จริง+เท็จ ไม่ทราบ ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ฟังหูไว้หู แล้วกาน มาจากไลน์
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 12:06:28 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จริง+เท็จ ไม่ทราบ ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ฟังหูไว้หู แล้วกาน มาจากไลน์  (อ่าน 1695 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 25, 2023, 09:03:18 am »

George Manont Sr. & Nantiwat Samart
"A BIG Twist in Thai Silk History"
.
- เมื่อวาน ผมได้ Share ข้อความเกี่ยวกับ นายจิ๋ม
  วันนี้ ข้อความที่ผมแชร์มา ได้หายไป
- วันนี้ ผมหามาอีก จากคนเล่าโดยตรง
- ขอบคุณ คุณ กรยุทธ ตะพาบน้ำ ที่เปิดหน้า ราชาใหมไทย
- หากคุณเชื่อใน กรรมเวร นี่อาจจะเป็น เหตุผล
  ที่นายจิ๋ม หายตัวไป ในป่ามาเลย์เซีย

.
Jim Thompson was regarded as King of Thai Silk !!!
.
Read the following article, and you MAY change your believe !!!
.
... and the mystery of his VANISHING in Malaysia forest could be resolved... by the below article...
.
Wiseman said, "Every coin has 2 sides"

 ประวัติศาสตร์ฮาร์ดคอร์   กรยุทธ ตะพาบน้ำ

ตัดเศียรพระอายุพันปีขายจิมทอมป์สัน เมื่อ 60 ปีที่แล้ว
รูปจิม ทอมป์สัน" ในห้องทำงาน ถ่ายเมื่อต้นปี ค.ศ. 1967 เพียง 2-3 เดือน
ก่อนหน้าที่เขาจะหายสาบสูญไปอย่างลึกลับในลาว
ในรูปถ่ายปรากฏเศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่ตัดจากถ้ำเขาถมอรัตน์

ศรีเทพ...เมืองที่คนไทยต้องรู้จัก...
(อธิบายรูป รูปจำหลักอารยะธรรมทวารวดีอายุกว่าพันปี
ทั้งหมด 11 รูป ถูกทำลายจนหมดสิ้น
โดยฝีมือนาย จิม ทอมป์สัน ราชาไหมไทยผู้โด่งดัง)

นายสมศักดิ์ ฤทธิ์ภักดี ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
เล่าว่า “เศียรและหัตถ์ของพระพุทธรูปสลักบางส่วนได้ถูกสกัดทำลาย
นำไปขายในราว พ.ศ. 2505 ซึ่งเศียรและหัตถ์ทั้งหมดได้ตก
ไปอยู่ในความครอบครองของนาย เจมส์ ทอมสัน
ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาไหมไทย
ต่อมากรมศิลปากรติดตามจนได้คืนของทั้งหมด
ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”

เขาถมอรัตน์เป็นภูเขาขนาดใหญ่บนที่ราบ
ห่างจากเมืองโบราณศรีเทพไปทางทิศตะวันตกประมาณ 15 กิโลเมตร
ภายในถ้ำบนเขาแห่งนี้มีภาพสลักนูนต่ำบนผนังถ้ำ
เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนามหายาน เป็นภาพพระพุทธรูป
ยืนปางแสดงธรรมบนฐานดอกบัว พระโพธิสัตว์สี่กร สถูป และธรรมจักร
ลักษณะของศิลปะทวารวดีกำหนดอายุสมัยราวพุทธศตวรรษที่ 14

 ความพินาศย่อยยับเกิดขึ้นกับแหล่งศิลปกรรมล้ำค่ามหาศาล
ที่เมืองศรีเทพ ในถ้ำเขาถมอรัตน์ อ. ศรีเทพ จ. เพชรบูรณ์
เป็นความสูญเสียมรดกวัฒนธรรมครั้งใหญ่หลวง (อีกครั้งหนึ่ง)
ของท้องถิ่น, ของสัมคมไทย, และของภูมิภาคอุษาคเนย์

แต่ถูกลืมแล้ว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกนานแล้ว

ตัดเศียรพระ ขายจิมทอมสัน

เมื่อ พ.ศ. 2503 คนร้ายจำนวนหนึ่งปีนป่ายขึ้นเขาถมอรัตน์
ไปทำลายศิลปกรรม โดยตัดเศียร
และสกัดพักตร์พระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์

แล้วลักลอบขนทั้งหมดพร้อมชิ้นส่วนอื่นๆ
ที่หักพังเหล่านั้น ลงจากภูเขาไปขายฝรั่ง
นักสะสมและค้าของเก่าในกรุงเทพฯ

