Credit
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000128976โดย สิริอัญญา 30 ตุลาคม 2551 16:13 น.
วันก่อนได้เห็นข่าวคุณทักษิณ ชินวัตร และผู้เป็นภริยาแต่งกายในชุดขาวไปทำบุญที่วัดธรรมกาย สาขากรุงลอนดอน และมีภาพการบริจาคอัญมณีบางชนิด ซึ่งดูแล้วก็คุ้นหูคุ้นตา
เพราะอัญมณีที่ว่าคุ้นหูคุ้นตานั้นกำลังเป็นสินค้าบุญชนิดหนึ่งที่กำลังรณรงค์ให้ผู้มีจิตศรัทธาลงทุนบริจาคเงินและอัญมณีต่างๆ ให้กับวัดธรรมกาย โดยอ้างว่ามีอานิสงส์ที่จะได้ไปสวรรค์ แล้วได้อยู่ในวิมานอันเลิศหรู และมีอัญมณีที่ดีกว่า สวยกว่า มีราคามากกว่านับเท่าไม่ถ้วน
จึงทำให้ผู้มีจิตศรัทธาและเชื่อการโฆษณารณรงค์ดังกล่าวพากันไปบริจาคอัญมณี เครื่องประดับอันเป็นเพชร นิล จินดา เพื่อหวังสวรรค์วิมานและเครื่องประดับอันหรูเลิศที่ว่านี้กันเป็นการใหญ่
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงมีการรณรงค์ขยายออกไปยังสาขาต่างๆ รวมทั้งสาขาในกรุงลอนดอนด้วย
การรณรงค์โครงการนี้ มีชื่อโครงการและนำเสนอโดยสื่อรูปแบบต่างๆ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “มนต์เสน่ห์แห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก” เผยแพร่โดยทั่วไปโดยสื่อของวัดพระธรรมกาย
มีข้อความระบุว่า “เนื้อหาและภาพประกอบมนต์เสน่ห์แห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก ได้รวบรวมและเรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ที่ได้แสดงในโรงเรียนฝันในฝันวิทยา ณ วัดพระธรรมกาย”
ในหัวข้อเรื่องเครื่องประดับชาวสวรรค์ ระบุว่า “ตัวอย่างเครื่องประดับของเทพบุตร และเทพอัปสรที่เป็นบริวาร (คนรับใช้) ที่นำมาให้ชมนี้เป็นเครื่องประดับที่นำมาจากวิมานจนๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสวยงาม เรียบหรู ดูดี มีสไตล์ ไฮคลาส เท่ เก๋ คลาสสิก และหรูอลังการ”
เสียดายที่ไม่มีการระบุว่า ใครเป็นผู้ไปนำมาจากสวรรค์หรือวิมานไหน และนำมาได้อย่างไร
“เครื่องประดับของเจ้าของวิมานจะอลังการมาก สวยงาม วิจิตร ซับซ้อน สวยงามวิจิตรกว่าบริวารทั่วไปมากๆ วิมานของผู้มีบุญมากจะวิจิตรซับซ้อนกว่าวิมานของผู้มีบุญน้อย แต่ละวิมานจะไม่เหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นด้วยบุญของเจ้าของวิมานซึ่งสั่งสมบุญมาต่างกัน”
“เครื่องประดับของบริวารชั้นล่างมักจะเกิดด้วยทานวัตถุเป็นหลัก แต่มิใช่มีเฉพาะอย่างนี้ จริงๆ มีมากมายหลากหลาย นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ พอสังเขป”
จากนั้นก็ได้แสดงแบบของเทพอัปสรที่แสดงตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่ได้กล่าวมา และยังมีการนำภาพของเครื่องประดับของเทพบุตรและเทพอัปสรมาตีพิมพ์เป็นตัวอย่าง ทั้งภาพตัวอย่างเฉพาะเครื่องประดับ และภาพตัวอย่างที่มีการประดับแล้ว
เครื่องประดับแบบสร้อยได้นำมาแสดงไว้ 3 แบบ คือ
(1) สร้อยเส้นบะหมี่ทองคำตะเกียบฝังเพชร ระบุว่า “เป็นรูปเส้นหมี่ยาวๆ สีทองอ่อนๆ สลวย คล้องคอยาวแล้วห้อยด้วยตะเกียบทองคำฝังเพชร คีบลูกชิ้นจับกัน เกิดจากบุญที่เจ้าของวิมานเคยทำทานด้วยบะหมี่”
(2) สร้อยข้าวต้มมัดหยก ระบุว่า “ข้าวต้มมัดเป็นหยก มัดด้วยตอกทองคำ และสายสร้อยเพชร”
