ญัตติพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล
ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
(กรณีเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) จบไปแล้วครับ
กรณีที่ประชุมรัฐสภาได้มีการประชุมครั้งที่ 1
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล
ซึ่งสมควรเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้เดียว
ให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ซึ่งผลการพิจารณาปรากฎว่า
นายพิธาฯ ได้คะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา จึงทำให้ญัตติดังกล่าว เป็นอันตกไป
มีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า กรณีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นายกรัฐมนตรี
จะสามารถนำญัตติเดิมมาเสนอให้รัฐสภาพิจารณาโหวตในญัตติเดิมนี้ได้อีกหรือไม่นั้น
ขอตอบว่า เสนอญัตติดังกล่าวเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณาอีกครั้งไม่ได้ครับ
ถือว่าญัตตินี้ตกไปแล้ว จบไปแล้วครับ ด้วยเหตุผลดังนี้
1.ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 กำหนดว่า
"ญัตติใดซึ่งตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกัน
ขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน
เว้นแต่ญัตติซึ่งยังไม่มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานสภาอนุญาต
ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป"
ซึ่งหากพิจารณาตามข้อบังคับดังกล่าว
ย่อมถือได้ว่าญัตติพิจารณาให้ความเห็นชอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ตกไปแล้ว
จะนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกไม่ได้ในสมัยประชุมนี้
หากจะนำมาพิจารณาต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงตามมาตรา 272 วรรคสองเท่านนั้นครับ
2. มาตรา 272 วรรคสอง บัญญัติว่า" หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด
และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากี่งหนึ่ง
ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา
ขอให้สภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี
จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88
ในกรณีเช่นนี้ ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน
และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป
โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้"
จากหลักการสำคัญดังกล่าว หากโหวตครั้งแรกแล้ว
ไม่สามารถได้บุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ว่าด้วยเหตุใด
ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจที่จะเปิดให้มีการลงคะแนนใหม่เองได้
ต้องให้สมาชิกรัฐสภารวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาตามมาตรา 272 วรรคสอง เท่านั้น
ประธานรัฐสภาจึงจะจัดให้การประชุมตามญัตติที่สมาชิกรัฐสภาเสนอได้
แต่สภาก็ต้องมีเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม จึงจะดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
คือให้มีการพิจารณาให้ความเห็นขอบบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี
และในการพิจารณาครั้งนี้ ผู้ที่เคยได้รับการเสนอชื่อ(นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์)
จึงจะสามารถถูกเสนอชื่อเข้ามาโหวตใหม่ได้
การดำเนินการใดๆนอกจากแนวทางนี้ ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
เมื่อรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้เช่นนี้แล้ว จึงไม่เปิดช่องทางอื่นให้
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกเสนอชื่อกลับมาให้รัฐสภาโหวตโดยง่าย
หรือโหวตเลือกนายพิธาฯ ซ้ำซากไปเรื่อยๆเหมือนนักกฎหมาย
หรือพวกกุนซือสมองทื่อเสนอให้โหวตไปเรื่อยๆจนสิ้นวาระของวุฒิสภา
ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลและนายพิธาฯ
ควรให้การศึกษาพวกด้อมส้มให้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
3.หากในระหว่างนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หยุดปฎิบัติหน้าที่ด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นกรณีที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเสนอชื่อนายพิธาฯ มาให้รัฐสภาพิจารณา
จึงไม่ควรไปปลุกให้ความหวังพวกด้อมส้มแบบผิดๆ
ควรยอมรับและเคารพมติโดยชอบของรัฐสภา หยุดปลุก ม๊อบ
สร้างปัญหาให้บ้านเมืองเสียทีเถอะครับ
ความดื้อรั้น มีแต่เกิดหายนะกับตน
ประพันธุ์ คูณมี
https://www.facebook.com/prapanth.koonmee/?locale=th_TH