ต่อมา พ.ศ. 2505 กรมศิลปากรตรวจสอบรู้เรื่อง
การทำลายศิลปกรรมล้ำค่านั้น
แล้วสืบจนรู้ว่าเก็บไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ
จึงแจ้งความตำรวจ ทั้งในท้องที่ จ. เพชรบูรณ์ และในกรุงเทพฯ

แล้วติดตามทวงถามและกดดันผู้ครอบครองโบราณวัตถุ
จนได้คืนเกือบหมดโดยผู้ครอบครองแอบส่งคืนไม่บอกใคร
เอาไปวางไว้บริเวณหน้าประตูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ใกล้สนามหลวง

[เคยจัดแสดงไว้ในห้องทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างปิดซ่อมแซม]

ศิลปกรรมพันปี พินาศย่อยยับ

พระพุทธรูปกับพระโพธิสัตว์ (ที่ถูกทำลาย) มีอายุเก่าแก่มากกว่าพันปีแล้ว
ซึ่งเป็นภาพสลักที่ผนังถ้ำอย่างวิจิตรพิสดาร
ฝีมือช่างแบบทวารวดีเมื่อหลัง พ.ศ. 1000

ศิลปกรรมเก่าแก่เหล่านี้นอกจากฝีมือช่างงดงามล้ำลึกแล้ว
ยังเป็นหลักฐานสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี
สมัยต้นๆ ของไทย และของสุวรรณภูมิในภูมิภาคอุษาคเนย์

ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ บนเขาถมอรัตน์ เมืองศรีเทพ จ. เพชรบูรณ์

1. แลนด์มาร์กศักดิ์สิทธิ์ เขาถมอรัตน์ เห็นไกลๆ (จากทางทิศใต้)
รูปสามเหลี่ยม ยอดแหลม คล้ายปิระมิดสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ของชุมชนสมัยแรกเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
(ถ้ามองจากทิศทางอื่นจะเห็นเป็นรูปอื่นไม่เหมือนปิระมิด)

เป็นภูเขาหินปูนตั้งโดดๆ อยู่กลางทุ่งนาโล่งๆ
ลักษณะแตกต่างจากบรรดาภูเขาลูกอื่นๆ
บริเวณนั้นในหุบเขาเพชรบูรณ์

2. เฮี้ยน บนเขาถมอรัตน์มีถ้ำที่คนแต่ก่อนเชื่อว่าเฮี้ยน
เพราะเป็นที่สิงสู่ของผีบรรพชน จึงเป็นที่ยำเกรงของคนนับถือศาสนาผี
โดยมีหมอมดหมอขวัญ (เพศหญิง) ทำพิธีกรรมสื่อสาร
กับผีบรรพชนหลายพันปีมาแล้ว ก่อนติดต่ออินเดีย

3. ฤๅษี หลังติดต่อรับอารยธรรมอินเดีย มีคนพื้นเมือง (เพศชาย)
บำเพ็ญตนเป็นกึ่งนักบวช เรียกฤๅษีหรือดาบส
ทำพิธีกรรมในถ้ำเขาถมอรัตน์ตามความเชื่อดั้งเดิมผสมกับความเชื่อที่รับมาใหม่

4. ภาพสลัก ต่อมาได้รับยกย่องเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพุทธปนศาสนาผี
แล้วสลักภาพบนผนังถ้ำเป็นพระพุทธรูปกับพระโพธิสัตว์
ฝีมือช่างแบบทวารวดี ราวหลัง พ.ศ. 1000

5. ทำลายภาพสลัก คนร้ายจำนวนหนึ่งตัดเศียรและสกัดพักตร์พระพุทธรูป
กับพระโพธิสัตว์ ฝีมือช่างแบบทวารวดี จากผนังถ้ำเขาถมอรัตน์ เมื่อ พ.ศ. 2503

กรมศิลปากร ติดตามได้คืนบางส่วน เมื่อ พ.ศ. 2505

อดีตอธิบดีกรมศิลปากร บันทึกเหตุการณ์

นิคม มูสิกะคามะ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ผู้บุกเบิก
“อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร”)
รวบรวมแล้วเรียบเรียงตามพยานหลักฐาน
เรื่อง “ความพินาศของภาพจำหลัก
ที่ถ้ำเขาถมอรัตน์ ตำบลสระกรวด อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูร”
[พิมพ์ใน นิตยสาร ศิลปากร ปีที่ 12 เล่ม 3 (กันยายน 2511) หน้า 55-72] ว่า

