มาช่วยกันรวบรวมเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับสวนลำไย ...
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 21, 2024, 03:57:57 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาช่วยกันรวบรวมเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับสวนลำไย ...  (อ่าน 24488 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 10:35:45 pm »

เพื่อนๆที่ปลูกลำไย คงมีเคล็ดลับกันไม่มากก็น้อย  ... มาช่วยกันเผยแพร่เป็นวิทยาทานซึ่งกันและกันนะครับ  HAPPY2!! Cheesy

ปีนี้ราคาลำไยราคาดีมาก รวยกันไปตามๆกัน ...
เห็นราคารับซื้อที่อ.ลี้แล้วก็ตกใจพอควร
AA  รับซื้อกก.ละ 22 บาท
เกรดล่างๆ10-15 บาท (ขายลำไยร่วงยังมีสิทธิ์ออกรถป้ายแดงเงินสดเลยครับ  Lips Sealed


บันทึกการเข้า

ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 10:42:45 pm »

ผมเพิ่งสั่งกิ่ง(ครอบ)ที่อ.ลี้ 200กิ่ง ชาวบ้านที่นั่นเขามีเคล็ดลับบางอย่าง นำมาเล่าสู่กันฟังครับ
- ก่อนลงลำไย ให้ลงฟูราดาน+กากชา รองพื้นเพื่อกันปลวกกินราก
- กิ่งตอน อย่าเอากิ่งตอนจากต้นแม่พันธุ์ที่ใส่สารเร่งแล้ว เพราะจะทำให้ลูกลำไยที่ออกมาเปลือกบาง แตกง่าย ..ไม่ได้ราคา 

..เท็จจริงประการใด เกษตรกรลำไยตัวจริงกรุณาทักท้วง เพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ  HAPPY2!! Tongue
บันทึกการเข้า
supoj007
member
*

คะแนน286
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1555



อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 11:16:11 pm »

ถ้าจะเอาจริงกะสวนลำใย 
 งี้ต้อง อ่านหนังสือเกษตร  ไม่ลองไม่รู้ 
หา อรหันต  ลำใยมาช่วยแล้วครับพี่  พอเก่งแล้ว ลง รับดูและสวนลำใย ให้ พวกเศรษฐี ได้สบาย ว่ากันเป็น ปีต่อปี
ท่าจะเป็นธุรกิจเกษตร นะครับ  อิอิอิ Tongue
บันทึกการเข้า
bombon
member
*

คะแนน16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 187


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2008, 08:06:52 am »

มาดูด้วยคน
บันทึกการเข้า
boontheim ♥
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน35
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2008, 03:25:02 pm »

ผมก็ปลูกเหมือนกันครับ   เท่าที่ประสบการของผมเองนะครับไม่เกี่ยวกับวิชาการ   แต่เท่าที่ผ่านมาราคาไม่ค่อยดีผมก็ไมคอยได้ดูเท่าที่ควรแต่เท่าที่สังเกตุดูพอจะสรุปได้ว่า 
1ดินที่จะปลูกได้ดี   ไม่ควรเป็นดินทราย  ดินอื่นปลูกได้ดีหมด    คินทรายขาดฐาตุอาหารเร็จต้องบำรุงมากจะไม่ได้กำไร
2จะให้ดีต้องใกล้แหล่งน้ำ   ถ้าเป็นที่เชิงเขาต้องขุดสระ
3ลำใยล้มง่ายต้องคล้ำ
4การปลูกกิ่งตอนจะให้ดีต้องเสริมราก  ง่ายๆแบบลูกทุ่งก็เริ่มปลูกก็ให้ผังเมล็กลำใยรอบๆต้นสัก4  5  เม็ดพอเข้าปีที่สองกล้าที่เกิดจากเมล็ดก็โตเรากด็เอามาทาบกับต้นแม่เราก็จะได้ลำใยที่มีรากมากและมีรากแก้ว  หาอาหารแก่ง  ทดลมใด้
5ปุ๋ยแพงก็ใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติ
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 12:47:06 pm »

ลำไยที่มาขายทางเหนือก่อนฤดูกาลจะมาจากโป่งน้ำร้อนจันท์ ที่โป่งน้ำร้อนเป็นเซียนทำสาร ดินดีปรนทราย
เล็กน้อย มีน้ำลดทั้งปี เลี้ยงต้นให้สวยออกลูกได้ทุกฤดูกาล ส่วนลำไยที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็นแถวหนองช้างคึน
ลำพูน สมัยก่อนตอนลำไยถูกที่หนองช้างคึนยังมีลำไยต้นหมึ่น ลองหาพันธ์มาปลูกดูครับ
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 12:52:38 pm »

