https://www.pohchae.com/2023/11/26/stable-diffusionStable Diffusion มาแล้ว! แจกให้คุณใช้วาดอะไรก็ได้ฟรีอย่างไม่มีข้อจำกัดจริงๆ
#Stable #Diffusion #วาด #ฟรี #ไม่มีข้อจำกัด
----
ต้นเดือนสิงหาคม 2022 ทั่วโลกต่างตื่นเต้นกับ AI วาดรูป Mid Journey และทำให้คนจำนวนมากเข้าใจไปว่า AI วาดภาพเท่ากับ Mid Journey (โดยเฉพาะคนที่เสียเงินค่าสมาชิกรายเดือนให้กับทาง Mid Journey ไปแล้ว) แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น..
เพราะนับตั้งแต่ต้นปี 2022 AI วาดภาพที่เปิดตัวมาไม่ใช่มีแค่ Mid Journey แต่มันยังมีอีกมากมายและตัวที่ไวรัลไปตอนต้นปีคือตัว Dall-E 2 ของทาง OpenAI ขณะที่ Google และ Facebook (Meta) ก็ล้วนเปิดตัว AI วาดภาพกันแบบไม่ยอมน้อยหน้า ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นี้ เพราะจริงๆ AI วาดรูปที่อยู่ในท้องตลาดมันมีอีกเพียบ ก่อนชาวโลกจะรู้จัก Mid Journey ด้วยซ้ำ..
อย่างไรก็ดี AI เหล่านี้ก็มีความคล้ายคลึงกัน คือมันเปิดตัวแพลตฟอร์มเพื่อให้คนเสียเงินเข้าไปใช้ หรือไม่ก็เปิดระบบเชิญคนแบบจำกัด และทำให้ Mid Journey ประสบความสำเร็จเพราะมันให้คนเข้าไป ทดลองใช้ฟรี แบบไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตอะไร และตัวมันก็มีคุณภาพพอที่จะทำให้คนอึ้ง ซึ่งพอคนยอม เสียเงิน เข้าไปใช้ แล้วสร้างภาพมาโชว์บน Twitter และ Facebook คนก็เริ่มอึ้งว่า AI มันทำภาพได้ขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งถ้าพูดถึงการพยายามท้าทายจารีต มันก็มีคนใช้ Mid Journey วาดภาพแล้วส่งไปประกวดงานศิลปะจน ชนะมนุษย์ และได้รางวัลด้วยซ้ำ
แต่ทำไมหลายคนจึงมองว่า Stable Diffusion ของทาง Stability ซึ่งเป็น AI ที่เปิดตัวทีหลังถึงจะเป็นการปฏิวัติวงการ?
อธิบายแบบสั้นๆ ก็คือ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2022 ที่ Stable Diffusion เปิดตัวนั้นมันไม่ได้เปิดตัวแค่แพลตฟอร์ม AI วาดภาพแบบเดียวกับที่ Dall-E 2 และ Mid Journey เปิดก่อนหน้า แต่ความพิเศษของ Stable Diffusion คือมันเป็น AI วาดภาพเจ้าแรกที่แจกโค้ด AI ให้คนเอาไปรันเองบนคอมพิวเตอร์ฟรีๆ ตามสปิริตแบบ Open Source หรือพูดอีกแบบ คือไม่ใช่แต่เอาโค้ดไปรันได้ฟรี แต่จะเอาไปพัฒนาต่อก็ได้!
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีการแจก AI วาดภาพฟรีๆ ให้คนที่คอมพิวเตอร์สเปคสูงพอเอาไปใช้เล่นๆ ได้แต่มันก็นำมาซึ่ง ความหวาดกลัว ความหวาดกลัวที่ว่านี้ไม่ได้มาจากการที่ AI วาดภาพเจ้าอื่นๆ ที่ยังคิดเงินค่าบริการ และไม่ได้มาจากพวก ศิลปิน ที่กลัว AI จะมา แย่งงาน แต่มันมาจากทุกภาคส่วน!
