การเลือกซื้อลำโพง ( ไว้ฟังที่บ้าน )
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 12:31:46 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การเลือกซื้อลำโพง ( ไว้ฟังที่บ้าน )  (อ่าน 12435 ครั้ง)
หลง สุรินทร์
วีไอพี
member
***

คะแนน96
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2441


ทีมงาน PS.SOUND


« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2007, 10:21:04 am »

การเลือกซื้อลำโพง ( ไว้ฟังที่บ้าน )

บทสรุปของลำโพงที่ดี คงจะเป็นการยากที่จะสรุปอะไรกันง่ายดาย เพียงแค่ว่าลำโพงคู่นั้นเสียงดี คู่นี้เสียงเพราะ คุณสมบัติของลำโพงที่ดีนั้น จะต้องประกอบด้วยเหตุผลหลักหลายประการ ซึ่งจะประสบการณ์ของตนเอง มีมากมายหลายหลากจนนับไม่เป็นข้อหรือไม่เป็นชิ้นเป็น อัน เพราะรายละเอียดมันหยุมหยิบระยิบระยับไปหมด ข้อสรุปง่าย ๆ สำหรับการเลือกซื้อลำโพงเป็นเบื้องต้นก็คือ

1. ความบริสุทธิ์ของน้ำเสียงที่ปราศจากสีสัน คำว่าสีสันหรือคัลเลอร์ (COLOR) นับเป็นคำอธิบายที่เห็นภาพได้ง่ายมาก แต่ในเวลาฟังเสียงจริง ๆ นั้นยากยิ่งที่จะเอาบรรทัดฐานตรงไหนมาเป็นหลักว่าลำโ พงคู่ใดมีน้ำเสียงที่บริสุทธิ์ ก็คงจะต้องให้ท่านผู้อ่านย้อนกลับไปยังบทความตอนแรกท ี่เราพูดกันถึงดนตรีจริง ที่เรามีโอกาสได้ฟังนั่นคือเรฟเฟอร์เร็นที่ดีที่วุด ดีกว่าการที่จะไปเปรียบเทียบโดยใช้เครื่องเสียงหรือล ำโพงแต่ละยี่ห้อ-รุ่นไปเรื่อย ๆ เราไม่มีวันรู้หรอกนะครับว่าลำโพงคู่ไหนดีที่สุด (สำหรับคุณ)


2. การตอบสนองความถี่ที่ครบถ้วน แม้ว่าลำโพงทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่ลำโพงไฮเอ็นต์ ไม่สามารถตอบสนองความถี่ได้ครบตลอดย่าน (20-20,000 HZ) ลำโพงที่ให้การตอบสนองความถี่ครบถ้วนขนาดนี้ราคาเกิน สองแสนบาทต่อคู่แทบทั้งสิ้น แต่เราก็ยังสามารถค้นคว้าหาลำโพงที่ดี ตอบสนองความถี่ได้ค่อนข้างถูกต้อง คือให้เสียงดนตรีได้ครบถ้วน แม้ว่าผลการตอบสนองความถี่จะอยู่ในช่วง 50-20,000 เฮิรตซ์ก็ตาม อย่าลืมนะครับว่า มีเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นในสารบบดนตรีคล าสสิก ที่สามารถตอบสนองความถี่ได้ 20-20,000 เฮิรตซ์ (ออร์แกนท่อ) ดังนั้นบางทีก็ไม่มีความจำเป็นอันใดนักหนา ที่คุณจะต้องจ่ายแพง ๆ เพื่อให้ได้การตอบสนองความถี่ ที่บางทีเป็นความถี่ซึ่ง ไม่เคยได้ฟังเลยตลอดอายุการใช้งานเครื่องเสียง ก็เพราะคุณไม่ได้นิยมในการฟังเพลงคลาสสิก เป็นต้น

ดังนั้นลำโพงที่สามารถตอบสนองความถี่ระดับ 50-20,000 เฮิรตซ์ ก็ต้องนับว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมพอเพียงอยู่แล้ว และลำโพงในยุคนี้ น้อยคู่นักที่จะไม่สามารถตอบสนองความถี่ได้ขนาดนี้ แต่จะต้องไม่ลืมว่า ผลการตอบสนองความถี่ หลาบบริษัทมักจะบอกไม่หมด อีกเช่นเคย ลำโพงยี่ห้อ A รุ่น B123 ให้การตอบสนองความถี่ 60-20,000 เฮิรตซ์ แต่ไม่กำหนดว่ามีค่าเบี่ยงเบนกี่ดีบี แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ค่าเบี่ยงเบน นั้นหมายถึงสัญญาณตอบสนองความถี่เที่ยงตรงในเกณฑ์ของ ศูนย์เดซิเบล พิจารณาดู ภาพประกอบที่ 12 จะเห็นว่า การตอบสนองความถี่ของลำโพงที่ดี จะต้องราบเรียบไม่ขึ้นลง หรือมีรอยขยัก ณ ตรงที่ใดในทางบวกหรือทางลบจากแกน 0 dB (ศูนย์ดีบี)

