เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆกับตัวผมเอง สดๆร้อนๆ (โดยจะเล่าอย่างย่อๆ)
เรื่องมีอยู่ว่า ผมคบเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันมาเกือบปีแล้ว แต่ไม่สนิทกันมาก และเพื่อนคนนี้บอกว่า มันทำงานส่งโทรศัพท์หนีภาษีอยู่(แต่ที่จริงๆแล้วเพื่อนคนนี้ทำอาชีพอะไรก็ไม่รู้) เขามีวิธีการขาย คือเขาจะใช้ชื่ออื่น แล้วโพสข้อความไว้ที่เว็ปต่างๆ ว่ามีโทรศัพท์ตระกูล N ซึ่งมีราคาจะถูกกว่าเครื่องศูนย์ 40% และได้มีลูกค้าอยู่คนหนึ่งสนใจและสอบถามข้อมูลกันทางโทรศัพท์ และได้ทำการติดต่อสั่งซื้อ โดยนัดจ่ายเงินและรับของกันที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันจันทร์ ที่ 1 ตุลาคม เวลา 16.00 น. และเพื่อนคนนี้ก็ชวนผมไปเป็นเพื่อน(แต่ก่อนหน้านี้ เพื่อนคนนี้เขาชวนผมไปเป็นเพื่อนหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่ว่าง) โดยเพื่อนคนนี้บอกกับผมว่า "
นายไม่ต้องทำอะไรมาก พอเราได้เงินจากลูกค้าแล้ว เราจะขึ้นไปเอาโทรศัพท์ที่ร้านของพี่แล้วนายก็นั่งรอเป็นเพื่อนลูกค้า และคอยตรวจสอบพิรุท ว่าลูกค้าคนนี้เป็นสายของตำรวจหรือไม่ พอเสร็จงานเราก็จะแบ่งเงินให้นาย 1,500" ส่วนผมก็ได้ตกลงว่า จะไปเป็นเพื่อน
เหตุเกิดขึ้นที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อวันจันทร์ ที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. พอลูกค้ามาถึง และเพื่อนคนนี้ก็บอกกับลูกค้าว่า "
ผมไม่สามารถที่จะให้คุณขึ้นไปเอาโทรศัพท์จะจ่ายเงินที่ร้านได้ เผื่อคุณเป็นสายให้กับตำราจ ทางร้านจะโดนหนัก ส่วนผมเป็นแค่คนรับเงินและส่งของ ถ้าโดนก็จะโดนไม่มาก พอผมรับเงินจากคุณแล้ว ผมจะให้เพื่อนผมนั่งรอเป็นเพื่อนคุณ แล้วอีก 5 นาทีผมจะกลับมา" ส่วนลูกค้าคนนี้ก็บอกว่า "
ผมจะเชื่อใจคุณได้ไง ว่าคุณจะไม่ฉูดเงินผมไป เอาอย่างนี้ดีกว่า งั้นผมขอบัตรประชาชนคุณ หรือไม่ก็โทรศัพท์มือถือของคุณก็ได้" เพื่อนผมก็บอกว่า "
ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลย นอกจากโทรศัพท์ แล้วถ้าคุณเอาโทรศัพท์ผมไป แล้วผมจะติดต่อกับพี่ของผมได้ไง" แล้วเพื่อนผมก็ให้ผมเอาบัตรประชาชนของผมเองให้ลูกค้าไปแทน และผมก็ให้ลูกค้าไปโดยที่ผมไม่ได้เอะใจอะไรเลย คิดว่าเพื่อนคงจะไม่ฉูดเงินลูกค้า เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ผมเชื่อใจเพื่อนคนนี้ก็คือ ผมกับเพื่อนคนนี้ บ้านเกิดอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ต่างอำเภอ แต่ถ้านับระยะทางแล้วบ้านผมกับบ้านเพื่อนห่างกันไม่เกิน 10 โล จึงทำให้ผมเชื่อใจว่าเพื่อนจะไม่โกหก
หลักจากที่เพื่อนผมได้รับเงินจากลูกค้า เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที เพื่อนคนนี้ก็ยังไม่กลับมา พอโทรศัพท์ไปหาปรากฏว่าเปิดเครื่องไปแล้ว พอเดินตามหาที่ร้านขายโทรศัพท์ก็ไม่เจอตัว ผมคิดอยู่ในใจว่าถ้าผมหนี ผมก็จะเป็นคนร้ายไปด้วย หลังจากนั้นลูกค้าก็ได้พาผมไปแจ้งความ แล้วตำรวจก็บอกกับผมว่า "
คุณกับเพื่อนคุณวางแผนกันเอาไว้หรือป่าว คุณทำแบบนี้คุณก็จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วย" ผลสุดท้ายผมก็ต้องช่วยเหลือลูกค้ามากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ เพื่อให้ลอดพ้นข้อกล่าวหา และเพื่อนผมคนนี้ได้ถูกตำราจออกหมายจับไว้เรียบร้อยแล้ว
สรุปแล้ว ลูกค้าได้เสียเงินเป็นจำนวน 10,000 บาทโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ส่วนผมก็เกือบไปนอนกินข้าวแดงในคุก โดยการที่คบเพื่อนไม่เลือก(และความโง่ของตัวเอง)เสียแล้ว
เหตุการณ์นี้คงจะเตือนใจใครหลายๆคนในการเลือกคบเพื่อน และรวมไปถึงผู้ที่ได้หลงเชื่อโฆษณาขายของในอินเตอร์เน็ต