กรมศิลปากรสำรวจพบการทำลายในถ้ำ
จึงแจ้งความสถานีตำรวจ เมื่อ พ.ศ. 2505
(ขณะนั้นถ้ำพระ เขาถมอรัตน์ และเมืองศรีเทพ อยู่ในท้องที่ อ. วิเชียรบุรี จ. เพชรบูรณ์)

หลังจากนั้น กรมศิลปากรตรวจพบแหล่งเก็บซ่อนในซอยเกษมสันต์ 2
หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ปัจจุบันใกล้ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ ย่านปทุมวัน)

ตำรวจตามล่าและกดดันจนฝรั่งกลัวถูกจับ
เลยแอบส่งคืนเงียบๆ
ไว้หน้าพิพพิธภัณฑ์ ใกล้สนามหลวง กรุงเทพฯ

เมื่อกรมศิลปากรได้รับทรัพย์แผ่นดินคืนมาแล้ว
จึงได้รายงานให้กระทรวงศึกษาธิการทราบ
แล้วมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(หนังสือกระทรวงศึกษาธิการที่ 21946/2505 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2505)
มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

ทำลายภาพสลักในถ้ำเขาถมอรัตน์

“ด้วยกรมศิลปากรรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2505
เจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ 3 ได้ไปสำรวจโบราณสถานบริเวณเขาถมอรัตน์
เพื่อดำเนินการขึ้นทะเบียน —-ได้พบว่าพระพุทธรูปศิลาและรูปพระโพธิสัตว์ ศิลปทวารวดี
ที่จำหลักติดผนังภายในถ้ำพระบนเขาถมอรัตน์
ได้ถูกคนร้ายทำลายโดยสกัดเอาพระเศียรและพระหัตถ์
ไปทั้งหมดรวม 11 องค์ และสกัดทำลายองค์พระพุทธรูปพังเสียหาย 2 องค์—-

เจมส์ ทอมสัน ไม่คืน

ต่อมากรมศิลปากร ทราบว่าพระเศียรพระพุทธรูปและรูปพระโพธิสัตว์
ที่คนร้ายลักสกัดไปนี้ ได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของนายเจมส์ ทอมสัน
บ้านเลขที่ 6 ซอยเกษมสันต์ 2 หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ
อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร รวม 6 พระเศียร

จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปติดต่อกับนายเจมส์ ทอมสัน
เมื่อวันที่ 13 กันยายน โดยชี้แจงให้ทราบว่า
พระเศียรพระพุทธรูป 6 พระเศียร ซึ่งอยู่ในครอบครองของเขานั้น
เป็นพระเศียรที่ถูกคนร้ายลักสกัดเอามาจากในถ้ำพระบนเขาถมอรัตน์
และทางหน่วยศิลปากรที่ 3 ได้แจ้งความไว้ที่นายอำเภอวิเชียรบุรีแล้ว
ขอให้เขาคืนให้แก่กรมศิลปากรเพื่อนำมาเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติในพิพิธภัณฑ์สถานฯ ต่อไป

แต่นายเจมส์ ทอมสัน ไม่ยอมคืนให้โดยอ้างว่า
ตนซื้อพระเศียรพระพุทธรูปเหล่านี้มาโดยชอบ

เจมส์ ทอมสัน เล่นแง่กฎหมาย

กรมศิลปากรจึงได้มีหนังสือติดต่อแจ้งความไปยังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2505 ขอให้ทางตำรวจดำเนินการต่อไป

วันที่ 10 ตุลาคม ได้ไปติดต่อกับ ร.ต.อ. วิโรจน์ เปาอินทร์
สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน
เจ้าของท้องที่ซึ่งของกลางปรากฏอยู่แล้วได้พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร
ไปดูของกลางที่บ้านนายเจมส์ ทอมสัน และแจ้งให้นายเจมส์ ทอมสัน
ทราบว่าทางกรมตำรวจสงสัยว่าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุบางชิ้น
ที่อยู่ในครอบครองของเขาจะได้มาโดยมิชอบ
จำต้องขอทำการสอบสวน และขอยึดของกลางซึ่งมีพระเศียรพระพุทธรูป 4 พระเศียร
เศียรพระโพธิสัตว์ 3 เศียร และพระหัตถ์พระพุทธรูป 6 พระหัตถ์