การตอบสนองความถี่จากสเปกเครื่องเสียง อาจบอกเราได้เพียงแต่สถานภาพหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะลำโพงจะต้องมาพบกับสภาพแวดล้อมจริง ๆ ในห้องฟัง ทำให้เสียงแปรเปลี่ยนไปอีก ซึ่งเราจะมาพูดคุยถึงรายละเอียดในเรื่องนี้กันในตอนต ่อ ๆ ไป ครับ

3. ระบบโครงสร้างที่ดี ลำโพงจะต้องมีตู้แข็งแกร่งปราศจากอาการกระพือของความ ถี่ต่ำ ที่มักจะทำให้ตู้เคลื่อนตัวจากจุดที่ตั้งได้ในขณะที่ เปิดฟังเพลง การสั่นกระพือเพียงเล็กน้อย จะทำให้เสียคุณภาพเสียงอย่างมหาศาล แต่ไม่ได้หมายความว่าลำโพงจะถึงขนาดเคลื่อนตัวเลื่อน ไถลไปมาแต่อย่างใด เพียงแค่ตัวตู้สั่นกระพือเล็กน้อยจากความถี่ต่ำ ก็นับว่าลำโพงคู่นั้นไร้คุณภาพแล้ว

4. การแยกแยะเสียงดนตรีจากแหล่งโปรแกรมอย่างชัดเจน หมายถึงความสามารถในการแยกแยะชิ้นดนตรีได้ละเอียด ฟังแล้วสามารถจับได้ว่าเป็นเสียงไวโอลีน, วิโอลา, เชลโล, เปียโน ไม่ใช่จะเอากันแค่ดังตะเบงเซ็งแซ่อย่างเดียว หรือเสียงเครื่องดนตรีรวมกันเป็นกระจุก ถ้าได้ฟังเสียงแบบนี้ กรุณเดินหนีไปให้ห่างเลย แสดงว่าลำโพงคู่นั้นมีความเป็นไฮฟิเดลิตี้ต่ำมาก ๆ

5. ลักษณะของอิมเมจซาวด์สเตทที่ดี คำศัพท์ที่นักเล่นเครื่องเสียงระดับออดิโอไฟล์จะต้อง รู้จักกันดีก็คือสองคำนี้แหละครับ IMAGE หมายถึงการแสดงให้เห็น (หรือได้ยิน) ว่านักดนตรีมีจุดตำแหน่งอยู่ตรงไหนบนเวที และ SOUND STAGE ก็คือลักษณะความกว้างลึกของเวทีที่มีการแสดงดนตรีว่า ลำโพงทำได้ใกล้เคียงเพียงไร อย่าไปตั้งความหวังให้สูง ถึงขนาดว่ามันจะให้เสียงได้เหมือนเวทีดนตรีจริง เอาแค่ย่อส่วนมาให้ได้ใกล้เคียงก็นับว่ายอดแล้ว

6. ชื่อ-ยี่ห้อลำโพง ปราศจากความหมาย! เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถ้าหากเสียงของลำโพงไม่ถูกหูคุณแล้ว ต่อให้เห็นยี่ห้อที่โด่งดังทะลุฟ้า ก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ ดังนั้นจงเชื่อหูของคุณเองมากกว่าเชื่อตา ความหลงละเมอเพ้อพก ไปในอินเมจของยี่ห้อนั้นจะทำให้คุณซื้อลำโพงพลาดมากล ำโพงยี่ห้อดัง ๆ อาจจะมีข้อดีอยู่ประการหนึ่งคือ เขาคงไม่เสี่ยงผลิตลำโพงเสียงเลวมาให้คุณได้ซื้อไปใช ้แน่ ๆ แต่ ดี นั้น จะซักแค่ไหนต้องพยายามพิจารณาเลือกสรรจาก รสนิยม ความชอบไตล์เพลงส่วนตัวของคุณเอง โดยอย่าไปคำนึงเพียงแค่ชื่อลำโพง

7. น้ำหนัก พูดแล้วอาจจะหาว่าเป็นเรื่องตลอด น้ำหนักลำโพงบางทีก็บอกอะไรได้หลายอย่าง ส่วนมากลำโพงราคาถูก ๆ บางทีขนาดตู้สูงเคียงเอว แต่ยกตู้แล้วน้ำหนักเบาราวกระดาษก็มี นั้นแสดงว่า ภายในบรรจุเอาไว้ด้วยไดรเวอร์ชนิดเลว ราคาถูก คุณภาพเสียงเห็ฯจะไม่ต้องพูดถึงกัน ลำโพงที่มีน้ำหนักมาก ๆ มักจะเป็นลำโพงที่ใช้อุปกรณ์จำพวกดรอสโอเวอร์ที่ดี ไดรเวอร์ที่คุณภาพสูง แม่เหล็กขนาดใหญ่จึงมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ลำโพงชั้นดีขนาดตู้เล็กจิ๋วบางคู่น้ำหนักข้างหนึ่งเป ็นสิบกิโลกรัมก็มีนะครับเอาเป็นว่าลำโพงที่ดี จะต้องมีน้ำหนักสมกับตัวมันด้วย อย่างน้อย ๆ เมื่อวางบนขาตั้งหรือพื้น จะแน่น…เป็นเสมือนฐานรากที่ดี, มั่นคง เสียงจะดีตามไปด้วย (ไม่ได้หมายความว่าลำโพงที่ดีจะต้องใส่ก้อนหินหนัก ๆ เอาไว้ 4-5 ก้อนในตู้ลำโพงนะครับ


แล้วลองประยุกต์มาใช้กับลำโพง P.A. ดูนะครับ


บันทึกการเข้า

รับงานะบบ LAN Wireless ติดตั้ง CCTV ดูผ่านระบบออนไลน์ Remote ทำให้ได้ทั่วประเทศ

soundcheckthai
member
*

คะแนน6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86

เหงื่อไม่ออกไม่มีทางได้ตังหรอกครับ


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2007, 12:13:31 pm »

ถึงแม้คุณจะมีลำโพงที่ดีขนาดใหน แต่ถ้า amp ของคุณคุณภาพไม่ดีก็แค่นั้นครับ แค่ amp ทำงานคนละคลาสเสียงก็ต่างกันมากแล้วครับ และยิ่ง หลอด,ทรานซิลเตอร์,มอสเฟท ทั้ง3ประเภทต่างให้เสียงแตกต่างกันมาก ถ้าฟังแนวคลาสสิค ampหลอด จะให้มิติและความหวานได้ดีกว่าampชนิดอื่นๆ แต่มีข้อเสียคือ ถ้าเป็นเพลงประเภทที่หนักๆเช่น แด็นร์ ร็อค เพลงพวกนี้จะฟังออกเฉื่อยๆ ถ้าคนที่เคยฟังแล้วคงจะเข้าใจครับ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ส่วนทรานซิลเตอร์,มอสเฟท จะให้เสียงที่กระชับ คม ฟังได้หลากหลายแนวเพลง
แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนชอบครับ ส่วนราคา ampหลอด จะมีราคาค่อนข้างสูง การเลือกก็แล้วแต่แนวเพลงที่จะฟังครับ อย่างของผม มีไว้2ชุด การตอบสนองความถี่ampทรานซิลเตอร์,มอสเฟท จะตอบสนองความถี่ได้ครบกว่าแบบหลอดครับ ส่วนลำโพงในปัจจุบันเรื่องน้ำหนักอาจจะไม่ได้บอกว่าลำโพงตัวนั้นจะดีหรือไม่ดี เดี๋ยวนี้มีลำโพงที่ใช้แม่เหล็กแบบใหม่ที่เรียกว่า  Neodymium  แม่เหล็กแบบนี้จะให้เส้นแรงแม่เหล็กเข้มกว่าแบบเดิมมากครับในวงการไฮเอนก็มีหลายเจ้าที่นำมาใช้ แม่เหล็กแบบนี้มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงให้ความเข้มของสนามแม่เหล็กได้เท่าเดิม มีน้ำหนักเบาลงหลายเท่าตัว ในวงการ PA ในปัจจุบันมีการนำมาใช้หลายปีแล้วครับ อย่างแต่ก่อน ลำโพง18 นิ้วดอกๆนึงหนัก20 กว่ากิโล ทุกวันนี้ไม่ถึง10กิโลแล้วครับ  อย่างสมัยก่อนเวลาเราออนทัวน์กันเราใช้รถ 6 ล้อ ขนเครื่องกัน 2 คัน เดี๋ยวนี้เหลือคันเดียว ขนย้ายสะดวกขึน เด็กโหลดมันก็ไม่ค่อยบ่น แต่ก่อน LOWใบนึงใส่18นิ้ว 1 ดอก หนัก 7-8 สิบกิโล เดี๋ยวนี้ตู้นึง2ดอก หนังแค่65 กิโลเองทำให้เราใช้ตู้น้อยลง คาดว่าในอนาคตคงจะมีวัสดุที่ใช้ทำตัวตู้ลำโพงที่มีน้ำหนักเบาออกมา คงจะทำให้ตู้มีน้ำหนังเบากว่านี้อีกครับ
บันทึกการเข้า

SOUND ONLINE ชุมชน Sound Engineer 
แหล่งรวมความรู้สำหรับคนทำงานระบบเสียงPA 
http://www.soundonline.pantown.com/
Nimit( Un )
member
*

คะแนน442
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3479


« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2007, 12:19:14 pm »

ขอบคุณมากครับพี่  ที่มาให้ความรู้เพิ่มเติม   นานๆ  จะเจอแบบนี้
    ยังไงกระทู้ไหนที่น้องๆ  สงสัย  รบกวนพี่ให้ความรู้เพิ่มเติมอีกนะครับ
                       ขอบคุณครับ   Smiley Smiley
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!