(3) สร้อยส้มตำปู ส้มตำไทย ระบุว่า “มีมะเขือเทศทับทิม ถั่วฝักยาวมรกต ถั่วลิสงบุษราคัมหรือโอปอล์ พริกหยก มะละกอทอง มะนาวและน้ำตาลเพชร กุ้งแห้งเป็นพลอยสีส้ม นำมาประกอบเป็นเครื่องประดับต่างๆ เช่น ต่างหู สร้อย แหวน กำไลแขน กำไลข้อมือ ล้อมรอบด้วยทองคำ สร้อยอีกเส้นหนึ่งมีปูไพลินล้อมด้วยเพชรและทอง ดวงตาปูเป็นบุษราคัม เกิดจากบุญถวายส้มตำ”
และระบุต่อไปว่า “เครื่องประดับนี้จะแต่งคู่กับเสื้อผ้าที่หรูหรา สวยงาม ตั้งแต่บนศีรษะเหนือเส้นผมขึ้นไป ถัดลงมาที่ผม หน้าผาก ใบหู คอ แขน ข้อมือ นิ้ว หน้าอก เอวถึงเท้า สวยทุกส่วน”
เครื่องประดับแบบแหวนมีหลายประเภท เช่น แหวนมือทองฝังบุษราคัม แหวนช็อกโกแลต “เป็นทองและอัญมณีหลากสี” แหวนไก่ผงาด “ไก่เพชรประดับรัตนชาติ เกาะบนคอนทองคำขาวฝังเพชร เกิดจากบุญถวายไก่ย่าง” แหวนรูปไอศกรีมหวานเย็น “ข้างบนเป็นเชอร์รี่เพชรแดง รอบๆ เป็นไอศกรีมหลายรส Earthquake ประกอบด้วยเพชรพลอยหลากสีอยู่บนจานทองหรือถ้วยทอง” เป็นแหวน หัวแหวนสูง 4 ชั้น เป็นอัญมณีและเพชรรูปไอศกรีม แหวนแมวหนุงหนิงกำลังเล่นบอลทับทิม “เป็นแมวทองฝังเพชร เล่นบอลทับทิม”
แล้วยังมีข้อความบอกกรรมวิธีอีกว่า “เครื่องประดับทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากบุญวัตถุทาน เช่น ปัจจัยสี่ ฯลฯ เครื่องประดับเหล่านี้จะอยู่บนนิ้วมือของบริวาร ถ้าของเจ้าของวิมานจะสวยงามและวิจิตรกว่านี้มาก”
“เครื่องประดับบนสวรรค์เขามีเอาไว้ใส่โชว์ ถ้าใครไม่ใส่ ใครไม่โชว์ ถือว่าผิดปกติ มีสิทธิตกสวรรค์ได้ สวมแหวนนิ้วละ 2 วง สิบนิ้วรวม 20 วง แหวน 20 วงนี้จะสวมอย่างไรจึงจะเกิดมนต์เสน่ห์แห่งสวรรค์?”
และระบุต่อไปว่า “นิ้วของชาวสวรรค์จะเรียวสวยเหมือนลำเทียน แม้นิ้วหัวแม่มือก็สวย เขาจะสวมแหวนกันยาวนาน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งจุติ แต่ในเมืองมนุษย์ พอผิวหนังเหี่ยว มีรอยย่น ก็ควรรีบเอาแหวนไปขาย เอาเงินมาสร้างบุญ”
ก็ขอสาธุชนทั้งปวงได้พิจารณาดูกันเอาเองเถิด ว่าถ้าแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างนี้แล้ว จะสามารถเดินเหินตามถนนหนทางหรืออยู่ในบ้าน หรือไปไหนมาไหนได้หรือไม่
เพราะถ้าจะแต่งกันจริงๆ ก็ต้องแต่งและประดับแล้วไปเดินในวัดพระธรรมกายตามที่เขาได้แสดงโชว์ให้เห็นและเรียกร้องให้ประดับให้โชว์ล่อโจรข้างต้นนั้น
ดูเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็เห็นเจตนาได้ 3 ประการคือ
ประการแรก ใครมีเครื่องประดับไม่ว่าประเภทสร้อยหรือประเภทแหวนชนิดใดๆ ก็ตาม จะต้องแต่งจะต้องเอามาโชว์กัน มิฉะนั้นก็จะตกจากสวรรค์
และเมื่อแต่งไปโชว์แล้ว หากมีความศรัทธาเกิดขึ้น ก็เชิญปฏิบัติตามที่มีการแนะนำคือ “ในเมืองมนุษย์ พอผิวหนังเหี่ยว มีรอยย่น ก็ควรรีบเอาแหวนไปขาย เอาเงินมาสร้างบุญ” ให้สังเกตคำว่า “เอาเงินมา” เอามาที่ไหนล่ะ? ก็เอามาที่วัดพระธรรมกายนั่นแหละ มาสร้างบุญที่วัดพระธรรมกายนั่นแหละ
ประการที่สอง มีการประดิษฐ์สร้างทำเครื่องประดับตามที่ได้โฆษณาในสื่ออย่างกว้างขวาง ซึ่งพอแลเห็นได้ว่าหากใครปรารถนาจะได้มีเครื่องประดับตกแต่งเหล่านี้ไว้ประดับในสรวงสวรรค์ ก็อาจซื้อหาได้จากผู้จำหน่าย ตามที่ได้มีการแสดงแบบโชว์ไว้นั้น
ประการที่สาม แบบที่นำมาโชว์ไว้นั้นยังไม่ใช่ชั้นยอดชั้นเลิศ เพราะเป็นแบบที่เอามาจาก “เครื่องประดับที่นำมาจากวิมานจนๆ … ของเจ้าของวิมาน จะอลังการมาก สวยงาม วิจิตร ซับซ้อน สวยงามวิจิตรกว่าของบริวารทั่วไปมากๆ” และ
“วิมานของผู้มีบุญมากจะวิจิตร ซับซ้อนกว่าวิมานของผู้มีบุญน้อย … เพราะเกิดขึ้นด้วยบุญของเจ้าของวิมาน ซึ่งสั่งสมบุญมาต่างกัน” และ
“เครื่องประดับของบริวารชั้นล่างมักจะเกิดด้วยทานวัตถุเป็นหลัก”
ก็ชัดเจนว่าถ้าใครอยากได้อยากมีวิมานที่วิจิตรสลับซับซ้อนมากๆ ก็ต้องทำบุญทำทานให้มากๆ เพราะจะได้บุญมากก็ต้องทำทานมากๆ เมื่อทำบุญมากๆ ก็จะได้มีวิมานที่วิจิตรสลับซับซ้อนมากๆ มีเครื่องประดับที่วิจิตรงดงามมากๆ
มีทรัพย์สินอะไรก็ขายเอาไปทำบุญให้มากที่สุด จะได้มีวิมานใหญ่โต วิจิตรงดงาม มีเครื่องประดับที่สวยหรู วิจิตรงดงามมากๆ
คนจนๆ กระจอกๆ ก็ต้องขายบ้านขายช่องไปซื้อเครื่องประดับทำบุญไว้ในชาตินี้ก่อน ก็อาจได้อานิสงส์ไปชาติหน้าที่จะได้มีเครื่องประดับและวิมานแบบจนๆ
เพราะเครื่องประดับและวิมานแบบจนๆ เท่าที่ได้เห็นในแบบและรายละเอียดนั้น คงจะต้องขายบ้านขายรถขายที่ดินจึงจะพอต่อการทำบุญทำทาน
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี มหาเถรสมาคมก็ดี หรือองค์กรที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาก็ดี ควรจะได้พิจารณาว่าการทำบุญแบบนี้จะเป็นการทำบุญในพระพุทธศาสนาอันควรที่จะสนับสนุนส่งเสริมหรือไม่
พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสกับพราหมณ์คนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสวรรค์วิมานว่าเป็นภูมิที่ยังมีการเบียดเบียน มีการฆ่ากัน มีการลักทรัพย์ มีการพูดปด มีการผิดลูกผิดเมีย และมีการดื่มเครื่องดองของเมา ยังคลาคล่ำไปด้วยกิเลส ไม่ใช่สิ่งวิเศษที่จะแสวงหาเลย
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้รับรองหรือยกย่องสวรรค์วิมานใดๆ ทรงเน้นสอนชาวพุทธในเรื่องทุกข์และความดับทุกข์เป็นสำคัญ อันเป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายจะต้องทำความรู้ ทำความเข้าใจให้เกิดขึ้น
การจะดับทุกข์นั้นต้องดับที่สมุทัยคือเหตุแห่งทุกข์ ได้แก่กิเลสตัณหาทั้งหลาย ซึ่งกล่าวโดยรวมคือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น นั่นแหละคือต้นเหตุแห่งทุกข์
ความอยากได้สวรรค์วิมานหรือเครื่องประดับอันเลิศหรู หากมีอยู่ในสวรรค์วิมานก็เป็นกิเลสตัณหา เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
ยิ่งอยากมากเท่าใดก็เป็นทุกข์มากเท่านั้น!
เพราะเมื่อใดที่มีความอยากได้ อยากมีสวรรค์วิมานอะไรทำนองนี้ ก็จะมีกิเลสและความทุกข์เกิดขึ้นถึงสองสถาน สถานแรกคือทุกข์จากความอยากได้ อยากมี อยากไปสวรรค์ และซึ่งเราทั้งหลายล้วนไม่เคยไปและไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ทุกข์สถานที่สองคือเมื่อเอาทรัพย์สมบัติหรือกู้หนี้ยืมสินไปทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัวแล้ว จะได้ผลบุญเมื่อใดไม่รู้ แต่ที่รู้และเป็นจริงคือความวิบัติฉิบหายมาถึงตัวและครอบครัวแล้ว
สำหรับนักการเมืองนั้นปล่อยไปเถิด เพราะเมื่อนักการเมืองโกงบ้านโกงเมือง มีทรัพย์สมบัติมาก จนไม่รู้จะซื้ออะไรในเมืองมนุษย์แล้ว ก็ให้ไปซื้อสวรรค์วิมานในภพหน้าชาติหน้าต่อไปเถิด.