว่า พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลที่ให้หยุดทำการเรียนการสอน เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์ โดยจะเริ่มหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. หรือวันจันทร์หน้า เนื่องจากรู้ดีว่าปัญหาในเรื่องของการระบาดของเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นเรื่องสำคัญมาก และสถานการณ์ในปัจจุบันก็น่าเป็นห่วง ดังนั้นหากสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ก็พร้อมที่จะช่วย เหลือ ส่วนผลกระทบก็อาจจะทำให้แผนการเรียนการสอนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คาดเคลื่อนไป บ้าง ซึ่งก็ได้พยายามปรับแผนการเรียนการสอนใหม่ เพื่อชดเชยกับเวลาที่หยุดเรียนไป
    ด้านร้อยเอกนายแพทย์วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จนถึงวันที่ 9 กค.52 ) พบผู้ติดเชื้อแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 16 ราย มีผู้ป่วยที่เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งสิ้น 93 คน ส่วนใหญ่หายเป็นปกติแล้วยังเหลือรักษาจำนวน 7 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ทำให้มีการประกาศปิดโรงเรียนเพื่อทำความมสะอาด และจะเปิดปกติในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ขณะที่ยังคงมีผู้ป่วยที่เข้าข่ายอาจจะติดเชื้อนอนรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาล ต่างทั่งจังหวัดนครราชสีมา เพื่อรอผลการตรวจพิสูจน์เชื้ออีกจำนวน 20 ราย แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคนี้ และอาการของผู้ป่วยทั้งหมดไม่ร้ายแรง หรือมีอาการของโรคแทรกซ้อนแต่อย่างใด
    ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ก.ค. มีนักเรียนชายชั้น ป.4 อายุ 10 ปี โรงเรียนกุลโน และนักเรียนชั้น ม.3 อายุ 14 ปี โรงเรียนพิมายวิทยา อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีกจำนวน 2 ราย ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ล่าสุดทั้ง 2 รายได้ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์เมรี่ และอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อาการของเด็กชายทั้ง 2 คน ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ขณะนี้ยอดตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 18 รายแล้ว

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=392273&lang=T&cat=
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 02:07:35 pm »

นครพนมติดหวัด 2009 เพิ่มรวมเป็น 6 รายแล้ว
   
10 กค. 2552 11:29 น.

    นายแพทย์เด่นชัย ศรกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในพื้นที่ว่า หลังจากที่พบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว จำนวน 4 ราย เป็นหญิง 2 ราย ชาย 2 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.นาแก และ อ.บ้านแพง ซึ่งขณะนี้อาการหายดีแล้ว และกลับไปฟักฟื้นที่บ้าน
    ล่าสุดสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้รับรายงานว่า มีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 2 ราย เป็นหญิง 1 ราย และชาย 1 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.ธาตุพนม และ อ.ศรีสงคราม โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.ศรีสงคราม เป็นนักเรียนชาย วัย 11 ขวบ ที่ไปเรียนที่กรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับบ้าน ซึ่งทางแพทย์กำลังให้การรักษาดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่มีอาการป่วยไม่รุนแรง
    ขณะเดียวกันทางด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้ประสานไปยังหน่วยงานในสังกัดทุกอำเภอ และโรงพยาบาลทุกแห่ง คุมเข้ม ตรวจสอบ คัดกรองผู้ป่วย ที่เข้ามารักษาอาการป่วยตามโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ออกตรวจตามสถานศึกษา สถานที่สาธารณะ หน่วยงานให้บริการประชาชน พร้อมทำความสะอาดป้องกันเชื้อแพร่ระบาด เนื่องจากในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีประชาชนเดินทางเข้าออกในพื้นที่จำนวนมาก จึงมีการนำเชื้อไข้หวัดมาติดต่อ

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=392261&lang=T&cat=
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 02:31:08 pm »

ไข้หวัดใหญ่ 2009 คร่าอีก 3 ชีวิต   ครม.สั่งปิดร.ร.กวดวิชา 15 วัน เหตุพบ น.ร.ติดเชื้อมากที่สุด พร้อมเตรียมพิจารณาคอนเสิร์ต  "นายกฯ" บอกอย่าตระหนกสถิติพุ่ง ผู้เชี่ยวชาญคาดคนไทยอาจติดเชื้อถึง 20 ล้านคน  "เพื่อไทย" แนะกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ จี้เปลี่ยนตัว "วิทยา"

