อานิสงส์กรวดน้ำ
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อานิสงส์กรวดน้ำ  (อ่าน 6238 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 09, 2007, 07:54:01 am »

ในครั้งหนึ่ง องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เชตะวันมหาวิหาร พร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์ มีพราหมณ์ผู้หนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น มีทรัพย์สมบัติอยู่ 80 โกฎิ พราหมณ์ผู้นั้นมีบุตรชาย
อยู่คนหนึ่ง เป็นที่รักมากเพราะมีบุตรคนเดียว พอบุตรชายมีอายุได้ประมาณ 17 ปี ก็เกิดโรคาพยาธิมา
เบียดเบียน ก็ถึงซึ่งความตายไป พราหมณ์ผู้เป็นพ่อและแม่ บังเกิดความทุกขเวทยาโทมนัสเศร้าโศก
เสียใจ เพราะอาลัยรักในบุตรที่ตายไปอย่างยิ่ง จึงให้สั่งคนใช้ที่เป็นบริวาร นำเอาศพไปเผาในป่าช้า
และสั่งให้ปลูกศาลาขึ้นหนึ่งหลัง มีเสื่อสาดอาสนะ แล้วจัดทาสคนหนึ่งไปคอยปฏิบัติรักษาอยู่ในป่าช้า
นั้น เพื่อจะได้ส่งข้าวน้ำอาหารเข้าและเย็นให้แก่ลูกชายของตนทุก ๆ วันมิได้ขาด ทำเหมือนกับบุตรชาย
ของตนมีชีวิตอยู่ ทาสผู้นั้นก็ทำตามคำสั่งอยู่เสมอมิได้ขาดเลยสักวันเดียว

อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญฝนตกหนักมากน้ำก็ท่วมหนทางที่จะไปนั้นทาสผู้นั้นจะข้ามไปก็ไม่ได้จึงกลับมา
ในระหว่างทางพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาตก็เลยเอาอาหารนั้นใส่บาตรให้เป็นทานแก่พระภิกษุ
แล้วก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญนั้นส่งให้แก่ผู้ตาย ลูกชายที่ตายไปนั้นมานิมิตฝันให้พราหมณ์ผู้เป็นพ่อว่า
ข้าพเจ้าได้ตายไปนานแล้วไม่เคยได้กินข้าวเลยสักวันเดียว เพิ่งจะมาได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวเท่านั้น

ครั้นพราหมณ์ผู้เป็นพ่อได้นิมิตฝันอย่างนี้ก็ใช้ให้คนไปตามทาสผู้ไปคอยเฝ้าปฏิบัติมาไถ่ถามดู
ทาสผู้นั้นก็ตอบว่าข้าพเจ้าไปส่งข้าวทุก ๆ วัน แต่วันนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้ฝนตกหนัก น้ำท่วม
ก็กลับมาพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาต

ข้าพเจ้าก็เลยเอาข้าวนั้นใส่บาตร แก่ภิกษุรูปนั้น แล้วอุทิศส่วนบุญนี้ไปให้บุตรของท่าน บุตรของท่านก็
คงจะได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวดังนี้แล ครั้นพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็คิดว่าเราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เสียก่อน จะทูลถามพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร พราหมณ์ก็ถือดอกไม้ธูปเทียนของหอมเข้าไปสู่สำนัก
พระพุทธเจ้าแล้วบูชาเครื่องสักการะนั้น แล้วนั่งที่สมควรแก่ตน ได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า คนหญิงชายทั้งหลายในโลกนั้นครั้นเขาตายไปปรโลกแล้วผู้อยู่ภายหลัง
ได้แต่งข้าทาสชายหญิงให้ไปปฏิบัติแล้วปลูกศาลาไว้ให้ เอาเสื่อสาดอาสนะช้างม้าวัวควายไปในป่าชั้น
นั้น จะเป็นอานิสงส์แก่ผู้ภายไปนั้นหรือไม่ พระพุทธเจ้าข้า

องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสพระธรรมเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์จะให้เป็นอานิสงส์แก่ผู้ตายนั้น
ควรถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ตรวจน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลที่ตนได้กระทำนั้นให้แก่ผู้ตาย
จึงจะเป็นผลอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลผู้ที่ตายไปแล้วนั้นครั้นได้รับส่วนอุทิศอันให้แล้วก็จะพ้นทุกข์
ทั้งมวลนั้นได้อย่างแน่แท้

ครั้นพราหมณ์ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็ชื่นชมยินดีอย่างมาก แล้วทูลอาราธนาพระพุทธเจ้ากับทั้ง
พระภิกษุสงฆ์ไปสู่บ้านเรือนของตน เพื่อฉันภัตตาหารครั้นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้ากับพระภิกษุสงฆ์ ฉัน
ภัตตาหารเสร็จ ได้ถวายปัจจัย 4 มี จีวร เป็นต้น แล้วตรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปให้แก่ลูกชายของตน องค์
สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์ตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้ไปปฏิบัติ อยู่ในป่าช้านั้นอีกเลย
ท่านจงรักษาศีลภาวนาอย่าได้ขาด บุตรของท่านก็จะได้พ้นทุกข์ ขึ้นไปเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาจบลงแล้ว บุตรชายของพราหมณ์ผู้ตายไปแล้วนั้นก็พ้นจากเปรตวิสัย
ได้ไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองสูง 12 โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร
พราหมณ์ผู้เป็นบิดาก็ตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ตราบเท่าสิ้นชีวิตแล้วได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มี
ปราสาททองและเทพกัญญาหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ดังนี้เป็นต้น


บันทึกการเข้า

prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 10, 2007, 01:35:40 pm »

ท่าน eskimo_bkk  แล้วคำกรวดน้ำอย่างย่อ และ แบบยาวละท่านลงให้ด้วยซิครับ  Smiley  Grin
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 10, 2007, 02:03:53 pm »

ท่าน eskimo_bkk  แล้วคำกรวดน้ำอย่างย่อ และ แบบยาวละท่านลงให้ด้วยซิครับ  Smiley  Grin
การกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

การกรวดน้ำนั้น มีมาก่อนครั้งพุทธกาล เช่น พระเวสสันดรยกสองกุมาร คือ กัณหาและชาลีให้แก่
ชูชก ก็ด้วยการหลั่งน้ำใส่มือชูชก ยกนางมัทรีให้แก่พระอินทร์ที่แปลงเป็นพราหมณ์ ก็ใช้วิธีหลั่งน้ำ
คือ กรวดน้ำ แทนการยกให้ เพราะของบางอย่าง เราไม่สามารถให้ได้ด้วยมือ ก็ใช้วิธีหลั่งน้ำใส่มือ
ผู้ขอ หรือกรวดน้ำลงบนแผ่นดิน เพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการฝากแม่ธรณีให้ช่วยนำ
อานิสงส์ไปให้ อนึ่ง ก็เท่ากับให้แม่ธรณี เป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของเราอีกด้วย ดังเช่น
ในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญ
เดือน 6 ทรงตั้งสัตยาธิษฐาน ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ์ว่า แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พระองค์ไม่ยอม
ลุกจากที่นั่ง จนกว่าจะตรัสรู้ ถึงแม้จะอดตายในที่นี้ก็ยอม เหล่าเทพยดาได้ยินสัตยาธิษฐาน ก็พากันชื่น
ชมโสมนัสยินดีปรีดาชวนกันเผ้ารอพระมหาบุรุษ เพื่อจะได้สักการบูชา หากพระองค์ได้ตรัสรู้ จนเต็ม
ขอบฟ้าจักรวาล ฝ่ายพญามารได้ยินมหาบุรุษตั้งสัตยาธิษฐานก็สะดุ้ง คิดว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะพ้น
จากอำนาจแห่งตน เพราะการบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณในวันนี้ จึงเกณฑ์หมู่เสนามารยกทัพมาเพื่อจะขัด
ขวางในการบำเพ็ญบารมี โดยมีพญามารขี่ข้างนำหน้ามา เหล่าเทพยดาทั้งหลายเห็นพญามารยกทัพมา
ก็สะดุ้งตกใจกลัวอำนาจพญามาร พากันหนีไปก่อนที่พญามารจะมาถึง พญามารมาถึง ก็สั่งให้เหล่า
เสนามารห้อมล้อมเพื่อจะประกาศศักดานุภาพของตน ให้พระมหาบุรุษสะดุ้งตกใจกลัว ครั้นเมื่อไม่เห็น
พระองค์ทรงหวั่นไหว จึงสั่งให้หมู่เสนามารรุกทำร้าย พุ่งอาวุธเข้าใส่ แต่อาวุธทั้งหลายไม่อาจทำอันตราย
กลับกลายเป็นบุปผามาลัยบูชาพระมหาบุรุษ เมื่อพญามารไม่อาจทำร้ายได้ จึงกล่าวว่า "ดูก่อนสิทธัตถะ
บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญของเรา ท่านเป็นผู้ไม่มีบุญสมควรจะนั่ง จงลุกไปเสีย" พระมหาบุรุษตรัสตอบ
ว่า "ดูก่อนพญามาร บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญที่เราได้บำเพ็ญมานับประมาณหามิได้ เราผู้เดียวเท่านั้นที่
สมควรนั่ง" พญามารกล่าวคัดค้านว่า "ท่านกล่าวคำไม่เป็นจริง ท่านมีใครเป็นพยาน" พระมหาบุรุษทรง
ดำริ "ในที่นี้มีแต่หมู่เสนามาร ไม่มีใครหาญกล้ามาเป็นพยานได้" จึงทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า "ดูก่อน แม่
นางธรณีเอ๋ย เธอจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของอาตมาในกาลบัดนี้เถิด" แม่นางธรณีไม่อาจ
จะอยู่นิ่งได้ จึงแทรกปฐพีขึ้นมาปรากฏกาย ทำอัญชลีอภิวาทพระมหาบุรุษ แล้วก็ประกาศให้พญามาร
ทราบว่า "พระมหาบุรุษเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญบุญมามากมายตลอดกาล เหลือที่จะประมาณ
ได้ แม้แต่น้ำที่หลั่งลงบนมวยผมของข้าพเจ้าก็เหลือที่จะคณานับ" ครั้นกล่าวจบ ก็เอามือปล่อยมวยผม
บีบน้ำที่กรวดสะสมไว้เป็นอเนกชาติให้หลั่งไหลออกมากลายเป็นทะเลหลวง กระแสน้ำจึงซัดพัดพาเอาพญา
มารและหมู่เสนามาร ลอยไปจนสุดขอบฟ้าจักรวาล พญามารตกตะลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ จนเกิดความ
กลัวภัยพนมมือนมัสการ เปล่งคำสรรเสริญในบุญบารมี ยอมรับความปราชัย แล้วรีบอันตรธานหนีหายไป
 จากที่นั้นด้วยความกลัวโดยเร็ว
ฉะนั้น การทำบุญเราจึงมักนิยมกรวดน้ำ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่ผู้ที่เราตั้งใจทำบุญอุทิศให้
อีกอย่างหนึ่ง ก็ใช้น้ำนั้นเป็นสื่อความหมายของสิ่งของที่เราอุทิศ การที่เอาน้ำที่กรวดแล้วใส่ภาชนะไปรด
ต้นไม้ ก็เปรียบเสมือนหนึ่งเราเอาสิ่งของไปไว้ในที่อันควร เพื่อไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำสิ่งนั้นนั่นเอง และ
การกรวดน้ำก็นิยมที่จะกรวดในวันนั้น เพื่อกันลืม ทีนี้หากเราจะไม่กรวดน้ำ เราก็ใช้อธิษฐานอุทิศส่วนบุญ
ส่วนกุศลก็ได้เหมือนกัน ซึ่งเรามักเรียกกันว่า กรวดน้ำแห้ง อุทิศด้วยใจไม่ต้องใช้น้ำ แต่ส่วนมากไม่ค่อยจะ
นิยม เพราะถึงจะอธิษฐานอุทิศแล้วก็ตาม เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังนำน้ำมากรวดอยู่ การนำเรื่องการสร้างบุญ
ทำกุศลแล้วต้องกรวดน้ำมาอธิบายให้รู้ถึงมูลเหตุที่พระพุทธองค์ทรงชนะมาร ด้วยบารมีที่พระพุทธองค์ได้
ทรงบำเพ็ญเป็นอเนกชาติโดยการหลั่งน้ำ (กรวดน้ำ) ลงบนแผ่นดิน (ธรณี) ทุกครั้ง เหมือนหนึ่งให้แม่ธรณี
รับรู้และเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญมาทุกชาติ เพื่อให้ชาวพุทธเราเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายในการกรวดน้ำ

