น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้หารือร่วมกับ นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการเตรียมการรองรับการขยายจำนวนผู้กู้ยืมเงินกองทุน กยศ. ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ กยศ.ไปหารือแต่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าใดนัก มีเพียงประเด็นการเพิ่มวงเงินที่จะนำมาปล่อยกู้ให้กับนักศึกษา ซึ่งทาง กยศ.แจ้งว่าอาจจะนำเงินที่คงเหลือของกองทุนมาขยายวงเงินเพิ่มเติมให้นักศึกษากู้ได้อีกเพียง 1,500 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าวงเงินที่ รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่าควรจะเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เพราะกองทุนมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 13,000 ล้านบาท หากนำเงินที่คงเหลือประมาณ 7,000 ล้านบาท มาขยายโอกาสให้กับนักเรียน นักศึกษาที่ด้อยโอกาสได้กู้ยืม อาจจะเพิ่มจำนวนผู้กู้ได้อีกประมาณ 3 แสนราย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเพิ่มได้อีกเท่าไหร่ ซึ่งก็เข้าใจเหตุผลของ กยศ.ว่า หากนำเงินคงเหลืออยู่ไปปล่อยกู้หมด กองทุนจะไม่เสถียรภาพ รวมทั้งจะเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณในปีต่อไป แต่จริงๆแล้ว ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลอยู่แล้ว
รมช.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อจะได้ช่วยเหลือนักศึกษาได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน 1/2552 เพราะขณะนี้มีนักศึกษาหลายคนที่สอบติดแล้วและต้องการจะยื่นกู้ อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้มีดำริว่า ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันควรที่จะขยายวงเงินกู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้ กยศ.ไปหารือกันในส่วนของคณะกรรมการกองทุน เพื่อนำข้อสรุปเสนอ รมว.ศึกษาธิการ ในระหว่างการประชุมผู้บริหารระดับสูง ศธ.วันที่ 26 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปร่วมกันจะได้นำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลการชำระหนี้ของผู้กู้ กยศ. ปรากฏว่ามีหนี้เสียถึงร้อยละ 30 หรือประมาณ 5 หมื่นคน จากจำนวนผู้กู้ 2 ล้านคน คิดเป็นเงิน 7,000 ล้านบาท แต่ข้อมูลที่น่าตกใจคือ กยศ.ใช้เงินในการติดตามทวงหนี้ถึง 500 ล้านบาทต่อปี แต่ประสิทธิภาพเงินคืนต่ำมาก ดังนั้น ต้องมาดูว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการทวงหนี้ได้อย่างไร. ไปรับจ้างทวงหนี้ดีกว่า
