อยากทำไมค์ใช้เอง เอาแบบคุณภาพดีๆ จะต้องทำยังไงครับ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 27, 2024, 04:56:36 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทำไมค์ใช้เอง เอาแบบคุณภาพดีๆ จะต้องทำยังไงครับ  (อ่าน 13548 ครั้ง)
worawut025
member
*

คะแนน4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


DIODE

diode025@hotmail.com - -
เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 19, 2007, 09:09:38 pm »

อยากทำไมค์ใช้เอง เอาแบบคุณภาพดีๆ จะต้องทำยังไงครับ  หรือว่าเราจะต้องไปซื้ออะไหล่ ของไมค์ทีราคาแพงๆ มาใส่ในไมค์ราคาถูกๆ แช่น วอย ตัวรับเสียง เอามาใส่ในไมค์ราคาถูกๆ จะดีมั๊ย ช่วยแนะนำผมทีครับ  ...........ขอบคุณครับ...


บันทึกการเข้า

DIODE

Nimit( Un )
member
*

คะแนน442
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3479


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 22, 2007, 07:28:42 am »

 Grinชื้อสำเร็จดีกว่าครับ  ทำเองไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดี  เคยเห็นเด็กๆแถวบ้านเอาหัวไมค์มาไส่กระบอก  ต่อสายมันก็ดังแล้ว  แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการณ์ใช้งาน
 Wink ถ้ามีตัวไมค์เก่าๆ   ก็ซื้อ  ว้อยค์ไมค์ที่ดีๆมาเปลี่ยนก็ประหยัดได้เยอะครับ  หากไม่อยากจะซื้อใหม่
 Grinถึงอย่างไร  ผมว่าซื้อดีกว่านะ  เพราะราคามันไม่แพงเท่าไรก็มีขายแล้ว
บันทึกการเข้า
slis
member
*

คะแนน2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57



อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 22, 2007, 08:21:11 am »

ได้จังหวะเข้ามาอ่านพอดี กำลังอยากได้ความรู้เรื่องไมค์หน่อยครับ
ผมใช้ไมค์ shure sm58 (ของแท้) แบบไม่มีสวิทธ์  2 ตัว เป็นไมค์สาย
แล้วก้อมีไมค์ลอยพันกว่าบาทอยู่คู่นึง
การใช้งาน ผมใช้งานปกติ ใช้สายไมค์ (เป็นสายไมค์สำเร็จรูปทั่ว ๆ ไป) ปลั๊กโมโน (พวกผมเรียก "หัวโต")

ข้อสงสัยครับ

สายไมค์มีกี่แบบ
กราวนด์ หรือการบัดกรีขั้วสายต่างกันอย่างไร (+ - - +)
ระหว่าปลั๊กโมโน กับปลั๊ก 3 ขา (ผมเรียกไม่ถูก) ให้เสียงที่ต่างกันมั๊ย เมื่อเราผ่านสัญญาญมาจาก effect ตัวเดียวกัน
ผมวัดดูช่องใส่ voice ของไมค์ลอย เข้ากันได้กับ Voice ของ NPE รุ่น sm58 (หน้าตาเหมือน shure sm58 เด๊ะ) ถ้าผมจะเปลี่ยน Voice เอง จะมีปัญหามั๊ยครับ
สุดท้าย ไมค์ชัวร์แท้ๆ เนี่ยะ มันมีปัญหากับสายสัญญาญสำเร็จรูปทั่วๆ ไปมั๊ย
(หูตึงเพราะอายุเยอะ เลยแยกแยะไมค์ 200 กับไมค์ 6,000 ได้แค่ว่าไม่มีเสียง pop ให้กวนใจเท่านั้นเอง)
บันทึกการเข้า

คนชอบเพลง
Nimit( Un )
member
*

คะแนน442
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3479


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 22, 2007, 09:37:00 am »

 Smileyผมเอาข้อมูลเรื่องไมโครโฟน  มาให้ดูเบื้องต้นก่อนนะครับ  เผื่อเป็นประโยชน์ Smiley
ส่วนรูปการต่อเดี๋ยวตามมา
Microphone Impedance ไมโครโฟนอิมพีเด้นท์
ค่าอิมพีเด้นท์ของไมโครโฟนคือ ค่าความต้านทานทางไฟฟ้ากระแสสลับต่อการไหลของกระแสไฟฟ้า โดยทั่วไปค่าอิมพีเด้นท์ของอุปกรณ์ที่ต่อกับไมโครโฟนหรือ Load ในที่นี้คือ Mixer หรือภาค Pre-Amp จะต้องมีค่าเป็น 10 เท่าของค่าอิมพีเด้นท์ของไมโครโฟน เราสามารถแบ่งไมโครโฟนตามค่าอิมพีเด้นท์ได้เป็น 2 แบบ คือ แบบ ไฮ อิมพีเด้นท์ (High Impedance) และ แบบ โล อิมพีเด้นท์ (Low Impedance)

ไฮ-อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (High Impedance Microphone)

