PHPNuke เป็น CMS ที่แพร่หลายที่สุดในระยะแรก แต่มีการวางสถาปัตยกรรมที่ไม่ดี การเขียนโปรแกรมอย่างยุ่งเหยิง ไม่เหมาะสมที่จะพัฒนาต่อไป และขนาดที่ใหญ่เทอะทะ
PostNuke เป็น CMS ที่พัฒนาต่อจาก PHPNuke 5.0 มีการใช้ OOP ด้วยเล็กน้อยแต่ยังมีปัญหาเดิม ๆ จาก PHPNuke ติดมาอย่างมากมาย เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------------------
ข้อเปรียบเทียมของ cms ทั้ง 4 ตัวมีดังนี้
1 การรักษาความปลอดภัย
ในเมื่อ CMS เป็นโปรแกรมที่เปิดเผย source code ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ hacker เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญของ CMS
Drupal มีระบบการกำหนดสิทธิ์ที่ดี และมีรายงานการถูกเจาะระบบปานกลาง
Joomla! ระบบการกำหนดสิทธิ์ที่ไม่ดี รายงานการถูกเจาะระบบน้อย แต่เว็บหลักเคยโดนเจาะ
Mambo ระบบการกำหนดสิทธิ์ที่ไม่ดี รายงานการถูกเจาะระบบมากมาย แต่เว็บหลักล่มเพราะโดนเจาะหลายครั้ง
Typo3 มีระบบการกำหนดสิทธิ์ที่ดี รายงานการถูกเจาะระบบน้อย
3 การนำไปใช้งาน
Drupal
การติดตั้งเพียงแค่ใส่ข้อมูลของฐานข้อมูลเท่านั้น ทำให้ง่ายในการติดตั้ง แต่คุณต้องตั้งค่าพื้นฐานส่วนใหญ่เอง (ไม่มากนัก) มีตัวนำทางที่พอใช้
การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็น node ซึ่งสามารถเรียกใช้งานกี่ครั้งก็ได้ ซึ่งการแสดงผลก็เพียงหามอดูลที่ตรงกับใจมาลง ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษก็งานนี้แหละครับ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง
มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ ทำให้สามารถจับตาการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ได้
วิธีติดตั้งมอดูลและธีมคือขยายไฟล์ไปไว้ที่ Directory ที่เหมาะสมก็พอ แล้วก็เอา SQL ไปสร้างตารางของแต่ละมอดูลเอาเอง
การปรับแต่งหน้าตาง่าย เพราะจะมีเครื่องมือสำหรับปรับแต่งธีมให้เรียบร้อย แต่จะปรับแต่งไม่ได้มาก จะทำให้สวยต้องฝีมือจริง ๆ (ทั้ง PHP และ design)
ในการจะทำให้เว็บเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ตัวช่วยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ Search Engine Optimization (SEO) ซึ่ง Drupal ทำได้ดีมาก สามารถตั้งชื่อได้ตามสะดวก
มีการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่ดีเยี่ยม
Joomla! และ Mambo
มีตัวช่วยสร้างการติดตั้งให้ ซึ่งจะช่วยตั้งค่าพื้นฐานให้
การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็นแบบต้นไม้ จะแยกย่อยได้ 3 ระดับ การนำเนื้อหาเดิมไปใช้ต้องคัดลอกไปใหม่
ไม่มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ
วิธีติดตั้งส่วนเสริม Joomla! สามารถทำผ่านหน้า admin จะมีแยกเป็น Components, Modules, Mambots และธีม ส่วนของ Mambo สามารถโยนเข้าไปที่เดียวเลยได้
การปรับแต่งหน้าตาต้องมีความรู้ทาง html แล้วจะทำให้เลิศปานไหนก็ได้
SEO ยังไม่ดีมากนัก อยู่ในรูป
http://yourdomain.com/content/view/2/9/ การกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ทำได้อย่างยากลำบาก
Typo3
มีตัวช่วยในการติดตั้ง มีตัวนำทางที่ดีเยี่ยม แต่ต้องตั้งค่าที่ถ้าพิมพ์ออกมายาวประมาณ 20 หน้ากระดาษ
การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็น node ซึ่งสามารถเรียกใช้งานกี่ครั้งก็ได้ การแสดงผลก็ง่ายนิดเดียว (ยากมาก) ไปเรียน TYPOscript ซะ ทำให้ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้มหาศาล แต่คุณสามารถจัดหน้าเว็บยังไงก็ได้
มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ
วิธีการติดตั้งสามารถทำผ่านหน้า admin จะมีแยกเป็น Modules และธีม
การปรับแต่งหน้าตาต้องมีความรู้ทาง html และ TYPOscript แล้วจะทำให้เลิศปานไหนก็ได้
SEO ทำได้ดีไม่แพ้ Drupal
มีการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่ดีเยี่ยม
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://blognone.com