แต่นายเจมส์ ทอมสัน ไม่ยอมให้สอบสวนและยึดของกลางดังกล่าว
โดยอ้างว่าตนเป็นชาวต่างประเทศ
จำเป็นต้องรอให้ทนายของตนมาเสียก่อน
และหาทางประวิงเวลาไม่ยอมพบเจ้าหน้าที่

ซึ่งเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาเห็นว่าพอจะให้โอกาสได้
จึงยังไม่เร่งรัดดำเนินการไปโดยทันทีทันใด

ขอแรงกองปราบ

กรมศิลปากรเกรงว่าของกลางอาจจะถูกโยกย้ายหรือเปลี่ยนมือไปที่อื่นได้
จึงได้แจ้งไปยังผู้บังคับการกองปราบปรามสามยอด
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ขอให้ช่วยพิจารณาดำเนินการในทางที่สมควร
เพื่อป้องกันมิให้โบราณวัตถุอันเป็นทรัพย์สินของชาติ
ต้องถูกซ่อนเร้นหรือโยกย้ายไปที่อื่นจนยากแก่การติดตามอีกทางหนึ่งด้วย

เจมส์ ทอมสันยอมส่งคืน

ครั้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายเจมส์ ทอมสัน
ได้นำพระเศียรพระพุทธรูปและเศียรพระโพธิสัตว์
กับชิ้นส่วนหักพังของพระพุทธรูปดังกล่าวไปมอบให้กรมศิลปากร
เพื่อยกให้เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
และขอระงับเรื่อง (ดังสำเนาหนังสือของนายเจมส์ ทอมสัน ที่มีถึง ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล)

จดหมาย ของ นายเจมส์ ทอมสัน

วันที่ 11 ตุลาคม 2505 นายเจมส์ ทอมสัน ได้มีจดหมาย ผ่านทาง
ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล
(ขณะนั้นเป็นภัณฑารักษ์เอก กองโบราณคดี กรมศิลปากร
ต่อมาดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร)
ว่า

“กระหม่อมได้นัดให้นายวิทยามารับเศียรหินปูน
เมื่อเวลา 14 น. แต่ไม่ปรากฏว่านายวิทยา หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ไปรับตามวันเวลาดังกล่าว ดังนั้นกระหม่อมจะได้ให้คนขับรถ
นำเศียรเหล่านั้นไปมอบให้ในวันศุกร์ต่อไป…

ถ้าจะนำสิ่งของเหล่านี้ออกแสดงในพิพิธภัณฑสถาน
กระหม่อมไม่ประสงค์จะออกนามกระหม่อม
นอกจากนี้ยังมีพระพักตร์ เศียรที่ชำรุดและอื่นๆ
รวมอยู่ในหีบด้วย ของเหล่านี้ได้มาจากในถ้ำ 2 แห่ง
บนเขาถมอรัตน์ กระหม่อมยังมีส่วนต่างๆ ของพระพุทธรูปนาคปรกศิลา (ประมาณ 28 ชิ้น)
กระหม่อมเข้าใจว่ามาจากบริเวณเดียวกัน
ซึ่งอาจมีผู้ทิ้งลงมาจากหน้าผา ถ้าพิพิธภัณฑสถานสนใจ
กระหม่อมจะส่งมาให้ในโอกาสต่อไป”

แต่รุ่งขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2505 นายเจมส์ ทอมสัน
ได้มอบให้คนขับรถนำโบราณศิลปวัตถุมามอบ
ให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มีบัญชีสิ่งของที่ส่งมาโดยสรุป ดังนี้

1. พระเศียรพระพุทธรูป สมัยทวารวดี 4 ชิ้น

2. พระเศียรพระโพธิสัตว์ สมัยทวารวดี 3 ชิ้น

3. พระหัตถ์พระพุทธรูป 6 ชิ้น

 Sad

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


บันทึกการเข้า

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 26, 2023, 08:29:39 am »

"การซุบซิบมันเป็นแค่ความเห็น
ไม่ได้ไปทำร้ายใคร
แต่มันเลวร้ายกว่าการขโมย"


ชายชราคนหนึ่งซุบซิบปล่อยข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นขโมย
จนทำให้ชายหนุ่มเพื่อนบ้านถูกจับ หลายวันต่อมา
เมื่อได้พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์
ชายหนุ่มจึงได้รับการปล่อยตัว
และตัดสินใจฟ้องร้องชายชราที่กล่าวหาเขาผิดๆ
ในศาล ชายชราขอความเห็นใจผู้พิพากษา
“มันเป็นแค่ความคิดเห็น ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร”