ถ้าใครเคยเล่น AI วาดภาพ แล้วอยาก ลองของ ก็จะเข้าใจว่า AI พวกนี้สามารถบล็อคการวาดภาพบางแบบเอาไว้ เช่นภาพโป๊เปลือย ภาพรุนแรง ไปจนถึงภาพที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง ดังที่เราจะเห็นว่า ไม่มีใครใช้ Mid Journey หรือกระทั่ง Dall-E วาด รูปโป๊ ได้ เพราะทางแพลตฟอร์มมั้นบล็อคเอาไว้ไม่ให้วาด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหลังจาก Stable Diffusion แจกโค้ดฟรี แล้วคนที่เอาโค้ดฟรีไปใช้ จะวาดภาพพวกนี้ก็ได้ ไม่มีใครห้าม และทาง Stable Diffusion ก็ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะ Stable Diffusion ถือว่าเขาพัฒนาแค่เทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการทำผิดกฎหมาย เขามีคำเตือนเรียบร้อยแล้ว คนจะเอาไปทำผิด มันไม่ควรจะเป็นความรับผิดชอบของคนที่คิดค้น AI
นั่นทำให้บางคนมองว่าการกระทำนี้คือการออกตัวแบบไร้ความรับผิดชอบ แต่ในความเป็นจริงนี่เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่คนที่พัฒนา โปรแกรมพื้นฐาน จะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆกับการที่คนเอาสิ่งเหล่านี้ไปทำผิดกฎหมายหรืออันตรายใดๆ
เพราะนักพัฒนาโปรแกรมมองว่า ถ้าคุณผลิตมีดมาให้คนหั่นผัก แต่คนจะซื้อมีดนั้นไปแทงคน คนที่ผลิตมีดก็ไม่ควรต้องรับผิดชอบใดๆ และในอีกด้าน มันก็ไม่มีคนที่บ้าพอจะเรียกร้องให้แบนมีดซะ เพราะนั่นจะทำให้ชีวิตคนจำนวนมากที่ต้องดำรงชีพด้วยการหันผักหั่นเนื้อเพื่อทำกับข้าววุ่นวายมาก
พูดง่ายๆ คนก็ยังมองว่าการเปิดเสรีโค้ด AI วาดภาพของ Stable Diffusion แม้จะมีโทษ มันก็ยังมีประโยชน์มหาศาล และไม่ว่าจะเป็นอย่างไร มนุษย์โลกก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในโลกยุคที่ใครก็สามารถใช้งาน AI วาดรูปอะไรก็ได้อย่างไม่จำกัด
และนั่นอาจหมายความถึงการที่มีคนเอา AI มาวาดภาพโป๊ หรือภาพโป๊เด็ก มีคนเอา AI มาวาดภาพหยามเหยียดผู้นำทางการเมืองและผู้นำศาสนา มีคนเอา AI มาวาดภาพสร้างสถานการเหมือนจริงมาหลอกให้คนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และนั่นยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นว่าจะมีคนเอาภาพมาวาดแบบที่มีความหมิ่นเหม่ด้าน ทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาอีกในอนาคต
แต่ Stable Diffusion ก็มองว่ามันคุ้มค่าที่จะเปิดสังคมไปสู่ยุคใหม่ที่ใครก็ตามจะใช้ AI ทำอะไรก็ได้ตามจินตนาการ และทางบริษัท Stability AI ที่แจก Stable Diffusion เขาก็พูดด้วยซ้ำว่า เขาจินตนาการถึงโลกแบบไซไฟที่คนสั่งให้ AI สร้างภาพมาตอบสนองจินตนาการตัวอย่างได้อย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ หรือพูดง่ายๆ เขามองว่าถ้าคนมีเสรีภาพในการคิดอย่างสมบูรณ์แล้ว AI ที่ไปตอบสนองเสรีภาพนั้นก็ไม่ควรจะถูกมองว่าผิดบาปอะไร
แน่นอน ถ้าเถียงกันในทางศีลธรรม มันคงจะเถียงกันได้ยาวๆ แบบจัดสัมมนาได้ 5 วัน 5 คืน แต่ความเป็นจริงก็คือ กล่องแพนโดร่า ได้เปิดออกแล้ว เทคโนโลยีการสังเคราะห์ภาพเสมือนจริงได้เป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาลหรือกลุ่มคนใดในโลกแล้ว และมันก็คงจะนำมาสู่ภาวะที่เกินจินตนาการของคนยุคปัจจุบัน
ต่อจากนี้ไป เราก็ควรจะระวังมากขึ้นว่าสิ่งที่เรา เห็น ในอินเทอร์เน็ต มันอาจไม่ใช่แค่การ แต่งเรื่องเท็จประกอบภาพจริง แบบยุคก่อนแล้ว แต่ยุคต่อไป เรื่องที่เราอ่านนั้นไม่ใช่แค่ ไม่จริง แต่ ภาพที่เห็นอาจจะ ไม่จริง และรวมไปถึงสิ่งที่เราคิดว่าเป็นมนุษย์ที่เราคุยอยู่ด้วยก็อาจไม่มีจริง เพราะเป็นแค่แชตบอทก็ได้
และจงดีใจเถิดที่เรามีชีวิตอยู่ในยุคที่ ความจริง ถูกท้าทายขนาดนี้
เพราะข้อถกเถียงมันเลยจากปัญหาว่า ศิลปินจะตกงานหรือไม่? ที่คนเถียงกันเดือนก่อนไปไกลแล้ว แต่คำถามคือเราจะอยู่อย่างไรในภาวะที่เราไม่สามารถ เชื่อในสิ่งที่เห็น ได้อย่างสิ้นเชิง.