วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึก ตู้พระไตรปิฎก และหลักฐานอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งท่านสามารถหาอ่านได้ในหนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ ในปัจจุบันวัดอัมพวัน โดยพระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) ได้เปิดสำนักฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ขององค์พระศาสดาสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสอนให้แก่ผู้ใคร่ฝึกปฏิบัติธรรม ได้รับความรู้ที่ถูกต้องในการปฏิบัติ ตลอดจนอบรมธรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นในที่สุด
ประวัติ วัดอัมพวัน
อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ตำแหน่งที่ตั้งวัดอัมพวัน
เลขที่ ๕๓ บ้าน ถนนเอเชีย กิโลเมตรที่ ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ตำบลสงฆ์บ้านแป้ง ตำบลบ้านเมืองพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์
ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๓๑ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินคือ โฉนดที่ ๘๘๗๗ เลขที่ ๒๒๓ มีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ ยาว ๓๘๐ เมตร จดที่ดินเลขที่ ๑๔๗ ทางสาธารณประโยชน์
ทิศใต้ ยาว ๒๕๙ เมตร จดที่ดินเลขที่ ๑๔๕ ที่มีการครอบครองสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันออก ยาว ๑๘๕ เมตร จดทางสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันตก ยาว ๑๙๒ เมตร จดที่ดินเลขที่ ๑๔๗ ทางสาธารณประโยชน์
ที่ธรณีสงฆ์มี ๓ แปลง มีเนื้อที่ทั้งสิ้น ๓๐ ไร่ ๔ งาน ๑๒๖ ตารางวา
แปลงที่ ๑ ที่ตำบลพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีเนื้อที่จำนวน ๑๔ ไร่ ๑๒ ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ โฉนดเลขที่ ๔๙๐๗ นายพุก นางจุ่น โพธิ์ศรี ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๗
แปลงที่ ๒ ที่ตำบลหัวป่า อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีเนื้อที่จำนวน ๑๑ ไร่ ๓ งาน ๑๒ ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ โฉนดเลขที่ ๔๓๙๐ พันเอกสมภพ ศริพันธุ์, นางโสภิต วรากลาง, นางเพ็ญศรี บุรีรัตน์-นางสาวดวงรัตน์ ศริพันธุ์ ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ตามบัตรอนุโมทนาของเลขาธิการมหาเถรสมาคม
แปลงที่ ๓ ที่ตำบลพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีเนื้อที่จำนวน ๕ ไร่ ๑ งาน ๓๔ ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ โฉนดเลขที่ ๔๙๐๑ พันเอกสมภพ ศริพันธุ์, นางโสภิต วรากลาง, นางเพ็ญศรี บุรีรัตน์-นางสาวดวงรัตน์ ศริพันธุ์ ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปของบริเวณที่ตั้งวัด
วัดอัมพวัน เป็นวัดที่อยู่อย่างราบเรียบ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก สภาพของต้นไม้ทั่วไปนั้น ปลูกไม้ดอก - ไม้ใบ สภาพปลูกใหม่ สภาพพื้นที่เป็นที่น้ำท่วม มาบัดนี้ทางวัดได้ทำถนน - คูกั้นน้ำ การป้องกันน้ำไว้ได้ การปลูกสร้างต้นไม้จึงเกิดใหม่ ต้นไม้ประมาณ ๓๐๐ เศษ
หลักฐานการตั้งวัด
จากการสำรวจทางราชการประมาณกาลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๗๕ การสร้างอุโบสถ ผูกพัทธสีมา มาแล้ว ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อรัชกาลที่ ๓ ครั้งที่ ๒ นี้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร และได้ผูกพัทธสีมา วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๓
ประวัติความเป็นมาของวัด
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นชื่อเดิมมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
อุโบสถหลังเก่าได้ชำรุดและพังลง เมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๑ ตรงกับวันแรม ๗ ค่ำเดือน ๓ ปีจอ เวลา ๐๙.๔๕ น.
ได้รื้อถอนเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๑ ตรงกับแรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๒ เวลา ๑๐.๐๐ น. ด้วยแรงชาวบ้านและรถยกของ ป.พัน ๑๐๑ มาช่วยกันรื้ออุโบสถ เสร็จเรียบร้อยภายใน ๔ วัน
เริ่มก่อสร้างอุโบสถ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๑ วางศิลาฤกษ์ ๑๔-๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ รวมเวลาการก่อสร้าง ๑ ปี ๔ เดือน ๑๕ วัน
ผูกพัทธสีมาวันที่ ๘-๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๓
ศิลาจารึกในอุโบสถหลังเก่าจารึกเป็นภาษาจีนว่าคนจีนได้สร้างอุโบสถวัดอัมพวัน สมัยเหม็งเชี้ยว คนจีนได้นำเรือกำปั่นมาทำการค้าขายกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมืองลพบุรี มากับฝรั่งชาติฮอลันดา จอดหน้าวัดอัมพวัน ได้สร้างโบสถ์วัดอัมพวัน สมัยเจ้าอาวาสวัดอัมพวันชื่อ พระครูญาณสังวร อายุ ๙๙ ปี สร้างโบสถ์เสร็จแล้ว ฝรั่งเพื่อนคนจีนได้ขอพระราชทาน พระหน้าปรกหินทั้งสององค์จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้คนจีนเอาไว้ในโบสถ์ จนถึงการสร้างโบสถ์หลังใหม่มาจนถึงทุกวันนี้
วัดนี้เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ ตามลำดับ มาถึง พ.ศ. ๒๕๑๓ กรมการศาสนาได้ยกย่องให้เกียรติ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างมาจนบัดนี้
ปูชนียวัตถุ - โบราณวัตถุ
มีพระพุทธรูปหน้าปรกหิน ๓ องค์ สมัยลพบุรี แบบหูยาน ๒ องค์ แบบเขมรคางคนหูตุ้ม ๑ องค์ มีพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนสมาธิเพชร เกตุดอกบัวตูม ๑ องค์ หน้าตัก ๑ ศอก ตู้พระธรรมสร้าง พ.ศ.๒๒๐๐ จำนวน ๑ ตู้ ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำ ๑ ตู้ พ.ศ.๒๓๑๐
ในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ทำการซ่อมอุโบสถที่ชำรุดทรุดโทรมเสร็จแล้ว ได้ขอผูกพัทธสีมาใหม่โดยทำเป็นการภายในของการคณะสงฆ์ เพราะเขตที่ขอพระราชทานมีอยู่เดิมแล้ว และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ได้พระราชทานเรือยาว ให้กับวัดอัมพวันไว้ ๑ ลำ ชื่อว่า ก้านตอง บรรทุกคนได้ ๕๐ คน
ในสมัย ท่านพระครูเทศ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชสมบัติ จึงได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ จำนวน ๑ ภาพ พร้อมด้วยโต๊ะหมู่บูชา จำนวน ๑ ชุด ไว้กับวัดอัมพวัน
เสนาสนะและสิ่งปลูกสร้าง
๑. อุโบสถ กว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สร้างเสร็จ พ.ศ.๒๕๑๓ ลักษณะทั่วไปอุโบสถสร้างใหม่แบบทรงไทยโบราณ สีมาติดฝาผนังโบสถ์ บรรจุคนได้ ๓๐๐ คน อุโบสถหลังเก่าชำรุด เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยา
๒. ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๔.๕๐ เมตร ยาว ๓๓ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ลักษณะทั่วไป ทรงไทยธรรมดาเหมือนศาลาการเปรียญทั่วไป มีช่อฟ้าหน้าบรรณ
๓. หอสวดมนต์ กว้าง ๑๑.๗๕ เมตร ยาว ๒๐.๒๕ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ ลักษณะทั่วไป ทรงไทยสองชั้น - ชั้นบนไว้สวดมนต์ บำเพ็ญกุศล - เป็นที่ภิกษุ,สามเณรฉันภัตตาหาร ชั้นล่างเป็นโรงเรียนปริยัติธรรม
๔. กุฏิจำนวน ๕ หลัง คือ
หลังที่ ๑ กว้าง ๑๒.๕๐ เมตร ยาว ๑๒.๕๐ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๙ ๗ ลักษณะทั่วไป สองชั้น - กุฏิเจ้าอาวาส กองอำนวยการ ใช้รับแขก และบริการ และประชุมสงฆ์ในวัด
หลังที่ ๒ กว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙
หลังที่ ๓ กว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๐
หลังที่ ๔ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๐ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๑
หลังที่ ๕ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๐ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒
กุฏิกรรมฐานมี ๒๑ หลัง ฝ่ายของสงฆ์
กว้าง ๓ เมตร ยาว ๗.๗๕ เมตร
กุฏิกรรมฐาน ฝ่ายอุบาสก, อุบาสิกา ๑๔ หลัง
กว้าง ๓ เมตร ยาว ๗.๗๕ เมตร
ศาลาบำเพ็ญกุศล
กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๑ เมตร คุณนายสุมาลย์ ชโลธร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙
เมรุเผาศพ
กว้าง ๓.๗๕ เมตร ยาว ๑๒ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ และได้ดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะ และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน