อาการของคอมพิวเตอร์ที่สงสัยว่าติดไวรัส

:ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์:
..ปัจจุบันมีไวรัสประเภทต่างๆเกิดขึ้นมากมายไม่เว้นแต่ละวัน พอจะแบ่งออกได้ดังนี้..
1.บู๊ตเซ็กเตอร์ไวรัส(Boot Sector Virus)เป็นไวรัสที่ซ่อนหรือแฝงตัวอยู่ในบู๊ตเซ็กเตอร์
ซึ่งเป็นเนื้อที่สำหรับเก็บข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับการบู๊ตระบบ เช่น ฮาร์ดดิสก์,แผ่นดิสก์เก็ต,แฟลชไดร์ เป็นต้น
เมื่อมีไวรัสอยู่ในบู๊ตเซ็กเตอร์ เจ้าไวรัสประเภทนี้จะถูกเรียกใช้งานทุกครั้งที่ เครื่องคอมพิวเตอร์เปิดขึ้นมาทำงาน
2.ไฟล์ไวรัส(File Virus)เป็นสายพันธ์ที่พบมากที่สุด เนื่องจากไวรัสประเภทนี้ จะแฝงตัวอยู่ในไฟล์ข้อมูล(แบบอ่านต่างๆ) และโปรแกรม(สกุล.exe)ที่เราดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต หรือในอุปกรณ์บันทึกข้อมูลต่างๆเช่น แผ่นซีดี,แฟลชไดร์ เป็นต้น เมื่อเรานำมาใช้งาน(ก๊อบปี้ลงเครื่อง)เช่น เปิดอ่านหรือติดตั้งโปรแกรม โดยไม่สแกนไวรัสก่อน เครื่องก็จะติดไวรัสทันที
3.มาโครไวรัส(Macro Virus)ถูกสร้างขึ้นจากเครื่องมือพัฒนาโปรแกรมการทำงานอัตโนมัติ ที่ติดตั้งอยู่ในชุด
Micrisoft Office ที่เราเรียกว่า Macro(เป็นเทคนิคที่ช่วยลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อนในชุดโปรแกรม Office)
เนื่อจากเป็นโปรแกรมที่ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ Windowsและ Macintosh
ทำให้ไวรัสประเภทนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดาย สำหรับผู้ที่ใช้งาน Officeทั่วไป
4.สคริปต์ไวรัส(Script Virus)ถูกสร้างขึ้นมาจาก ภาษาสคริปต์หรือภาษาที่ใช้สำหรับเขียนโปรแกรม เช่น VBScript
JavaScript เป็นต้น ส่วนมากจะติดไวรัสนี้จาก Script(สกุลจำพวก .vbs,.js,.au และอื่นๆ)ที่เราดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต
5.อีเมล์ไวรัส(E-mail Virus)เป็นไวรัสที่ติดหรือถูกแนบมากับเอกสารที่เป็นจดหมาย หากเราเปิดอ่านหรือดาวน์โหลดไฟล์แนบ จากผู้อื่น ที่เราไม่รู้จัก นำมาเปิดอ่านหรือติดตั้งไว้ในเครื่อง เครื่องเราก็อาจจะติดไวรัสประเภทนี้ได้
6.เวิร์ม(Worm)หรือ "หนอนอินเทอร์เน็ต"มีลักษณะการทำงานคล้ายกับไวรัสคอมพิวเตอร์ แตกต่างกันตรงที่เวิร์มนั้น สามารถแพร่กระจาย ด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องเกาะไปกับไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรม เหมือนกับไวรัสคอมพิวเตอร์ ช่องทางที่ไวรัสนี้แพร่กระจายได้ง่ายที่สุด ได้แก่ดาวน์โหลด Bit(Peer to Peer ที่ไม่มีการรักษาด้านความปลอดภัย),Emailและโปรแกรม Chat(สนทนา) ประเภทต่างๆ ที่สามารถ ส่ง-แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
7.โทรจันฮอร์ส(Trojan Horse)หรือ ม้าโทรจัน คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่เขียนขึ้นมาเพื่อสร้างความเสียหายให้กับ ระบบคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังเป็นตัวการที่ทำให้ผู้ไม่หวังดี เข้ามาขโมยข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ภายในคอมพิวเตอร์ของเราได้ โทรจันแบ่งออกเป็น2ประเภท คือ Remote Access(RAT)หรือที่เรียกว่า BackDoor
ทุกครั้งที่เราต่อกับอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ของเราจะถูกควบคุมจากผู้ไม่หวังดี (ทำอะไรก็ได้กับระบบปฏิบัติการณ์ของเรา) ทำได้แม้กระทั่งทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้ แบบชั่วคราวและถาวร
(ส่วนมาก องค์กรที่สำคัญหรือบริษัทใหญ่ๆ ที่มีข้อมูลสำคัญๆและการรักษาด้านความปลอดภัยไม่เพียงพอ จะโดนก่อน) ต่อไปประเภท Rootkits ถ้าติดไวรัสชนิดนี้ ก็จะทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้ามาขโมยข้อมูล เช่น รหัสผ่านของผู้ใช้เครื่อง แอบบันทึกการใช้งานคอมพิวเตอร์ของเรา ขณะเข้าชมเว็บไซด์ (ล้วงความลับของทางราชการหรือบริษัท ไปเปิดเผยโดยหวังผลตอบแทน)
8.สปายแวร์(Spyware)และแอดแวร์(Adware)พฤติกรรมก็เหมือนๆหรือคล้ายกับ ม้าโทจัน สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคอนฟิกกูเรชัน เช่น เปลี่ยนหน้าโฮมเพจ(Homepage)ที่ตั้งเอาไว้ เปลี่ยนการตั้งค่า Windows Firewall เป็นต้น ส่วนมากจะติดไวรัสชนิดนี้มาจาก โปรแกรมประเภท SharewareและFreeware ถ้าไม่สแกนไวรัสก่อนติดตั้ง อาจติดไวรัสชนิดนี้โดยไม่รู้ตัว
9.ฟิชชิง(Phishing)เป็นวิธีการที่ผู้ไม่หวังดี ออกแบบมาเพื่อการขโมยข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับตัวเรา ไปใช้ในทางที่ไม่ดี เช่น การขโมย หมายเลขบัตรเครดิต บัญชีธนาคาร พาสเวิร์ด เป็นต้น โดยหลักการทำงานของฟิชชิงคือ การส่งอีเมล์จำนวนมากไปยังผู้รับตามฐานข้อมูล ที่มีการบันทึกไว้ โดยเนื้อหาภายในอีเมล์จะมีข้อความ โฆษณาชวนเชื่อ เกี่ยวกับการซื้อขายออนไลน์หรือแนะนำการท่องเที่ยว แอบอ้างส่งมาจาก ธนาคารยักษ์ใหญ่,บริษัทที่น่าเชื่อถือ หรือเว็บไซด์ที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญจะมีข้อความบอกว่า ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายด้วยสิ บางครั้งปลอมเป็นเว็บไซด์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ จึงทำให้มีคนหลงเชื่อ พิมพ์ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารลงไป
10.สแปมเมล์(Spam Mail)การที่มีจดหมายที่เราไม่รู้จักใน Mail Box อยู่เป็นจำนวนมาก นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่า ท่านอาจโดนไวรัสชนิดนี้เข้าแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดป้องกัน เมล์ขยะ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของ ผู้ใช้ E-mail@ และผู้ให้บริการ..ที่เกี่ยข้องกับการเข้าถึงข้อมูล..
...ถ้าท่านมีข้อมูลที่เป็นความลับสำคัญ ก็อย่าเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่เป็นประจำตลอดเวลา ควรเก็บไว้ในอุปกรณ์บันทึกข้อมูล ชนิดอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต หมั่นScanและUpdateข้อมูลไวรัสบ่อยๆ เครื่องและข้อมูลสำคัญของท่านก็จะปลอดภัย...
From:sak2005