"พ่อค้าผ้าเงินหลวง" ที่ไปกลวงๆ อยู่อิตาลีนั่นน่ะ
กลับเหอะ
แต่ละทริป ไม่ผลาญเป็นสิบล้านเรอะนั่น
แล้วขายได้ซักผืนมั้ยล่ะ ไอ้ผ้าขะม้านั่นน่ะ!
ถ้านายกฯ ไปเป็น "เซลส์แมน" แล้วนักลงทุนหรือแบรนด์ดังๆ
ฝรั่งเศส-อิตาลี สนใจ มาลงทุนและสั่งซื้อผ้าขะม้าจริงตามราคาคุยละก็
ส่งออก "ไตรมาสแรก" มันจะติดลบเรอะ?
ไอ้การอ้างงานฉุยฉายบังหน้า
ขนกันไปกินหรู-อยู่สบายแถมได้แสงด้วย
งบหลวงในภาวะประเทศตูดกลวงขณะนี้ พอทีเถอะ
บริหารมา ๙ เดือน ตัวเลขทางเศรษฐกิจ "ติดลบ" ทุกตัว
ยอด "หนี้สาธารณะ-หนี้ครัวเรือน" ยังไม่นับรวม
"หนี้นอกระบบ-หนี้สหกรณ์"
นำทั้งหมดมารวมยอดแล้ว ขณะนี้ "หนี้เน่า"
ท่วมเงินงบประมาณแผ่นดินไปแล้วด้วยซ้ำ!
"สภาพเศรษฐกิจ" นับแต่ "รัฐบาลเศรษฐา" บริหาร
เป็นส้นเท้ากระทืบซ้อนสภาพความเป็นอยู่ชาวบ้าน
สาหัสในขั้นไหน นายกฯ ไม่รู้สึกหรอก
ก็ "แสนสิริ" ไตรมาสแรก ฟันไปแล้ว
หมื่นกว่าล้านนี่ จะรู้สึกได้ไง
ชาวบ้านนี่ซี ควานหาเหรียญสิบในกระเป๋าซักเหรียญ
เจอแต่นิ้วตัวเอง!
ข้าวปลาอาหาร "แพงทั้งแผ่นดิน" ระดับบน ยังสบาย
แต่ระดับล่างๆ เมื่อส่งออกติดลบ
ระบบผลิตก็สะดุด เงินก็หยุดหมุนเวียน
NPL จึงเพิ่มและพอกพูน
สถาบันการเงินก็ไม่ปล่อยกู้ ธุรกิจรายเล็ก-รายย่อย
ม่อยกระรอก แล้วชาวบ้านจะเอาเงินที่ไหน
ไปจับจ่ายเพื่อความอยู่รอดในแต่ละวัน
ค่าแรงขั้นต่ำ ๔๐๐ พ่นน้ำลายเลี้ยงเสียงแรงงานไว้ล่วงหน้า
แต่ไม่รู้จะขึ้นจริงชาติไหน ข้าวของขึ้นราคา
ตามน้ำลายรัฐบาลไปแล้ว
มันจะพังกันทั้งระบบ..รู้มั้ย
แต่รัฐบาลกลับบ้าอยู่แค่ ๒ เรื่อง
ควานเงินงบไปแจก กับตีโป่งข้าว ๑๐ ปี
หวังฟอกขาวยิ่งลักษณ์!
เรื่อง "ข้าว ๑๐ ปี" แต่เปิดโกดัง
กระสอบข้าว ยังกะอาบน้ำ-ประแป้ง
แล้วนวยนาดออกมาเรียงแถวไม่ต่าง
"นางงามตู้กระจก"
อยากจ้าง "เจ้าของโกดัง" ไปเรียงหินจัง
นอกจากมัมมี่ "ตุตันคาเมน"
ที่เก็บฝังเป็นพันปี
เปิดมายังคงสภาพแล้วละก็
รายที่สอง ที่คงสภาพได้เช่นนั้น
ก็ที่โกดังเก็บ "ข้าว ๑๐ ปี"
ที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้เท่านั้น
แต่เอออ...โกดัง "ข้าวตีโป่ง"
ท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ไม่ไปเปิดโชว์
แล้วเปิดประมูลส่งออกแอฟริกา
หรือให้พ่อค้าผสมข้าวถุงขายบ้างหรือ?
ข้อเคลือบแคลงด้านโปร่งใส นายกฯ
เคยคิดที่จะเคลียร์ให้มันใส
เป็นความเชื่อถือชาวบ้านบ้างมั้ย
ก็ไม่เลย กลับตรงกันข้าม.....
ตัวยังลอยชายอยู่โน่น กลับสัมภาษณ์จ๋อยๆ
"ข้าว ๑๐ ปี ตรวจแล้ว ไม่พบสารก่อมะเร็ง
ขายได้-กินได้"
เขารายงานว่า "ตรวจแล้ว"
แล้วนายกฯ "ตรวจสอบ" ข้อมูลเหล่านั้นให้แน่ชัดหรือยัง
ว่าไอ้ที่เขาบอกตรวจแล้ว "ไม่พบสารปนเปื้อน ยังกินได้" นั่นน่ะ
ที่แน่ชัด เป็นข้าวจาก "โกดังไหน-ล็อตไหน"
ที่ส่งให้ห้องปฏิบัติการเกษตรศาสตร์เขาตรวจ?
อย่าให้เหมือนกรณี ส่งประเด็นคุณสมบัติ
นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ให้กฤษฎีกาตีความล่ะ
มาตรา ๑๖๐ ข้อที่ขัดต่อการเป็นรัฐมนตรีมีตั้ง ๘ ข้อ
แต่เลือกเฉพาะ "ข้อที่ไม่ขัด" ส่งให้กฤษฎีกาตีความ!
จนได้เรื่อง ถูก สว.เข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อยู่รอมร่อ ยังไม่สำนึก
เรื่องข้าวนี่้เหมือนกัน......
การันตีโพล่งๆ เครดิตที่เหลือน้อยเต็มที
อาจทำให้ "ไม่เหลือเลย" ถึงขั้นติดลบก็เป็นได้
ฉะนั้น นายกฯ ควร "รีเช็ก" ให้แน่ใจก่อน
ว่าใช่ข้าวจากกระสอบ "ข้าว ๑๐ ปี"
มีหลักฐานยืนยัน หักล้างหลักฐานที่ "หมอวรงค์"
เขาแฉได้แน่ชัด แบบนั้นแล้ว ค่อยแอ็กชัน จึงจะสวย
ไม่ใช่ตัวเองลอยชายอยู่อิตาลี แล้วจะรู้อะไร
พอเขารายงาน ก็รีบพูดการันตี แม่นมั่น เป็นตุ-เป็นตะ
ให้ "หมอวรงค์" กับ "รัฐมนตรีภูมิธรรม"
ไปพิสูจน์กันถึงที่กองข้าวในโกดังนั้นเลย
ให้มันจะจะกันไปเลยว่า "ใครจริง-ใครเท็จ" อย่างนี้ดีมั้ย?
ประชาธิปไตยกินได้ มันก็ต้องตรวจสอบได้
ยุคนี้ควายเหลือน้อยแล้ว เห็นข่าว
ถูกฟ้าผ่าตายยกคอกแหม็บๆ ที่เหลือตอนนี้
เป็น "ควายพระอินทร์" รู้ความกันทั้งนั้น
ดังนั้น สิ่งที่พูด มันต้อง "มีที่อ้าง"
ประเภท "มีที่อ้าง" แต่ไม่ยอมให้ "พิสูจน์"
ยุคนี้-สมัยนี้ อาจมีคนยอม แต่ไม่มีคนเชื่อหรอก!