กรวดน้ำอิมินา
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา
อาจริยูปะการา จะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา ปิยา มะมัง
สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ
พรัหมะมารา จะ อินทา จะตุโลกะปาลา จะ เทวะตา
ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
สัพเพ สัตตา จะ สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตังฯ
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ
ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง
เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง
นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโช วิริยัมหินา
มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม
พุทธาทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง
เต โสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ

 
กรวดน้ำ ตั้งใจอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ พร้อมไปกับหลั่งรินน้ำเป็นเครื่องหมาย และเป็นเครื่องรวมกระแสจิตที่ ตั้งใจอุทิศนั้นให้แน่วแน่; เริ่มรินน้ำเมื่อพระองค์หัวหน้าเริ่มสวดยถา รินน้ำหมดพร้อมกับพระหัวหน้าสวดยถาจบ และพระทั้งหมดเริ่มสวดพร้อมกัน จากนั้นวางที่กรวดน้ำลงแล้วประนมมือรับพรต่อไป; คำกรวดน้ำอย่างสั้นว่า “อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ” ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่.(ออกชื่อผู้ล่วงลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด จะต่ออีก ก็ได้ว่า “สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย” ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด
   
     

บันทึกการเข้า
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 10, 2007, 03:00:08 pm »

ยังขาดอย่างย่ออีกครับท่าน eskimo_bkk 
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 10, 2007, 08:51:42 pm »

ยังขาดอย่างย่ออีกครับท่าน eskimo_bkk 
กรวดน้ำ ตั้งใจอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ พร้อมไปกับหลั่งรินน้ำเป็นเครื่องหมาย และเป็นเครื่องรวมกระแสจิตที่ ตั้งใจอุทิศนั้นให้แน่วแน่; เริ่มรินน้ำเมื่อพระองค์หัวหน้าเริ่มสวดยถา รินน้ำหมดพร้อมกับพระหัวหน้าสวดยถาจบ และพระทั้งหมดเริ่มสวดพร้อมกัน จากนั้นวางที่กรวดน้ำลงแล้วประนมมือรับพรต่อไป; คำกรวดน้ำอย่างสั้นว่า “อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ” ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่.(ออกชื่อผู้ล่วงลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด จะต่ออีก ก็ได้ว่า “สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย” ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด    [/color] 

คำอุทิศส่วนกุศล ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อิทัง ปญญะ พะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้
ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า
และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลภิภพ และพญายมราช
ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพญายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้
ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหาย ที่ล่วงลับไปแล้ว
ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี
ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์และความสุข
เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้
ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
ในชาติปัจจุบันนี้เถิด
บันทึกการเข้า
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 12, 2007, 03:56:56 pm »

 Cheesy Grin  บางท่านยังไม่ทราบเลยครับไม่เชื่อลองสอบถามดูก็ได้  Embarrassed Kiss
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: