เหตุ “พระธาตุเสด็จไทย” – เปลว สีเงิน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 26, 2024, 11:38:17 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุ “พระธาตุเสด็จไทย” – เปลว สีเงิน  (อ่าน 635 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2024, 01:28:09 pm »

หมดแล้ว….บ้านนี้-เมืองนี้!
ลองขนาดนายกรัฐมนตรี ยังต้องบินไปกราบนักโทษ
รัฐมนตรี ปลัด-อธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผบ.ตร.
ต่างทิ้งงานราชการ ไปยืนตะเบ๊ะ
“เสนอหน้า-รายงานตัว” ต่อนักโทษ ในขณะที่
“นักโทษ” วางตนประหนึ่ง “ผู้มากบารมี”
เหนือประเทศตรวจราชการ

กระทั่งพระสงฆ์-องคเจ้า ก็เป็นไปกับเขาด้วย
ออกอาการ “ประจบนักโทษ” จนไม่เหลือ “สมณสารูป”

แล้วบ้านนี้-เมืองนี้ ยังจะหวังยึดถือบุคคลกลุ่มไหน
ว่ามีเกียรติ มีวุฒิภาวะ สมเป็นผู้ใหญ่
ให้เคารพ ยึดถือได้บ้างล่ะ?

ในเมื่อตั้งแต่หัวแถว คือนายกฯ ผู้นำประเทศ
ยันปลายแถว คือไพร่ทาสแดง
พากันบูชา “โจร” ดุจเทพเจ้า!

ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ…บ้านเมืองนี้
แต่อย่าไปว่าอะไรระดับชาวบ้านเขาเลย
ในเมื่อ รัฐบาล-ข้าราชการผู้ใหญ่ เป็นตัวนำ
 ฉุดสังคมชาติบ้านเมืองให้ตกต่ำ
ด้วย “ระยำคิด-ระยำทำ” นำหน้าเสียเองเช่นนี้!

“ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ”
หลวงพ่อ “พุทธทาส ภิกขุ” ท่านพูดไว้ไม่ผิด!

เมื่อสังคมบริหารมืดบอดตั้งแต่หัวแถวยันหางแถว
แยกแยะอะไรกันไม่ได้ ตกต่ำถึงขั้น “บูชาโจร”
เห็นการ “โกงบ้าน-กินเมือง”
เป็นเรื่องยอมรับได้
โกงแล้วไพร่ทาสเป็นสุข ก็ไม่เห็นเป็นไร

คิดกันอย่างนี้ ถ้าปล่อยกันไปอย่างนี้
“วินาศ” แน่!
------------------------------------
เข้าสู่เรื่อง “มงคลสูงสุด” ป้องกันภยันตรายให้บ้านเมืองกันดีกว่า
ขอสาธุชน ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ พึงสดับ
“พระบรมสารีริกธาตุ” และ
“พระอรหันตธาตุ”
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ

ที่อัญเชิญจากสนามหลวง ไปประดิษฐาน ณ
 “วัดมหาวนาราม” จังหวัดอุบลราชธานี
ระหว่าง ๑๐-๑๓ มีนาคม นั้น
มีพุทธศาสนิกชนไปกราบสักการะกัน
รวมแล้วมากถึง ๘๐๕,๕๗๖ คน

และขณะนี้……
ได้อัญเชิญจากอุบลฯ ไปประดิษฐาน
ณ “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” จังหวัดกระบี่แล้ว

เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
เนื่องในโอกาสมหามงคล
“เฉลิมพระชนมพรรษา”
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗

เปิดให้เข้าสักการะแล้ว ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๘ มีนาคม

เป็นบุญวาสนาของพี่น้องชาวใต้
ขอเชิญแต่งกายด้วยชุดขาวไปกราบสักการะกันนะครับ

มีประเด็นควรทราบเกี่ยวกับการเสด็จฯ มาของ
“พระบรมสารีริกธาตุ” และ “พระอรหันตธาตุ” อยู่มาก
พอดี คน “รักใคร่-นับถือ” ไลน์มาให้อ่าน
และผมก็เชื่อว่าท่านคงอยากทราบเหมือนผม
จะยกมาให้อ่านกัน ดังนี้
…………………………….

#หลายท่านสงสัยว่า
“ทำไมต้องอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
มาประดิษฐานที่อุบลราชธานี?
และ “ทำไมเลือกส่งเสด็จฯ กลับอินเดียที่กระบี่”?

ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล มีที่มา และเชื่อมโยงกัน

แอดมีโอกาสได้เข้าสัมภาษณ์
 “คุณสุภชัย วีระภุชงค์” เลขาธิการ
 “สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐” ประเทศอินเดีย
ก่อนงานสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
ที่อุบลราชธานีจะจบลง เมื่อคืนวานนี้

คำถาม : ทำไมจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
และพระอรหันตธาตุของ
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
มาที่อุบลราชธานี?

ได้รับคำตอบที่เป็นเหตุผลหลายประการ
ที่มีความงดงามเหลือเกิน
และแอดเรียบเรียงได้ดังนี้

“อุบลราชธานี” เป็นดินแดนมงคล
เพราะเป็นดินแดนแสงแรกในสยาม
ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม

การได้เห็นแสงอาทิตย์ในแต่ละวัน
ถือเป็นมงคลชีวิต บ่งบอกว่าเรายังมีชีวิตอยู่
เพื่อเรียนรู้และปฏิบัติธรรม

อุบลราชธานี เป็นแหล่งกำเนิดพระอริยสงฆ์มากมาย
จึงเป็นแผ่นดินแห่งธรรมโดยแท้

เป็นจังหวัดเดียว ที่มีชื่อลงท้ายว่า “ราชธานี”
และเมื่อรวมกับคำว่า “อุบล” เป็น “อุบลราชธานี”
แปลว่า เมืองแห่งดอกบัว ซึ่งดอกบัวเป็นดอกไม้
ที่ปรากฏในการ “ประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน”

และพระพุทธองค์ เคยใช้ดอกบัวเปรียบมนุษย์ ๔ ระดับ
หรือที่เรารู้จักกันดีจากคำสอนเรื่อง “ดอกบัวสี่เหล่า”

นอกจากนี้ โครงการที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประเทศไทยคราวนี้
ได้ตกลงกับอินเดียใช้ชื่อว่า “ธรรมายาตรา จากมหานทีคงคา สู่แม่น้ำโขง”

“อุบลราชธานี” จึงถูกเลือกด้วยมีแม่น้ำโขง
และมีจุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำ ๒ สาย
โดยมีแม่น้ำโขงบรรจบกับแม่น้ำมูล (แม่น้ำ ๒ สี)

เสมือนว่า “มหานทีคงคา” ได้บรรจบกับแม่น้ำโขง อย่างงดงาม

#กระบี่ ถูกเลือกเป็นพื้นที่ส่งเสด็จฯ ครั้งประวัติศาสตร์

การที่คนไทยมีโอกาสได้กราบสักการะ
พระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ เหตุผลหนึ่งคือ
ปีนี้ เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ๗๒ พรรษา

ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า อินเดียได้รับพระอรหันตธาตุ
ที่อัญเชิญมาในครั้งนี้คืนจาก
“พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียอัลเบิร์ต”
ในปี ๑๙๔๘

ได้บรรจุเอาไว้ในวิหาร ในปี ๑๙๕๒
ไม่เคยเสด็จออกนอกประเทศเลย
เป็นระยะเวลา ๗๒ ปี

และเสด็จมาที่ไทยเพราะ “ธรรมราชา”
ผู้เป็นจอมทัพแห่งธรรมเป็นที่แรกในโลก
ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ที่ตัวเลขทั้ง ๒ ตรงกัน

จุดเชื่อมโยงระหว่าง
“กระบี่” กับ “อุบลราชธานี” คือ
“อุบลราชธานี” เป็นจังหวัด “แสงแรก”
ส่วน “กระบี่” เป็น “จังหวัดแรก”
ของประเทศ
หากเรียงตามตัวอักษร

“กระบี่” เป็นจังหวัดที่พบช้างเผือกประจำรัชกาลที่ ๙

นอกจากนี้ “มูลนิธิวีระภุชงค์” ได้ร่วมกับ
“มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”
ได้ทำการศึกษาเรื่อง “ความเชื่อพญานาค ๕ แผ่นดิน”

ได้แก่ “ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม”
พบว่าความเชื่อด้านพญานาคที่มีทางกายภาพ
เกิดขึ้นครั้งแรก ที่กระบี่ คือ “เขาหงอนนาค”
ที่ประดิษฐาน “ปู่ภุชงค์นาคราช”
นาคาธิบดี ลำดับที่ ๓ ที่ปกปักษ์รักษาทะเลใต้

โดยเฉพาะทะเลอันดามัน ที่กระบี่
ที่เป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต

โดยหลักฐานปรากฏเป็น “ลูกปัดคลองท่อม”
ที่ส่งไปขายยังเปอร์เซีย

“กระบี่” จึงเป็นสถานที่สำคัญ
ที่ผู้สัญจรทางทะเลมาไทย
ต้องผ่านมา

เช่นเดียวกับ “พระเจ้าอโศกมหาราช”
ที่ทรงออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วโลก

วัดที่เป็นสถานที่ส่งเสด็จฯ พระบรมสารีริกธาตุ
และพระอรหันตธาตุกลับอินเดีย คือ
“วัดมหาธาตุวชิรมงคล”
ซึ่งเป็นชื่อที่เป็นมงคลยิ่ง

ปรากฏพระนาม “วชิระ” ซึ่งเป็นพระนามของ
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
เป็นมงคลอย่างยิ่ง
เพราะการอัญเชิญมา ก็เนื่องในโอกาส
“เฉลิมพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา” ด้วย

ด้วยเหตุนี้…….
“กระบี่” จึงถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ส่งเสด็จ
ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗

โดยปกติแล้ว การเปิดให้สักการะพระอรหันตธาตุ
ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
อินเดียจะเปิดให้สักการะปีละ ๑ วัน เท่านั้น

แต่คนไทยโชคดีมาก ที่ได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ
และพระอรหันตธาตุ ถึง ๒๖ วัน ด้วยกันใน ๑ ปี

ไม่รู้อีกกี่ร้อยปี จะมีโอกาสแบบนี้อีก
และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า
“พระบรมสารีริกธาตุ” และ “พระอรหันตธาตุ”
อัครสาวก

เป็นเหมือน “กระดูกมนุษย์” ทั่วไป
สื่อให้เห็นว่า พระองค์เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ที่เหมือนกับเรา

แต่สามารถค้นพบทางดับทุกข์สู่พระนิพพาน
แล้วทรงได้พระราชทานแนวทางแห่งการดับทุกข์
ไว้ให้เราชาวพุทธทุกคนแล้ว

โอกาสมหามงคลนี้ จึงเป็นโอกาสดี
ที่ชาวพุทธของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน
จะได้กล่อมเกลาจิตใจ ยกระดับจิต
ใช้ชีวิตแบบรู้ลมหายใจเข้า-ออก ตามรอยพระพุทธองค์

#ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ใกล้ชิดพระพุทธองค์

แอดมิน ยื้อยุด ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ที่ได้ร่วมบุญครั้งสำคัญนี้ และขอประกาศธรรมนี้
สู่ชาวพุทธทุกผู้นาม
เรียบเรียงจากเทปสัมภาษณ์ :
คุณสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ
 “สถาบันโพธิคยาวิชาลัย ๙๘๐”

๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา๐๐.๐๔ น.

………………………..

ขอแถมท้ายนิด ๑๖-๑๗ มีนา.คือวันนี้-พรุ่งนี้

ไปทอดผ้าป่ามหากุศล ทำบุญตักบาตร
ฟังธรรมเทศนากับพระครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กันนะครับ
ที่ชั้น ๑๒ อาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลราชวิถี

เพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
และซื้อเครื่องมือแพทย์ เย็น ๑๖ มีนา.เจริญพระพุทธมนต์
เช้า ๑๗ มีนา.ตักบาตรอาหารแห้ง ทอดผ้าป่า

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม วัดป่าบ้านตาด ประธานฝ่ายสงฆ์

พระอาจารย์สุชิน ปริปุณโณ ระยอง,
พระอาจารย์ไพรินทร์ สิริวัฑฒโน นนทบุรี,
พระอาจารย์สัมฤทธิ์ ฐิตสิทธิ จังหวัดตาก
รองประธานฝ่ายสงฆ์

พลเอก หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ประธานฝ่ายฆราวาส

ร่วมทำบุญ โอนเข้าบัญชีกระแสรายวัน ธ.ไทยพาณิชย์
สาขา รพ.ราชวิถี เลขที่บัญชี ๐๕๑-๓-๐๑๘๐๖-๓
วัตถุประสงค์ “ผ้าป่ามหากุศล”

ไม่จำเป็นว่าไปแล้วต้องบริจาค
เงิน คือการเกื้อกูล บุญกุศลนั่นอยู่ที่ใจ
เมื่อหน่อเนื้อพระพุทธองค์
ผู้เป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ
มารวมกันถึง ๔ รูป เช่นนี้

ยิ่งบ้านเมืองในภาวะอย่างนี้ด้วยแล้ว
การได้กราบไหว้-ฟังธรรมจากพระครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน
เป็น “มงคลจักรวาล” กับชาติบ้านเมืองและตัวเองยิ่งนัก


ทุกอย่างในโลกนี้เรา “หยุด” มันได้ครับ

ถ้าใจเรา “หยุด” ด้านชั่ว”!

เปลว สีเงิน
๑๖ มีนาคม ๒๕๖๗


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!