เรื่องการบ้าน-การเมืองนั้น เราเคยคุยไปตรงนี้
จำกันได้หรือไม่จำ ก็ช่างเหอะ
ที่ผมว่า ไม่เกินกลางกันยา.อาจเห็นงาน
"ทำบุญล้างป่าช้าประชาธิปไตย"
ไม่มีทหารลากปืนเล็ก-ปืนใหญ่มาทำรัฐประหารหรอก
แต่มันจะเป็นการปรับการเมือง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ในลักษณะ ยำเนื้อเต่าในกระดองเต่า!
เมื่อวันศุกร์ ผมมัวนอนเล่นที่โรงพยาบาลซะคืน-สองคืน
เปิดโทรทัศน์ดู เห็นข่าว ๔๐ สว.ยื่นเรื่องผ่านประธานวุฒิฯ
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๘๒
ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ ๑
และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ ๒
สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐
วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) (๕) หรือไม่?
เพราะทั้งสองมีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ว่าด้วยขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ก็เรื่องที่นายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน
ที่เรียกกันว่า "ทนายถุงขนม" เป็นรัฐมนตรีนั่นแหละ
ก็พูดกันขรมด้วยประจักษ์ว่า
นายพิชิตขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี
แต่นายเศรษฐา รู้ทั้งรู้ ก็ยังตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
นัยว่าเพราะนายกฯ ตัวจริงเขาให้ตั้ง
ตัวเองก็เลยต้องนอนสะอึก
ขายผ้าขะม้าไม่ออกอยู่อิตาลีตอนนี้ไง
เห็นว่า ๒๓ พ.ค.นี้.......
ในวาระประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
อาจมีเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาว่า
จะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่รับ?
ถ้ารับ ด้วยมีเหตุอันควรสงสัย
ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีพิชิต อาจถูกสั่งให้
"หยุดปฏิบัติหน้าที่" จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัย
หรือรับไว้วินิจฉัย โดยไม่มีคำส่งให้
หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นได้ทั้งสองกรณี
เรื่องนี้ ผมคุยไปแล้ว หน่ายที่จะคุยซ้ำซาก
ถ้าสนใจ พิมพ์คำว่า "รัฐมนตรีถุงขนม" แล้วกดอ่าน มี ๓ วัน ๓ ตอน
ประเด็นข้อกฎหมายในคำร้องที่ ๔๐ สว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็ตามนั้น
ผมถึงว่า ให้นายกฯ เศรษฐากลับมาเหอะ
เที่ยวก็ไม่สนุก เพราะใจมันทุกข์ซะแล้ว
แต่ยังไม่ต้องช็อก กรณีท่าน จะถึงขั้น
"สมาชิกภาพสิ้นสุดลง" ต้องพ้นจาก
ตำแหน่งนายกฯ หรือไม่นั้น
ผมว่า ๖๐/๔๐ ยังมีลุ้นหรอก!
ต่างกับผู้ถูกร้องที่ ๒ คือนายพิชิต ต้องบอกว่า
"อาการน่าเป็นห่วง" หมอบอกให้ญาติๆ ทำใจ
นี่เพิ่้งเริ่มต้น "บทแห่งการล้าง"
โดยไม่ล้มระบบ ฉะนั้น การเมือง
ยังอีกยาวและเรื้อรังไปจนถึงปีหน้า
กว่าจะลงตัวสมูธๆ!
วันนี้ ๒๐ พฤษภา.เปิดรับสมัคร สว.วันแรก
อยากเป็น สว.จะไปสมัครกะเขามั่ง
แต่คุณสมบัติมีไม่ถึง เลยเป็นข้าวเหนียวนึ่ง
น้ำขึ้นไม่ถึง แห้งแหงแก๋
ได้ข่าว "หมอเหรียญทอง" บอกจะไปสมัคร
ผมสนับสนุนเต็มที่ เพราะสังคมบ้านเมืองขณะนี้
เหรียญอะไรๆ ก็ไม่มีค่าทางสังคมจริงเท่ากับ
"เหรียญทอง"!
-เปลว สีเงิน
https://www.thaipost.net/columnist-people/589513/
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