ผู้พิพากษาจึงสั่งชายชรา
“เขียนคำพูดทั้งหมดที่เจ้าพูดเกี่ยวกับเขาลงในกระดาษ
แล้วตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
โปรยออกจากหน้าต่างรถระหว่างทางกลับบ้าน
แล้วกลับมาฟังคำตัดสินพรุ่งนี้”

วันรุ่งขึ้น ผู้พิพากษากล่าวกับชายชราว่า
“เจ้าจงไปเก็บเศษกระดาษที่โปรยไว้
เมื่อวานกลับมาก่อน
แล้วจึงค่อยฟังคำตัดสิน”
“ศาลที่เคารพ ผมจะทำได้อย่างไร
ป่านนี้ลมคงพัดเศษกระดาษกระจายไปทั่ว
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันปลิวไปไหนบ้าง”
ชายชราประท้วง

ผู้พิพากษาจึงตอบว่า
“ในทำนองเดียวกัน คำพูดหรือความคิดเห็นธรรมดา
สามารถทำลายชื่อเสียงของคนๆ หนึ่งถึงขั้นที่คนๆ นั้น
ไม่สามารถกู้คืนได้ ถ้าพูดดีเกี่ยวกับคนอื่นไม่ได้
ก็จงอย่าพูดอะไรเลย”

ผู้พิพากษาหยุดชั่วครู่ ก่อนกล่าวต่อ
“การซุบซิบเลวร้ายกว่าการขโมยทรัพย์สิน เงินทอง
เพราะมันขโมยศักดิ์ศรี ชื่อเสียง
และความน่าเชื่อถือของคนอื่น
ซึ่งเขาไม่อาจกู้กลับคืนมาได้

เมื่อเท้าเจ้าก้าวพลาด ยังกลับมาทรงตัวได้ใหม่

แต่เมื่อลิ้นเจ้าพลาด พูดจาพล่อยๆ ออกไป
เจ้าไม่มีวันเอาคำพูดของเจ้าคืนมาได้เลย


 ping!
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 29, 2023, 09:44:10 am »

จริงครับ..คำพูดสำคัญมากๆ..จะทำให้คนที่พูดมีค่า หรือไร้ค่าก็ได้ ..ผมก็เคยพูดหลายอย่างออกไปโดยไม่นึกว่า จะกระทบกระเทิอนจิตใจของหลายท่าน.. ต้องกราบขออภัยด้วยครับ ..   

..ส่วนคำพูดบางคำสั้นๆ แต่ต้องทำให้จากลากันยาวๆ ล่าสุดผมไม่ได้ไปเยี่ยมหาเพื่อนคนนั้นอีกเลย..เพียงเพราะ .. เขาพูดประชดชีวิตว่า "ต่อไปไม่ต้องเอาของเยี่ยมไปที่บ้านเขาอีกแล้ว" ...  หรือบางครั้งจะพูดว่า "ตายไปได้ก็ดี ชีวิตอยู่ไปก็ไร้ค่า.."   #อย่าพูดเช่นนี้เพราะคุณอาจจะเสียเพื่อนที่หวังดีต่อคุณไปตลอดชีวิตของคุณ
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 29, 2023, 12:15:58 pm »

ขอเล่าเมื่อครั้งอดีต สมัยอยู่แถวดินแดง
เพื่อนกันรักกันมาก คบกันมาหลายปี
ทำงานที่กระทรวงมหาดไทยด้วยกัน
วันหนึ่งไปเยี่ยมเค้าที่ อโศก ไม่เจอตัว เจอแม่เค้า
แกอยากกินข้าวมันไก่ เยาวราช(จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว)
ผมเลย อาสานั่งรถเมล์ ไปซื้อให้
รถมันติดมาก ไป10โมง กลับมาถึงอโศกเกือบเที่ยง
พอแม่เค้ากิน "โยนให้หมา มันยังไม่กินเลย"
เหมือนแก บ่นว่า คงไปซื้อร้านไกล้บ้านมาให้
ตั้งแต่นั้นมา  คอนเวิร์ส ทางใครทางมัน

 
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2023, 07:09:58 am »

"โยนให้หมา มันยังไม่กินเลย"

.. คำพูดเนี่ยสำคัญมากครับ บางครั้งถ้าพูดแบบไม่คิดถึง ใจเขา ใจเรา..ทำให้เสียเพื่อน พี่ๆน้องๆดีๆไปเลยครับ 

 Smiley wav!!
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!