CEOบ.โตโยต้าไม่สนรถEV แต่ซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานแอมโมเนีย
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 21, 2024, 05:22:26 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: CEOบ.โตโยต้าไม่สนรถEV แต่ซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานแอมโมเนีย  (อ่าน 352 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2024, 06:50:52 pm »

https://www.thaimotocar.com/2024/03/16/ammonia-powered-motor/
CEOบ.โตโยต้าไม่สนรถEV แต่ซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานแอมโมเนีย
#CEO  #โตโยต้า  #รถEV  #เครื่องยนต์   #พลังงานแอมโมเนีย
---------

ตามข้อมูลของ GAC ได้ระบุสเปคว่าใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ผลิตกำลังได้ 120 กิโลวัตต์ และมีกำลังสูงสุด 161 แรงม้า โดยใช้แอมโมเนียในการเผาไหม้ มันช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปกติ

เชื้อเพลิงแอมโมเนียมเหลวจะสามารถให้พลังงานกับเครื่องยนต์ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ในปริมาณการใช้งานที่เท่าๆกัน ทว่าในทางกลับกันด้วยการปลดปล่อยคาร์บอนสู่สภาพแวดล้อมที่น้อยกว่า จึงทำให้มันอาจกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ..

สำหรับผู้ผลิตที่ยังอยากให้ขุมกำลังชนิดนี้ได้เดินต่อไปในภายภาคหน้าอย่างเช่น Toyota แต่นอกจากความหนาแน่นเชิงพลังงานจะต่ำกว่าแล้ว เชื้อเพลิงแอมโมเนียมเหลว ยังมีข้อด้อย หรือที่จริงคือความเสี่ยง เนื่องจากความเป็นพิษของตัวมันเองที่มีต่อมนุษย์อยู่ไม่น้อย จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย..
 ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่ในช่วงแรกของโปรเจ็กท์การพัฒนาเชื้อเพลิงชนิดนี้ จะต้องถูกจัดการในเรื่องการรั่วไหลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ ด้วยความที่มันเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนค่อนข้างสูง จึงทำให้มันอาจจุดระเบิดได้ยาก หากเครื่องยนต์ไม่มีการอัดอากาศเข้ามาสู่ห้องเผาไหม้มากพอ หรือมีอัตราส่วนกำลังอัดไม่มากพอ..

ทั้งนี้ ทาง GAC และ Toyota ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า พวกเขาจะนำเครื่องยนต์แบบใหม่นี้ มาใส่ในรถยนต์สำหรับการใช้งานทั่วไปในอนาคตหรือไม่ ? เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ตอนนี้มันอาจเป็นโปรเจ็กท์ที่อยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น จึงทำให้อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อไปอีกสักพักใหญ่ จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้จริง และปลอดภัยกับผู้ใช้ทั่วไปจริงๆ

แต่ถึงกระนั้น ผลงานการพัฒนาของ GAC Toyota ในครั้งนี้ก็ถือเป็นความพยายามในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์นอกเหนือจากการหันไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) เพียงอย่างเดียว.
 


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!