สิ้นแล้วนักบุญคนดัง "ไมตรี บุญสูง"
"ไมตรี บุญสูง" คหบดีชื่อดัง อดีตนายกเล็กเมืองภูเก็ต สิ้นชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 72 เผยประวัติเป็นผู้เลื่อมใสคาถาอาคมจนได้รับการยกย่องเป็นระดับอาจารย์สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง เกษตรตำบลอีสานโวยกรมส่งเสริมการเกษตร ให้จัดหามวลสารส่งเพื่อสร้างจตุคาม
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 16 พฤษภาคม นายไมตรี บุญสูง คหบดีชาวภูเก็ต อายุ 72 ปี ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ที่โรงพยาบาลธนบุรี บางกอกน้อย กทม. หลังจากเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม โดยวันที่ 17 พฤษภาคม จะมีการเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันเดียวกัน
ก่อนหน้านี้นายไมตรีได้ล้มป่วยลงด้วยโรคกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งได้รับการผ่าตัดมาแล้ว 2 ครั้ง ต่อมามีอาการปวดที่สันหลัง จึงให้แพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนใน จ.ภูเก็ต ตรวจรักษา แพทย์ตรวจพบว่ามีอาการของเส้นเลือดในหัวใจ จึงทำบอลลูนให้
แต่กลับปรากฏว่ามีเลือดออกที่ปอด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม แพทย์ตรวจพบว่านายไมตรีมีอาการของโรคถุงลมโป่งพองอีกด้วย ทำให้หายใจไม่สะดวก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา อาการดีขึ้นบ้างในบางวัน และทรุดในบางวัน จนในที่สุดก็สิ้นลมหายใจดังกล่าว
นายไมตรี บุญสูง เป็นบุตรของนายจุติ และนางบัวคลี่ บุญสูง เจ้าของกิจการเรือขุดแร่รายใหญ่ของ จ.ภูเก็ต มีฐานะความเป็นอยู่ในระดับเศรษฐีของเมืองภูเก็ต นายไมตรีมีพี่น้อง 2 คน สมรสกับนางรัตน์ มีลูกชายหญิง 4 คน และมีลูกชายอีก 3 คน กับนางเนาวรัตน์ วัชรา อดีตนางสาวไทย
หลังจากจบการศึกษาจากเมืองไทยแล้ว นายไมตรีได้ไปศึกษาต่อที่ปีนัง และประเทศออสเตรเลีย สาขาบริหารธุรกิจ เมื่อจบการศึกษาได้เดินทางกลับมาทำงานในบริษัทของคุณพ่อ ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยช่วงหนึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองภูเก็ต 1 สมัย หลังจากนั้นได้หันหลังให้การเมืองท้องถิ่น เพราะเห็นว่าไม่ใช่วิถีชีวิตของตนเอง แม้ในระยะหลังจะมีผู้ชักชวนให้ลงเล่นการเมืองระดับชาติก็ตาม
สมัยที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มนายไมตรี เป็นผู้ให้ความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์มาก หากรู้ว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่ไหนเก่งทางด้านคาถาอาคมที่ไหน ก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง พระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งที่นายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์ก็คือ พระอาจารย์นำ (แก้วจันทร์) ชินวโร วัดดอนศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผู้สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ อันเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
