https://www.pohchae.com/2023/08/25/stop-facebook-desด่วน!กระทรวงดิจิทัลไทย(ดีอีเอส)เตรียมฟ้องศาล ให้ปิดเฟซบุ๊ก ในไทยภายใน 7 วัน
#กระทรวงดิจิทัลไทย #ดีอีเอส #des #ฟ้องศาล #ปิดเฟซบุ๊ก
-----------
ตามที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เตรียมเรียบเรียงหลักฐานจากผู้กระทำความผิดบนแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อส่งศาลให้มีการ ปิดเฟซบุ๊กภายในสิ้นเดือน สิงหาคม 2566 นี้ และขอให้ศาลสั่งปิดเฟซบุ๊กภายใน 7 วัน ..
หลังประชาชนถูกหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊ก และได้รับความเสียหายทางด้านทรัพย์สินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เข้าใจบริบทของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่กรณีประชาชนถูกหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะต่างๆ แล้วเฟซบุ๊กในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มไม่ดูแล จนเกิดเป็นประเด็นปัญหานี้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข..
..ซึ่งการแก้ไขต้องทำร่วมกันในหน่วยงานรัฐ เช่น ตำรวจจะต้องเข้ามาตรวจสอบ หากประชาชนร้องเรียน หรือแจ้งความดำเนินคดี โดยที่มีวิธีการที่หลากหลายมากกว่าการปิดแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเพื่อตัดปัญหา นายรติกล่าวว่า ถ้ามีการปิดให้บริการจริงๆ จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการบนเฟซบุ๊กในแง่ของการทำธุรกิจตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายย่อย เพราะบางแบรนด์ของธุรกิจมีการขายโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กเพื่อสร้างรายได้ รวมถึงมีผู้ประกอบการรายย่อยเริ่มธุรกิจบนแพลตฟอร์มนี้เช่นกัน..
ดังนั้น ถ้าจะดำเนินการปิดแพลตฟอร์มต้องพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น และอาจกระทบถึงระบบเศรษฐกิจไทย การปิดเฟซบุ๊กฟังดูจะง่ายไปหน่อย เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีเกิดขึ้นต่อเนื่อง และต้องมีการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง แล้วแพลตฟอร์มไม่ได้มีเพียงแค่เฟซบุ๊ก ..
หากปิดไปหนึ่งแพลตฟอร์มแล้ว แต่ในไทยมีสื่อออนไลน์ที่ให้บริการอื่นๆ อีก เรื่องจะไปเกิดที่แพลตฟอร์มนั้นๆ ตามกันมา แล้วกระทรวงจะไปไล่ปิดหมดก็ไม่น่าใช่การแก้ปัญหาให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่ต้องมีเทคโนโลยีเป็นสื่อกลาง นายรติกล่าว
นายรติกล่าวว่า การแก้ปัญหาให้ถูกจุดในฐานะผู้ผลิตโฆษณาและผู้บริโภคด้วย การให้ความรู้ หรือการสอนให้ประชาชนรู้เท่าทันเรื่องเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี รวมถึงการรู้เรื่องกลโกงของมิจฉาชีพที่บางหน่วยงานยังมีการประชาสัมพันธ์กับประชาชนไม่มากพอ..
อีกทั้งการดำเนินการของภาครัฐในกระทรวงต่างๆ ทำร่วมกับตำรวจให้มากขึ้น เช่น การล่อซื้อ หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อจับกุมมิจฉาชีพมาลงโทษ เพราะการไล่ปิดแพลตฟอร์มไม่ใช่ผลดีต่อการแก้ปัญหา เป็นห่วงเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนถูกมิจฉาชีพหลอกทรัพย์สิน หรือมีการหลอกขายสินค้าไม่ตรงปก ซึ่งการเปิดขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม ผู้ขายเองก็ควรมีจรรยาบรรณในการขาย ไม่หลอกลวงผู้บริโภค และต้องมีการดูแลประโยชน์ของผู้บริโภค นายรติกล่าว..