แวะลำพูนเดือนก่อน ต้นกล้าลำไย(เก่า)สูงเกือบเมตร ขายต้นละ20บาทครับ .. เกือบซื้อไปแล้ว   Sad
.. ถามเกษตรกรเขาบอกว่าให้ลงกิ่งตอนใหม่จะโตเร็วกว่า จริงไหมครับ  Cheesy HAPPY2!!
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 04:51:38 pm »

กิ่งลำไยตอนตัดใหม่ชาวบ้านจะหมกทรายไว้ขาย อัตรารอดประมาณ70% ราคาต่อรองได้ ถ้าท่านไม่ต้องการเสีย
เวลาซื้อกิ่งที่ชำแล้ว เมื่อก่อนเขาจะใส่ปี๊ปไว้ เดี๋ยวนี้เห็นบางแห่งเป็นชลอมไม้ไผ่ ปลูกทั้งชลอมเลย ต้นฝนรอดทุกต้น
ขุดหลุมประมาณ 1X1 ลึกซัก 30-40 ซม ก็พอ ใช้ปุ๋ยหมักแล้ว (มูลสดใช้ไม่ได้เป็นแก๊สใบเหลือง) รองก้นหลุม อย่า
ใส่ใบหญ้าสดลงไปก้นหลุม มันเกิดแก๊สง่าย กลบหลุมให้นูนเป็นเนินดิน แล้วปลูกบนเนินสูงจากพื้นปกติ 20-30ซม
จะดี ใช้ไม้ปักมัดต้นติดกับไม้ให้แน่นกันลม ลำไยไม่ชอบรากอับ ถ้าขุดหลุมลงปลูกจะไม่โตเลย กิ่งตอนโตเร็วถ้า
เป็นดินทรายจะต้องเสริมรากในภายหลัง
แต่ดินทรายลำไยจะอร่อยกว่าดินเหนียว ท่านมีเวลาลองไปแวะแถวหนองช้างคึนดู สวนแถวนั้นจะคล้ายเมืองนนท์
มีน้ำจากแม่น้ำปิงเข้าถึงร่องสวน ลำไยต้นพันธ์แรกๆมาจากแหล่งนี้เอง อยู่ห่างจากลำพูนมาทางเชียงใหม่ประมาณ
ไม่เกิน10 กม มาตามถนน ลำพูน-เชียงใหม่ เส้นที่จะผ่าน อ.สารภีและครับ
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
bombon
member
*

คะแนน16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 187


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2008, 06:41:30 pm »

ราดสารตอนดินแห้ง แตกระแหง จะออกดีที่สุด
 แต่มีขอแม้ว่าก่อนราด1เดือนต้องบำรุงด้วย พ่น11 11 11 หรือ 20 20 20 ก่อน
 และ ห่างกัน 7วัน 0 52 34    2ครั้ง ก่อนราด
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2009, 08:20:18 pm »

ลำไยเป็นผลไม้ ที่รสชาติอร่อย มีประโยชน์หลายประการ เช่น แก้อาการนอนไม่หลับและช่วยให้ผ่อนคลาย บำรุงเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิต บำรุงกำลังของสตรีหลังจากการคลอดบุตร บำรุงร่างกายและระบบประสาท ช่วยให้หลับสบาย และเป็นเครื่องสำอางชั้นเยี่ยม


ลำไย: มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Dimocarpus longan Lour.
วงศ์  : Sapindaceae  เป็นพืชวงศ์เดียวกันกับลิ้นจี่

        กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกลำไยว่า เจ๊ะเลอ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Longan ดูว่าจะมาจากภาษาจีนคำว่า สำเนียงจีนกลางว่า  (หลง-หย่าน) ซึ่งแปลว่าตามังกรนั่นเอง ญี่ปุ่นเรียก  (ริว-กัน) อินโดนีเซียเรียกเล็งเก็ง คิวบาเรียก mamoncillo chino

        ชื่อลำไยเดิมภาษาอังกฤษเขียน Long - Ngan ตามสำเนียงกวางตุ้ง แต่การเขียน Ng ติดกันสองตัวไม่เป็นที่นิยม ต่อมาจึงถูกลดรูปเหลือเพียงคำว่า Longan ที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน

        ลำไยเป็นไม้ยืนต้น มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของจีน แถบมณฑลกวางตุ้ง กวางสี เสฉวน และฟูเกี๋ยน แถบความสูง 150-450 เมตร ไปจนถึงแคว้นอัสสัมเหนือของอินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบในฟิลิปปินส์และมาเลเซียเป็นไม้ประดับแต่ไม่ให้ผล

ลำต้นของลำไยสูง5-10 เมตร ลำต้นเปลือกสีน้ำตาล แตกเป็นร่องเล็กๆ ตามยาว

ใบหนาทึบ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงแบบสลับ ใบย่อยขอบปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้มมีขนอ่อนนุ่ม ท้องใบสีเขียวหม่น

ดอกช่อมีดอกย่อยขนาดเล็กสีขาว ออกตามปลาย กิ่ง ผลกลม เปลือกผลบางสีน้ำตาลหยุ่นคล้ายหนัง

เมล็ดกลมสีน้ำตาลหรือดำ มีเนื้อหุ้มสีขาวฉ่ำน้ำรสหวานกินได้

ลำไยมีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่ที่นิยมปลูกในประเทศไทยมี 2 สายพันธุ์คือ

ลำไยต้น เป็นพันธุ์ที่ปลูกเพื่อนำผลมาใช้บริโภค ได้แก่ พันธุ์อีดอ เบี้ยวเขียว สีชมพู กะโหลกแห้ว ใบดำ และพันธุ์พื้นเมือง

ลำไยเครือ เป็นพันธุ์ที่ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือนหรือตามสถานที่ต่างๆ
ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เนื้อผลลำไยประกอบอาหารทั้งคาวหวาน จะหั่นฝอยผัดกับข้าวหรือจะเอามาต้มน้ำแกงก็ได้

        ประเทศไทยนอกจากกินผลสดและปรุงอาหารหวาน เช่น ข้าวเหนียวเปียกลำไยแล้ว ยังนำมาแปรรูปเป็นลำไยกระป๋อง ลำไยแช่แข็ง ลำไยอบแห้งเพื่อเก็บไว้กินได้นาน และนำมาผลิตเครื่องดื่ม เช่น น้ำลำไยและไวน์ลำไยได้อีก

        ส่วนที่ประเทศจีนกินเนื้อลำไยเป็นผลไม้สดน้อยกว่าลิ้นจี่ แต่พบเนื้อผลลำไยแห้งในอาหารและยา       สมุนไพรจีนมากกว่า และมีการแช่ลำไยในแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นสุราลำไย (Longan liquor)
คนไทยนอกจากจะใช้เนื้อผลลำไยเป็นอาหารแล้ว การแพทย์แผนไทยได้ใช้ลำไยเป็นยารักษาโรคอีกด้วย โดยใช้เนื้อผลบรรเทาอาการท้องเสีย บำรุงหัวใจ บำรุงร่างกาย

เมล็ดใช้ทาแผลเน่าเปื่อย คัน หรือแผลเรื้อรังที่มีหนอง โดยใช้เมล็ดเผาเป็นเถ้าผสมกับน้ำมันมะพร้าวทา ใช้รักษาโรคกลากเกลื้อน โดยลอกเปลือกหุ้มเมล็ดแล้วนำส่วนข้างในชุบน้ำส้มสายชูทาบริเวณเกิดอาการ

ใช้เนื้อในของเมล็ดบดเป็นผงโรย ห้ามเลือดและแก้ปวด

เปลือกผลใช้ทาแผลที่ถูกน้ำร้อน ลวกจะไม่ปวดแผล และไม่เกิดแผลเป็น (ต้องปลอดสารเคมี)
ที่ต่างประเทศใช้เมล็ดขยี้น้ำสระผมเนื่องจากมีซาโพนินมาก ถ้ามีเมล็ดและเปลือกเหลือมากจะใช้เผาไฟทำเชื้อเพลิง

        นอกจากนี้ มีการใช้น้ำลำไยแก้อาการนอนไม่หลับและช่วยให้ผ่อนคลาย
การแพทย์ของจีนนั้นกล่าวว่าลำไยแห้งมีสรรพคุณใช้บำรุงเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิต บำรุงกำลังของสตรีหลังจากการคลอดบุตร บำรุงร่างกายและระบบประสาท คนที่เป็นโรคประสาทอ่อนๆ นอนไม่หลับ ใจสั่น เมื่อกินลำไยแห้งจะช่วยให้หลับสบาย ช่วยระงับประสาทที่อ่อนเพลียจากการตรากตรำทำงานหนัก ขี้ลืม ลืมง่าย ช่วยให้ความจำดี ช่วยลดความเครียดและแก้อาการเครียด กระวนกระวาย บำรุงประสาทตา บำรุงผิวพรรณ กินขนาด 10-15 กรัม บำรุงม้าม บำรุงหัวใจ ช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น ชาวจีนโบราณจึงนิยมบริโภคลำไยแห้ง หรือต้มดื่มน้ำลำไยอุ่นๆ

งานวิจัยเกี่ยวกับลำไย
        เมล็ดลำไยมีสารประกอบโพลีฟีนอลปริมาณสูง ได้แก่ คอริลาจิน (corilagin) กรดแกลลิก และกรดเอลลาจิก งานวิจัยจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2550 พบว่าสารสกัดเมล็ดลำไยมีคอริลาจิน 050-0.64 มิลลิกรัม/กรัม DW กรดแกลลิก 9.18-23.05 มิลลิกรัม/กรัม DW  และกรดเอลลาจิก 8.13-12.65 มิลลิกรัม/กรัม DW ทั้งนี้ขึ้นกับสายพันธุ์ลำไยที่ใช้ศึกษา