นายไมตรีได้เรียนรู้สรรพวิชาสายเขาอ้อ มาจนเจนจบทุกวิชาอาคม แม้แต่การนอนแช่น้ำว่าน การกินข้าวเหนียวดำ ที่เป็นสุดยอดของวิชาสายเขาอ้อ มาจนถึงทุกวันนี้ คาถาอาคมต่างๆ เหล่านี้นายไมตรี ก็ยังจดจำได้หมด ครบทุกบทคาถา เวลาไปไหนมาไหนบางครั้งถึงกับมีคนให้ท่านลงกระหม่อมก็มี ช่วงหลังๆ มานี้มีบางพิธีปลุกเสกพระ นายไมตรีจะร่วมลงนั่งปรกปลุกเสกด้วย หลังสุดนายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม อีกแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้าที่วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ จะโด่งดังเช่นทุกวันนี้ นายไมตรีได้เคยจัดสร้างจตุคามรามเทพ มาแล้วรุ่นหนึ่ง โดยประกอบพิธีปลุกเสกที่วัดในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ โดยหาปัจจัยถวายให้ ศาลเจ้าเจ่งอ๋อง จ.ภูเก็ต โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้มีนายไมตรี เป็นประธานดำเนินการก่อสร้าง สำหรับ "จตุคามรามเทพ" รุ่นนี้จะมีลายเซ็นชื่อของนายไมตรีกำกับอยู่ด้านหลังทุกองค์
เรื่องของวิชาไสยศาสตร์ นายไมตรีเคยกล่าวว่า ใครรับแล้วต้องมีสัจจะ ต้องทำจริงๆ ใครผิดสัจจะต่อครูบาอาจารย์ ทำอะไรก็จะผิดหมด เรื่องแบบนี้หากเราไปพูดให้ใครฟัง บางคนเชื่อก็แล้วไป แต่บางคนเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด เขาจะหาว่าเราบ้าก็ได้ หรืออาจถูกมองว่าเราเป็นคนงมงายไปเลยก็มี
จึงอยากให้มองเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลจะดีกว่า ใครที่เคยแขวนพระเครื่องแล้วมีประสบการณ์เขาจะเข้าใจได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไปพบกับอะไรบ้าง ชีวิต หน้าที่การงานเขาดีขึ้นไหม เราจะเห็นว่า คนที่แคล้วคลาดจากการรอดตายทางอุบัติเหตุมากมาย ก็มีทางเป็นไปได้ว่า เกิดจากพุทธคุณของพระนั่นเอง
นายไมตรี ยังได้กล่าวถึงการแขวนพระเครื่องว่า เพื่อให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อแขวนแล้วมีความศรัทธา พลังปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นมาเอง
นอกจากเป็นคนเชื่อในเรื่องของปาฏิหาริย์แล้ว นายไมตรียังเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วยังเชื่อว่า ชาตินี้มีจริง ชาติหน้าก็ต้องมีจริง ซึ่งผลของการกระทำจะเกิดให้เห็นได้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เช่นเดียวกับคนเราที่เกิดมาได้ก็ด้วยกรรม ตัวเราก็คือกรรม เกิดมาก็ต้องมาชดใช้กรรม และคนเราก็ต้องจากไปด้วยกรรม เมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีหรือทำกรรมชั่ว ก็เลือกกันเอาเอง ไม่มีใครบังคับได้
"ชาติหน้าใครเกิดในภพภูมิที่ดีก็ต้องสร้างบุญกุศลไว้ให้มาก เพื่อจะได้เกิดในภพที่เป็นมนุษย์ แต่ถ้าใครไม่ทำบุญ ก็ต้องไปเกิดในภพที่เป็นอมนุษย์ ประกอบด้วยกิเลสตัณหา คนเราจะไปในภพภูมิที่ดีได้ก็อยู่ ที่การปฏิบัติจริงๆ ศีล 5 ต้องครบ และต้องมีหิริโอตตัปปะ ละอายต่อบาป แล้วยังต้องมี พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐ และบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์เรามีแค่นี้ก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว" นายไมตรีกล่าว
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายไตรีเป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่เสมอ หากเห็นว่าวัดไหนมีความขาดแคลน เมื่อทราบก็จะบริจาคเงินไปทันที
นอกจากนี้ นายไมตรียังได้สร้างพระหลวงพ่อทวด ไว้หลายรุ่น โดยขอให้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปลุกเสกให้ ทุกรุ่นล้วนได้รับนิยมจากนักสะสมพระเครื่องโดยทั่วไป
เกียรติประวัติที่นายไมตรีปลาบปลื้มที่สุด คือ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สายสะพายถึง 3 สาย คือ มหาวชิรมงกุฎไทย ปฐมาภรณ์ช้างเผือก และ ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ นับเป็นเอกชนคนแรกของ จ.ภูเก็ต ที่ได้รับสายสะพายสูงสุด และมากที่สุด
http://www.oknation.net/bloghttp://www.sompatong.com/home/index.asp