ผู้เชี่ยวชาญคาดคนไทยส่อติดเชื้อ20ล้านคน


นพ.คำนวณ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า ตามหลักวิชาการ มีข้อมูลว่า สุดท้ายแล้วการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จะมีประชาชนติดเชื้อประมาณร้อยละ 20-30 ของแต่ละพื้นที่ จากนั้นการระบาดก็จะหยุดลงโดยอัตโนมัติ เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีขีดความสามารถในการแพร่เชื้อ 1 ไวรัส ต่อประชาชน 1.5-2 คน ประเทศไทย มีประชากรราว 63 ล้านคน ดังนั้น จะมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ราว 20 ล้านคน โดยประชาชนในเขตเมืองจะมีความเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าในชนบท เพราะมีความแออัดมากกว่า


นพ.คำนวณกล่าวต่อว่า จากการประเมินสถานการณ์ คาดว่าหลังการระบาด 2 เดือน ขณะนี้ไทยจะมีผู้ติดเชื้อแล้วถึง 1 แสนคน แต่อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง ไม่ต้องเข้าระบบการรักษา แต่หากในรอบระบาดเดือนที่ 3 คือเดือนกรกฎาคมนี้ ยังไม่มีมาตรการชะลอการระบาด อาจทำให้ไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงเป็น 2-3 แสนคน และขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์เริ่มป่วยจำนวนมาก โดยมีผลตรวจเชื้อยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว ประมาณ 10 คน

ล้อมคอกหวัด 2009  ครม.สั่งปิด ร.ร.กวดวิชาและคุมเข้มร้านเกม 15 วัน

คณะ รัฐมนตรี (ครม.) มีมติสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศ 15 วัน ระหว่างวันที่ 13-28 กรกฎาคมนี้ พร้อมขอความร่วมมือร้านเกม อินเตอร์เน็ต ให้ปิดบริการ 15 วัน ในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หากการแพร่ระบาดยังไม่ลดลงอาจจะสั่งปิดเทอมก่อนกำหนด และมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้หยุดจัดแสดงคอนเสิร์ต เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้อหลังเข้าชมคอนเสิร์ต

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ว่า ครม.พิจารณากำหนดแนวทางมาตรการเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยแนวทางที่ดำเนินการเป็นไปตามแนวทางมาตรฐาน ที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก โดย ครม.มีมติดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ
1.โรงเรียนต้องช่วยกันรณรงค์ ว่าเด็กคนไหนที่มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ต้องให้หยุดเรียน และสามารถไปสอบทีหลังได้ นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเสริมบุคลากรเข้าไปในโรงเรียน เพื่อช่วยคัดกรองเด็กตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อจะส่งเด็กที่มีอาการหรืออยู่ในข่ายต้องสงสัยกลับบ้าน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมนี้
2.โรงเรียนไหนที่เห็นว่ามีเด็กติด เชื้อในจำนวนที่น่าจะระบาดทั้งโรงเรียน จะใช้แนวเดิมคือ เป็นดุลพินิจที่สามารถหยุดหรือปิดเรียนได้ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดที่สำคัญในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นที่โรงเรียนกวดวิชา ที่เด็กต่างโรงเรียนมาพบกัน มีสภาพ แวดล้อมและโอกาสติดเชื้อต่อกันสูงมาก ทั้งสถานที่ และอีกหลายปัจจัย ครม.จึงเห็นชอบให้โรงเรียนกวดวิชาหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 13-28 กรกฎาคม ทั่วประเทศ
3.จากการเก็บตัวเลขซึ่งเห็นว่ามีปัญหาคือ ร้านเกม ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของร้านเกมและคนที่ทำงานร้านเกมป่วยอาการหนักอยู่ด้วย จึงจะขอความร่วมมือ โดนให้กระทรวงวัฒนธรรมซึ่งดูแลโดยตรง เข้าไปรณรงค์ทำความเข้าใจ เพราะร้านเกมเป็นสถานประกอบการที่ไม่มีกฎหมายเฉพาะที่จะไปดำเนินการ ให้มีการหยุดกิจการเท่าที่ทำได้เป็นการชั่วคราวในช่วงวันที่ 13-28 กรกฎาคมเช่นกัน และดำเนินการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องทำความสะอาดและกำจัดเชื้อออกจากสถานที่" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการเก็บตัวเลขผู้ติดเชื้อมาวิเคราะห์พบว่ากลุ่มที่ติดเชื้อมากที่สุด คือ กลุ่มนักเรียน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อ 2,900 คน มีกว่า 2,000 คน ที่เป็นนักเรียนอายุ 11-20 ปี


"มาร์ค" บอกอย่าตื่นตระหนก

นาย อภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า บางประเทศที่มีตัวเลขยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่ามีผู้ติดเชื้อในหลักพันคน แต่ข้อเท็จจริงมีคนติดเชื้อแล้วอาจเป็นหมื่น แสน หรือประเทศใหญ่ๆ อาจเป็นล้านคน กรณีประเทศไทย ผมก็ต้องบอกตรงไปตรงมาว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ใช่ 2,700 หรือ 2,900 คนแน่นอน แต่เราก็เก็บตัวเลขตามมาตรฐานและรายงานตามข้อเท็จจริงของการตรวจเก็บ

นาย อภิสิทธิ์ยังยืนยันว่า ตัวเลขการแพร่ระบาดในประเทศไทยไม่ได้เป็นตัวเลขที่ตื่นตระหนกตกใจอะไรเลย เพราะขึ้นกับขนาดประชากร และมาตรการต่างๆ ก็ยืนยันว่าเป็นแนวทางที่ทำมาถูกต้องแล้ว ส่วนกรณีการเสียชีวิตนั้น ถ้าเทียบตัวเลข 11 คน จากผู้ติดเชื่อทั้งหมด 2,900 คน คิดเป็นร้อยละ 0.4 ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป

"การเข้ารับการรักษา นั้น ยืนยันว่าคนที่มีสิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ข้าราชการ สิทธิประกันสังคม ถ้าใช้สิทธิตามโครงการ จะไม่มีปัญหา" นายกรัฐมนตรีกล่าว


ชี้ยังไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียนและปิดประเทศ

เมื่อ ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสั่งปิดโรงเรียน รวมถึงสถานที่ที่มีคนรวมกันเยอะๆ ไปเลย เพื่อให้มีการทำความสะอาดใหญ่และกำจัดเชื้อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โรงเรียนปิดไป 5 วันแล้ว แต่อย่าลืมว่าคนที่ติดเชื้อยังติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างกันและกัน ตรงนี้จะทำให้การแพร่ระบาดมีต่อไป มันไม่สามารถไปกวาดออกจากสถานที่ได้อย่างเดียว

ส่วนกรณีที่อัตราการ เสียชีวิตของไทยพุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรียนตรงๆ ว่าวัดว่าเป็นอันดับ 1 หรือ 2 หรือไม่ อยู่ที่มาตรฐานการเก็บตัวเลขด้วย อย่าลืมว่าผู้เสียชีวิต 3-4 รายหลัง เสียชีวิตไปแล้วจึงตามไปตรวจสอบว่ามีเชื้อหรือไม่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การตรวจสอบตัวเลข แต่เรื่องการเปรียบเทียบตัวเลขต้องระมัดระวัง เพราะหลายประเทศถึงขั้นไม่ตรวจเชื้อกันแล้ว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้บางประเทศตัดสินใจใช้ยาทันทีโดยไม่ดูอาการว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่หรือไม่ บางประเทศใช้สต๊อคยาไปถึงร้อยละ 30 แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่อยากให้ทำแบบนั้น เพราะจะทำให้โอกาสการกลายพันธุ์สูงขึ้น และฝากผ่านสื่อด้วยว่าทุกคนมีสิทธิติดโรคนี้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใครไม่มีโรคประจำตัว และได้รับการดูแลทันท่วงทีก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า ถ้าอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น จนวันหนึ่งตาย 5-10 คน จะต้องถึงขั้นปิดประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆแล้วมาตรฐานที่ใช้กัน คือถ้าอัตราการตายเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ซึ่งเข้าใจว่ามีประเทศในทวีปอเมริกาจำเป็นต้องใช้มาตรการดังกล่าว เพื่อหยุดสภาพการแพร่ระบาด ตรงนั้นเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันอยู่แล้ว แต่ของไทยยังอยู่ที่ร้อยละ 0.4

http://matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1247148493&grpid=00&catid=04
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2009, 11:51:25 pm »

รพ.เอกชนเลิกหน้าเลือด มีมติเคาะตรวจหวัดราคาเดียว 3,500 บาท
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    10 กรกฎาคม 2552 19:41 น.
       สมาคมโรงพยาบาล เอกชน มีมติกำหนดราคาตรวจไข้หวัดใหญ่และตรวจวิเคราะห์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ 2009 ราคาเดียว 3,500 บาท ในโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ 213 แห่ง ย้ำ ผู้ป่วยใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่ก่อน จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง
       
       นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเพื่อกำหนดราคาการตรวจคัดกรองไข้หวัดใหญ่ และการตรวจวิเคราะห์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า คณะกรรมการมีมติให้กำหนดราคา ดังนี้ 1.การตรวจ Rapid test หรือการตรวจหากลุ่มสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ หรือบี โดยใช้สำลีป้ายช่องจมูก หรือช่องคอ รู้ผลทันทีราคา 500 บาท 2.การตรวจ Confirm test หรือการนำสารคัดหลั่งส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อยืนยันเชื้อไวรัสชนิดเอ เอช1เอ็น1 ราคา 3,000 บาท รวมตรวจ 2 อย่าง ราคา 3,500 บาททั่วประเทศราคาเดียว
       
       นพ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนจะเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกับการ รักษาที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คือ หากอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา จะรักษาตามอาการ แต่ถ้ามีโรคประจำตัวร่วมด้วยและอาการรุนแรงจะพิจารณาให้นอนรักษาที่โรง พยาบาล และตรวจยืนยันเชื้อ เอช1เอ็น1 รวมทั้งพิจารณาให้ยาทามิฟลูในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากยานี้จะทำให้เกิดอาการดื้อยา และเป็นผลเสียในอนาคตหากให้เร็วเกินไป
       
       นพ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.) โรงพยาบาลเอกชนที่เป็นสมาชิกของสมาคมจำนวน 213 แห่งทั่วประเทศ จะใช้หลักปฏิบัติเดียวกันนี้ และขอย้ำให้ผู้เข้ารับการรักษาใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่ก่อน เช่น บัตรทอง บัตรประกันสุขภาพ จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาอาจพบปัญหาราคาสูง ส่วนกรณีเป็นความประสงค์ของผู้ป่วยที่ต้องการทราบว่าตนเองติดเชื้อไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ จะอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เนื่องจากมีความจำกัดของห้องแล็ปไม่สามารถตรวจให้ครบได้ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำไม่ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้แบบที่วงการแพทย์เรียก ว่า “ซูเปอร์” ซึ่งออกฤทธิ์รุนแรง เช่น โบเฟ่น จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตัวเหลือง จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

สถานการณ์ล่าสุดไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 อันดับ 5 ของโลก สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย..!!     
      อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา
      อันดับ 2 เม็กซิโก
      อันดับ 3 อาร์เจนติน่า
      อันดับ 4 แคนาดา
      อันดับ 5 ไทย
      อันดับ 6 ชิลี

บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2009, 11:57:03 am »

 Cheesy คนไทยชอบทำสิ่งตรงข้ามเสมอ คือยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ดังนั้นถ้าเราว่าไม่ต้องตื่นไข้หวัด คนก็ยิ่งตื่นกลัว
 เหมือนเมื่อก่อนไม่เห็นยาบ้าระบาด ใครอยากกินก็หาซื้อได้เม็ดละไม่กี่บาท พอห้ามก็ระบาดใหญ่แพงก็จะกิน
 มันน่าแปลกที่อยากให้หายไปก็ไม่หาย สงสัยต้องทำตรงข้ามจึงจะได้ผล คืออะไรที่อยากห้ามก็ยุส่งไปเลย เช่นหวัด 2009
ใครอยากเป็นก็เชิญ มาเอาเชื้อไปได้ มีเยอะไม่ต้องจอง Smiley HAPPY2!! Lips Sealed
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
mar162
member
*

คะแนน11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 204


อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2009, 12:41:49 pm »

คนไทยชอบทำสิ่งตรงข้ามเสมอ คือยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ดังนั้นถ้าเราว่าไม่ต้องตื่นไข้หวัด คนก็ยิ่งตื่นกลัว
 เหมือนเมื่อก่อนไม่เห็นยาบ้าระบาด ใครอยากกินก็หาซื้อได้เม็ดละไม่กี่บาท พอห้ามก็ระบาดใหญ่แพงก็จะกิน
 มันน่าแปลกที่อยากให้หายไปก็ไม่หาย สงสัยต้องทำตรงข้ามจึงจะได้ผล คืออะไรที่อยากห้ามก็ยุส่งไปเลย เช่นหวัด 2009
ใครอยากเป็นก็เชิญ มาเอาเชื้อไปได้ มีเยอะไม่ต้องจอง
**แม้นแล้ว....
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!