เมล็ดลำไยพันธุ์อีดอมีกรดแกลลิก กรดเอลลาจิก และความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระสูงสุดเมื่อเทียบกับลำไยพันธุ์อื่น งานวิจัยชิ้นนี้พบว่าสารสกัดเมล็ดลำไยมีความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระดีเท่ากับชาเขียวญี่ปุ่น ดีกว่าชาใบหม่อนและสารสกัดเนื้อลำไยแห้ง เชื่อว่าผลดังกล่าวเกิดจากสารโพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์ไกลโคไซด์และสารแทนนินอื่นที่พบในผลลำไยด้วย
นอกจากนี้แล้วสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ยังพบว่า สารสกัดเมล็ดลำไยมีฤทธิ์ต้านการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งสร้างเม็ดสีบนผิวมนุษย์ จึงอาจนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวขึ้นได้อีกด้วย

        งานวิจัยสารสกัดเนื้อผลลำไยโดยนักวิจัยจากสวนพฤกษศาสตร์จีนใต้ในประเทศจีนในปีเดียวกัน พบกรดเมทิลแกลลิก (4-O-methylgallic acid) และอีพิคาทีชิน เป็นสารสำคัญจากเนื้อผลลำไยดังกล่าว งานวิจัยพบว่าอีพิคาทีชินเป็นสารที่ทำให้เนื้อลำไยสดเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเมื่อทิ้งไว้ในที่แจ้ง พบว่ากรดเมทิลแกลลิกมีความ สามารถเชิงกำจัดอนุมูลอิสระและต้านออกซิเดชันได้ดีกว่าสารอีพิคาทีชิน

        ล่าสุดมีรายงานการวิจัยลำไยแห้งจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าลำไยแห้งมีฤทธิ์ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยลดอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว เหนี่ยวนำเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ตาย ยับยั้งความเป็นพิษของสารก่อมะเร็งทางเดินอาหาร และลดการเสื่อมสลายของข้อเข่าอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดเมล็ดลำไย งานวิจัยไทยสู่ตลาดโลก
        ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมลำไยบรรจุกระป๋องและลำไยอบแห้ง มีเมล็ดลำไยเหลือทิ้งปีหนึ่งๆ ปริมาณมาก คณะนักวิจัยจากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พบว่าผิวเปลือกสีดำของเมล็ดลำไยประกอบด้วยสารโพลีฟีนอลหลายชนิดซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและชะลอการเกิดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง เหมาะจะนำมาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จึงทำการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเข้มข้นของเปลือกเมล็ดลำไยในอาสาสมัคร 200 คน ซึ่งคละเพศ วัย และอาชีพ พบว่าสามารถชะลอการเกิดรอยเหี่ยวย่นได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระทัดเทียมสารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอาง และยังสามารถ นำไปพัฒนาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดูแลสุขภาพได้อีก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงมีการผลิตเป็นครีมทาหน้าลำไยผสมสารสกัดจากรังไหมและปอสาเป็นที่แพร่หลาย

        ประเทศไทยมีผลผลิตลำไยล้นตลาดมาหลายปีแล้วตามที่เป็นข่าวอยู่เนืองๆ การพัฒนาลำไยเป็นสินค้า กลุ่มเครื่องสำอางจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชผลทาง การเกษตรชนิดนี้ได้ เมื่อผลผลิตลำไยมีมากราคาขายของลำไยจะถูกลง แต่ควรกินลำไยเพียงพอประมาณ เพราะถ้ากินเกินพอดีจะทำให้เกิดอาการเจ็บคอหรือร้อนในได้ (คล้ายลิ้นจี่ เป็นพืชวงศ์เดียวกัน) และได้พลังงานเกินความต้องการของร่างกายถูกเปลี่ยนเป็นความอ้วนสะสมได้ อาการร้อนในและเจ็บคอดังกล่าวแก้ด้วยการกินมังคุดร่วมกับลำไย
ทางโภชนาการผลไม้ 1 ส่วนเท่ากับลำไยผลใหญ่ 6 ผล หรือผลเล็ก 10 ผล ผู้ควบคุมน้ำหนักถ้ากินลำไยควรลดปริมาณข้าวในวันดังกล่าว ใครกินลำไยแล้วจะลองเก็บเมล็ดลำไยตากแห้งบดละเอียด  นำไปผสมกับข้าวโอ๊ตและโยเกิร์ตรสจืดพอกหน้า ใช้ลบริ้วรอยบนใบหน้าและเพิ่มความขาวใสให้กับผิวหน้าด้วยก็ได้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของหมอชาวบ้าน กับเว็บไซต์วิชาการดอทคอม
www.doctor.or.th


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!