ผุด"รง.ไฟฟ้าพลังงามลม"ปัตตานีดึงนักลงทุนกระตุ้นศก.ใต้

สภาอุตสาหกรรมฯปัตตานี มั่นใจผุดโรงไฟฟ้าพลังงามลม นำร่อง 250 กิโลวัตต์ ทางเลือกจูงใจนักลงทุนเข้าพื้นที่ หวังพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ คาดปี 2551แล้วเสร็จ ผวจ.ปัตตานี ขานรับมั่นใจลดต้นทุนการผลิตภาคเอกชน

นางสุภาวดี โชคสกุลนิมิตร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายและแนวทางส่งเสริมด้านพลังงานลมของประเทศ โดยนำร่องโครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า เพื่อการสาธิตที่บ้านทะเลปัง อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช และที่แหลมตาชี อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี อีกจำนวน 2 ตัว โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์ และ 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการนำร่องสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ

เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20.7 ล้านบาท ซึ่งสามารถทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง เทียบเท่าราคาน้ำมันดิบได้ปีละ 290 ตันคิดเป็นมูลค่าปีละ 6.8 ล้านบาท และจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้ปีละประมาณ 1,000 ตัน โดยคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จปลายปี 2551

"ปัตตานี มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ดีที่สุดของประเทศ เนื่องจากมีกำลังความเร็วลมดีที่ 5 เมตรต่อวินาที ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงควรเร่งส่งเสริมให้นำพลังงานลม มาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อช่วยทดแทนพลังงานจากน้ำมัน ที่นับวันราคาพุ่งสูงต่อเนื่อง กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอุตสหากรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่ประสบปัญหาความไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่ทำให้นักลงทุนปฎิเสธเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่ ทำให้ต้องสูญเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย" นางสุภาวดี กล่าว

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี กล่าวอีกว่า การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมให้เป็นรูปธรรมจะสามารถสร้างแรงดึงดูดนักลลทุนให้กลับเข้าพื้นที่อีกครั้ง และที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมหลักในระยะยาว เนื่องจากในอดีตประชาชนในพื้นที่ สามารถใช้ประโยชน์จากกังหันลมในการวิดน้ำเข้านาเกลือ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ดังนั้น หากพัฒนาศักยภาพให้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้ จะช่วยให้ความคาดหวังของประชาชน และภาคเอกชนที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นจริงได้

ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า โครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้านำร่องในพื้นที่ชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ดีในการช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสิทธิพิเศษที่กระทรวงพลังงานฯได้ออกมาตรการสนับสนุนการใช้พลังงานลม เช่น สนับสนุนราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มเติมจากราคารับซื้อปกติ 3.50 บาทต่อหน่วยเป็นเวลา 10 ปี และสิทธิพิเศษสูงสุดในการลงทุนผลิตไฟฟ้ากังหันลมในจังหวัดชายภาคใต้จะได้รับการสนับสนุนอีก 1.50 บาทต่อหน่วยเป็น 5 บาทต่อหน่วย รวมทั้งงดการเสียภาษีกรณีนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมที่สำคัญรายได้ของบริษัท
ที่ลงทุนขายพลังงานไฟฟ้าจะได้รับการยกเว้นจ่ายภาษีเป็นเวลา8 ปี

"การผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ปัตตานีจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยสนับบสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้
เกิดการพัฒนาขึ้นได้ เนื่องจากปัจจุบันภาคเอกชนต้องแบกรับภาระจากต้นทุนการผลิต เช่น น้ำมัน ไฟฟ้า ค่าขนส่ง ที่สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั้งที่ศักยภาพด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมทุกด้าน ยกเว้นการลงทุนที่นิ่งสงบซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยความไม่สงบชายแดนใต้" นายภาณุ กล่าว