จะมีค่าอิมพีเด้นท์ (Impedance) อยู่ระหว่าง 5 กิโลโอห์ม(Kilo Ohm) หรือมากกว่านี้โดยไมโครโฟนประเภทนี้ได้แก่ ไมโครโฟนประเภท ไพอีโซ อีเลคทริก (Piezo Electric) คอนเทค พิกอัพ (Contact Pick- up) และกีตาร์ พิกอัพ (Guitar Pick-up) และไมโครโฟนที่มีราคาถูกทั้งหลายที่พบเห็นในท้องตลาดหรือที่พบเห็นกันบ่อยๆ คือไมโครโฟนที่แถมมากับเครื่องเล่น V D O KARAOKE ทั้งหลาย

โล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน ( Low Impedance Microphone)

จะมีค่าอิมพีเด้นท์(Impedance) อยู่ระหว่าง 150 - 400 โอห์ม ในงานระบบเสียงมืออาชีพจะใช้ไมโครโฟนที่เป็นแบบโล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (Low Impedance Microphone) ทั้งหมดเนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องเดินสายไมโครโฟนที่ค่อนข้างยาว ซึ่งคุณสมบัติของการรับคลื่นรบกวนจากภายนอกนั้นมีน้อยกว่าไมโครโฟนที่เป็นแบบไฮ –อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน(High Impedance Microphone) และยิ่งกว่านั้น คือ ไมโครโฟนประเภท โล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (Low Impedance Microphone) จะสามารถใช้กับสายไมโครโฟนที่มีความยาวมากๆ เป็นร้อยๆ ฟุตได้แต่ไมโครโฟนประเภท High Impedance จะจำกัดอยู่ที่ไม่เกิน 20 ฟุต ซึ่งถ้าเกินกว่านี้ก็จะทำให้เกิดการรบกวนเข้ามาทางสายได้

ในการใช้งาน ไฮ -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (High Impedance Microphone) เมื่อต่อเข้ากับโล –อิมพีเด้นท์ โหลด (Low Impedance Load) หรือต้องการเดินสายให้ยาวขึ้นนั้นมีความจำเป็นต้องใช้ แมทชิ่งทรานฟรอมเมอร์ (Matching Transformer) เพื่อเปลี่ยนจากค่าไฮ -อิมพีเด้นท์ (High Impedance) มาเป็นค่าโล -อิมพีเด้นท์ (Low Impedance) ที่เหมาะสมจะไปใช้งานกับอินพุท (Input) ของอุปกรณ์ที่ต่อร่วมอยู่ สิ่งที่แตกต่างกันและสังเกตได้ไม่ยากระหว่าง ไฮ -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (High Impedance Microphone) กับโล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (Low Impedance Microphone) คือการสังเกตที่ตัวคอนเนคเตอร์ (Connector) ที่ใช้กับสาย ไมโครโฟนแบบ High Impedance จะใช้ Connector ประเภทโฟนปลั้ก ( Phone Plug) และใช้สายแบบอันบาลานซ์ (Unbalance) ส่วนโล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน (Low Impedance Microphone)จะใช้ คอนเนคเตอร์ประเภท X L R คือมีขา 3 ขาซึ่งสายที่ใช้ก็มี 3 เส้นซึ่งเป็นแบบ บาลานซ์ ( Balance Cable) ด้วย

Balance & Unbalance Cable (สายไมโครโฟน แบบบาลานซ์ และแบบอันบาลานซ์)

สายไมโครโฟนนั้นมีความสำคัญมากและรวมถึงการต่อสายไมโครโฟนก็สำคัญมากด้วยสายไมโครโฟนนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นทางเดินของสัญญาณเสียงไปสู่จุดหมายปลายทาง ซึ่งคุณสมบัติของสายก็มีความสำคัญต่อสัญญาณเสียงที่ผ่านไปด้วยแต่จะไม่ขอกล่าวในที่นี้ แต่อยากจะกล่าวถึงการต่อสายไมโครโฟนซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบบาลานซ์(Balance Circuit) และ แบบอันบาลานซ์ (Unbalance Circuit)

การต่อแบบอันบาลานซ์ ( Unbalance Circuit)

เหมาะกับการเดินสายแบบสั้นๆ และเป็นแบบระบบ 2 ตัวนำ ตัวนำหนึ่งจะนำสัญญาณเสียง ส่วนอีกตัวนำหนึ่งหรือเรียกว่า ชีลด์ (Shield) จะต่ออยู่กับกราวน์ (Ground) ข้อเสียของการต่อแบบนี้คือ ไม่สามารถเดินสายให้ยาวได้ตามต้องการเนื่องจากจะเกิดการรบกวนขึ้นตามสายเป็นเงาตามตัวกับความยาวของสายที่ใช้ การรบกวนนี้เรียกว่าการรบกวนแบบ อีเลคโตรสแตติกอินเตอร์เฟียร์เร็น (Electro Static Interference) ซึ่งการรบกวนนี้เกิดมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หลอดฟลูโอเรสน์เซนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยจะทำให้เกิดเสียงบัส( Buzz ) ที่ทางเอ้าพุท( Output )ของระบบเสียงและยังทำให้ค่าอิมพีเด้นท์ ( Impedance ) ของการต่อระบบอันบาลานซ์ (Unbalance ) ยิ่งสูงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นการต่อสายแบบอันบาลานซ์ ( Unbalance) จึงไม่เหมาะกับการต่อเพื่อใช้งานในระยะไกล ส่วนใหญ่แล้วไม่ควรเกิน 6 เมตร หรือประมาณ 20 ฟุต ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องไมโครโฟนอิมพีเด้นท์ (Microphone Impedance)

การต่อแบบบาลานซ์ (Balance Circuit)
จะเป็นแบบระบบ 3 สาย โดยตัวนำ 2 ตัวจะเป็นตัวนำสัญญาณเสียง และอีกตัวหนึ่งตัวนำหรือที่เรียกว่า ชีลด์ (Shield) นั้นต่ออยู่กับกราวน์ (Ground) การต่อแบบบาลานซ์ (Balance) นี้จะใช้กับไมโครโฟนที่เป็นแบบ โล-อิมพีเด้นท์ (Low Impedance Microphone) โดยระบบบาลานซ์ (Balance)นี้จะปลอดสัญญาณรบกวนได้ดีกว่าแบบอันบาลานซ์ (Unbalance) และใช้กันมากในระบบเสียงที่เป็นแบบมืออาชีพโดยตัวคอนเนคเตอร์ (Connector) ที่มาต่อกับสายแบบบาลานซ์ (Balance) นี้จะเป็นแบบ X L R เสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเหตุผลที่ใช้คอนเนคเตอร์แบบ XLR นี้เพราะมี 3 ขาและมีการชีลด์ (Shield) ที่ดีและสามารถล๊อคได้และขา กราวน์ (Ground ) จะสัมผัสก่อนขาอื่นๆเพื่อป้องกันการเกิดเสียงปุ๊บขึ้นและตัดการรบกวนจากสายออกไปด้วย มาถึงตอนนี้แล้วเราคงเข้าใจและสามารถเลือกได้ว่าในการต่อสายใช้งานไมโครโฟนควรจะเป็นแบบ บาลานซ์ (Balance) หรือแบบอันบาลานซ์ (Unbalance) ซึ่งแบบบาลานซ์ (Balance) ดูเหมือนจะเป็นการต่อใช้งานที่ได้ผลดีที่สุดในงานระดับอาชีพแล้วนั้นหมายความว่าค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วยแต่ก็คุ้มกับการลงทุนไม่ใช่หรือ


บันทึกการเข้า
samasuk
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 108


รักกันไว้เถิด


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 22, 2007, 10:11:22 am »

มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

เดี๋ยวก็รู้ หมู่หรือหมวด
slis
member
*

คะแนน2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57



อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 26, 2007, 09:44:22 am »

ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดีมาก
แต่ยังไม่หมดข้อสงสัยครับ
ลักษณะการต่อใช้งานของผมคือ สายไมค์(คงเป็นแบบ อันบาลานซ์  Unbalance เพราะปลายสายเป็นหัวแบบ phone plug )
ไมค์เสียบเข้าตัว เอฟเฟค หรือ เอคโค่ ที่ผมเรียกเอาเอง มีปุ่มปรับ time delay repeat echo แล้วเอาสาย ( Unbalance อีกนั่นแหละ เป็น phone plug หัวท้าย) ไปเสียบเข้าช่อ mic บน powermixer (ช่อ MIC มี 2 แบบให้เลือกเสียบ phone plug กับ XLR) ผมใช้ทั้ง สายสั้น 5 เมตร กับสายยาว 10 เมตร

เข้าใจว่าไมค์ของผม (shure sm58) น่าจะเป็นชนิด โล -อิมพีเด้นท์ไมโครโฟน ( Low Impedance Microphone) ครับ เพราะเป็นไมค์ร้องของมืออาชีพที่ขายมาให้ ราคาประมาณตัวหกพัน
ช่วยเน้นคำแนะนำการทำสายไมค์ใหม่ให้หน่อยครับ อยากทำใหม่เลยทั้งตัวสาย ทั้งหัวต่อ ทำเองไม่ได้ก็จะไปจ้างเขาทำ อยากได้คุณภาพเสียงที่สมราคาน่ะครับ

เคยได้ยินคำพูดว่า สายไมค์ของชัวร์มันไม่เหมือนของชาวบ้าน จริงหรือเปล่าครับ
วันนี้อยู่ไกลรายละเอียดของไมค์ พรุ่งนี้จะเอามาที่ทำงานด้วยเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

คนชอบเพลง
Karum
member
*

คะแนน1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2007, 02:29:44 pm »

แล้วสายยี่ห้อไหนน่าใช้หล่ะครับ ซาร์วเทคนิคดีหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!